เบื้องหลัง ของ การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย สิงหาคม–กันยายน พ.ศ. 2564

การยื่นญัตติขอเปิดการอภิปราย

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2564 สุทิน คลังแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้เปิดเผยว่าจะมีการยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยมุ่งเป้าที่นายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับรัฐมนตรีอีกไม่เกิน 5 คน เพื่อมุ่งเป้าไปที่ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยจนทำให้เกิดปัญหาอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัญหาปากท้องของประชาชนจากการสั่งให้มีการล็อกดาวน์แบบไม่มีมาตรการรองรับ มีประชาชนเสียชีวิตอย่างต่อเนื่องเป็นรายวัน ทั้งแบบเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสนาม เสียชีวิตอย่างไร้ญาติข้างถนน และเสียชีวิตยกครอบครัว รวมถึงมีข้อสงสัยการทุจริตในการดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอันได้แก่ ข้อทุจริตการจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งการปฏิเสธในการเข้าร่วมโคแวกซ์ การจัดซื้อวัคซีนโควิชิลด์ของแอสตร้าเซนเนก้าที่มีข้อสงสัยว่าทำไมไม่สามารถจัดส่งได้ตามกำหนด จนทำให้ต้องมีการสั่งซื้อวัคซีนโคโรนาแว็กของซิโนแว็กที่มีราคาสูงกว่าท้องตลาดแต่ไม่มีประสิทธิผลในการป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการกีดกันไม่ให้ภาคเอกชนสามารถจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาที่ผู้แทนคือบริษัท ซิลลิค ฟาร์ม่า (ประเทศไทย) เสนอขายให้โรงพยาบาลเอกชนได้สำเร็จ และข้อทุจริตในการจัดซื้อชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาด้วยตนเองที่มีข้อสงสัยว่าทำไมองค์การเภสัชกรรมถึงได้จัดซื้อมาแพงกว่าราคาจำหน่ายปกติของท้องตลาดในต่างประเทศ โดยเหตุการณ์นี้ถือเป็นความล้มเหลวของ ระบบสาธารณสุขในประเทศไทย

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก 6 พรรค ได้ยื่นญัตติขออภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รวม 6 คน (จากพรรคพลังประชารัฐ 2 คน พรรคภูมิใจไทย 2 คน พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน และอิสระอีก 1 คน) ประกอบด้วย

รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย
ลำดับที่ชื่อ / ตำแหน่งประเด็นการอภิปราย[1]
1พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  • บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องร้ายแรง
  • มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริต ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตเพื่อสร้างความร่ำรวย มั่งคั่งให้กับตนเองและพวกพ้อง
  • ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง
  • ล้มเหลวในการบริหารสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
  • ไม่มีความรอบคอบ ระมัดระวังในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไม่รักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ
  • สร้างความแตกแยกในสังคม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และทำลายผู้เห็นต่าง
  • ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน
  • ไม่ยึดมั่นและศรัทธาในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย
  • แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การบริหารราชการแผ่นดิน
  • มีพฤติการณ์โอหังคลั่งอำนาจ
2อนุทิน ชาญวีรกูล
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
  • บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องร้ายแรง
  • ล้มเหลวในการควบคุมการระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย จนส่งผลให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำอีกครั้งเป็นรอบที่สาม
  • ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง
3สุชาติ ชมกลิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
  • บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องร้ายแรง
  • ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้แรงงาน
  • ไม่กำกับควบคุมผู้ใช้แรงงานต่างด้าวให้เป็นระบบ ปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองจนเป็นสาเหตุให้มีการระบาดของโรค
  • ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตนเองและพวกพ้อง
4ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
  • บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องร้ายแรง
  • เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนผูกขาดในการดำเนินกิจการของรัฐ
  • ปล่อยปละละเลยให้องค์กรในกำกับมีการทุจริตอย่างกว้างขวาง
  • ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง จนเป็นสาเหตุหลักของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในรอบที่สาม
5ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
  • ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเองและพวกพ้อง
  • ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตนเองและพวกพ้อง
  • ใช้อำนาจบิดเบือนการนำเสนอข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยกในสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าสังคม
  • ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนและสื่อมวลชน
6เฉลิมชัย ศรีอ่อน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อตนเองและพวกพ้อง

การเตรียมการ

วันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564 สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน และตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี เพื่อกำหนดวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันถึงแนวทางการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเบื้องต้น โดยให้เปิดอภิปรายระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน และลงมติวันที่ 4 กันยายน โดยให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายไม่เกิน 40 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาลไม่เกิน 18 ชั่วโมง 30 นาที รวม 58 ชั่วโมง 30 นาที[3]

ต่อมาพรรคเพื่อไทยได้มีคำสั่งพรรคที่ พท. 0762/2564 บังคับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคทั้งหมด ต้องโหวตตามมติของพรรคคือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทุกคน หากใครฝ่าฝืนคำสั่งด้วยการไม่เข้าประชุมหรือโหวตสวนมติพรรค จะมีโทษถึงขั้นขับไล่ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค[4] เหตุการณ์นี้ทำให้ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 มองว่าอาจเป็นการขัดต่อมาตราที่ 124 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญไทย ตนจึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้มีการวินิจฉัยว่าอาจเข้าข่ายต้องโทษยุบพรรคเพื่อไทย และเพิกถอนสิทธิการรับสมัครเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคหรือไม่[5] ด้านพรรคพลังประชารัฐได้มีการจัดเตรียมให้สมาชิกบางส่วนของพรรคเป็น องค์รักษ์พิทักษ์ประยุทธ์ พร้อมซักซ้อมคิวการประท้วงและการให้การสนับสนุนการดำเนินงานของนายกรัฐมนตรี ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่าตนพร้อมสำหรับการซักฟอกครั้งนี้และได้เตรียมการชี้แจงเป็นอย่างดีเช่นกัน[6]

ผู้อภิปราย

ในการอภิปรายครั้งนี้ วิปฝ่ายค้านได้เปิดเผยสัดส่วนการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคต่าง ๆ ออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม โดยสุทิน คลังแสง ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จะมี ส.ส. อภิปรายทั้งหมด 34 คน แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทย 19 คน, พรรคก้าวไกล 13 คน, พรรคเสรีรวมไทย 3 คน, พรรคประชาชาติ 2 คน, พรรคเพื่อชาติ 1 คน, พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ พรรคไทยศรีวิไลย์ โดยมุ่งเน้นไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายอนุทิน ชาญวีรกูล จำนวน 33 ชั่วโมง และรัฐมนตรีคนอื่น ๆ อีกคนละ 1 ชั่วโมงเศษ[7]

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีไทย สิงหาคม–กันยายน พ.ศ. 2564 https://mgronline.com/factcheck/detail/96400000871... https://www.sanook.com/news/8437182/ https://www.sanook.com/news/8440846/ https://www.thansettakij.com/politics/493456 https://workpointtoday.com/politic-36/ https://workpointtoday.com/politics-91/ https://www.prachachat.net/politics/news-739389 https://www.prachachat.net/politics/news-750177 https://www.thaipost.net/main/detail/114637 https://www.thaipost.net/main/detail/115116