อิสิดอร์ อิซาค ราบี (
29 กรกฎาคม พ.ศ. 2441 -
11 มกราคม พ.ศ. 2531) เป็นนักฟิสิกส์ ผู้มีถิ่นกำเนิดจาก
ออสเตรีย และได้รับ
รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี
พ.ศ. 2487ราบีถือกำเนิดใน หมู่บ้าน Rymanów เมือง Galicia อาณาจักรออสเตรีย (ปัจจุบันเป็น
ประเทศโปแลนด์) และ ถูกพามาที่
สหรัฐอเมริกาหลังจากถือกำเนิดขึ้นได้เพียง 1 ปี เขาได้รับ ปริญญาทางวิทยาศาสตร์บัณฑิต (ปริญญาตรี) ทางเคมี จาก
มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ในปี พ.ศ. 2462 และ ศึกษาต่อที่
มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ ได้รับ ปริญญาดุษฎีบัณฑิต (ปริญญาเอก) ในปี 2470 เขาใช้เวลา 2 ปีถัดจากนั้น ในยุปโรป หลังจากได้รับทุนผู้ติดตาม โดยเขาได้ทำงานกับนักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงมากหลายท่าน เช่น
นีลส์ บอร์ (Niels Bohr),
เวอร์เนอร์ ไฮเซนเบอร์ก (Werner Heisenberg),
ว็อล์ฟกัง เพาลี (Wolfgang Pauli), และ
ออตโต สเติร์น (Otto Stern) ต่อมาเขาจึงได้เข้าทำงานเป็นอาจารย์ที่ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ ไม่ได้ย้ายไปไหนอีกในปี 2473 ราบีได้นำการค้นคว้าวิจัยไปสู่การศึกษาธรรมชาติของแรงที่รวมเอา
โปรตอน ใน
นิวเคลียสของ
อะตอม เข้าด้วยกัน งานวิจัยนี้ท้ายที่สุดแล้วได้นำพาไปสู่ การสร้าง วิธีการตรวจจับแบบ การสั่นพ้องทาง
แม่เหล็ก ของ ลำ
โมเลกุล ซึ่งเป็นผลให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในเวลาต่อมาในปี 2483 เขาได้รับการอนุญาตให้ย้ายจากโคลัมเบียไปทำงานเป็นรองผู้อำนวยการของ ห้องทดลองการแผ่รังสี ที่
สถาบันเทคโนโลยีแมสสาชูเสทส์ (Massachusetts Institute of Technology: MIT) เพื่อจะพัฒนา
เรดาร์ เขาตกลงอย่างไม่เต็มใจนักที่จะทำงานเป็นที่ปรึกษาเยือน ผู้ต้องเดินทางไปๆ มาๆ จาก ลอส แอลามอส ที่ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในน้อยคนที่ได้รับการยกเว้นในกฎที่เข้มงวดของที่นั่น นายพล กรูฟส์ ได้มีความพยายามเป็นพิเศษที่จะนำ ราบี (ซึ่งเคยเป็นเพื่อนนักเรียนกับ โอพเพนไฮเมอร์ (Oppenheimer) และ มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน) ไปสู่ ลอส แอลามอส ในช่วงเวลาสำคัญที่นำไปสู่การทดลองไทรนิตี (Trinity test) เพื่อว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือ โอพเพนไฮเมอร์ ให้รักษาสภาพจิตที่เป็นปกติเอาไว้ได้ ภายใต้แรงกดดันมหาศาลหลังจากสงครามเขาได้ทำงานวิจัยของเขาต่อ ซึ่งงานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการสร้าง
เลเซอร์ และ
นาฬิกาอะตอม ทั้งนี้เขายังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง ห้องทดลองแห่งชาติบรูคเฮฟเวน (Brookhaven National Laboratory ) และ องค์ที่รู้จักกันในนามว่า
เซิร์น (CERN)ราบี เป็นหัวหน้าภาควิชาฟิสิกส์ของ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย จากช่วง พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2492 ซึ่งเป็นช่วงที่ มหาวิทยาลัย เป็นที่ทำงานหลักของ นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลถึงสองท่าน (ราบี และ เอนริโก เฟอร์มิ) และ นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลในอนาคตอีกถึง 11 ท่าน ซึ่งประกอบไปด้วย ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ 7 ท่าน (โพลีคาร์พ คุช, วิลลิส แลมบ์, มาเรีย โกเอพเพิร์ท-เมเยอร์, เจมส์ เรนวอเทอร์, นอร์แมน แรมซี, ชาร์ลส์ เทาซ์ และ ฮิเดกิ ยูกาวา), นักวิจัย 1 ท่าน (เอจ บอห์ร) ศาสตราจารย์เยือน 1 ท่าน (ฮานส์ เบธธะ), นักศึกษาปริญญาเอก 1 ท่าน (ลีออน ลีเดอร์แมน) และ นักศึกษาปริญญาตรีอีก 1 ท่าน (ลีออน คูเปอร์) เมื่อมหาวิทยาลัยโคลัมเบียสร้างตำแหน่งศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยในปี 2507 ราบีเป็นคนแรกที่ได้รับตำแหน่งที่ว่านั้น เขาเกษียณจากการสอนในปี 2511 แต่ยังคงทำงานในภาค และ ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์เกษียณผู้ทรงเกียรติของมหาวิทยาลัย และ ผู้บรรยายพิเศษ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในวันที่ 11 มกราคม 2531เขาเป็นผู้ที่ตั้งข้อสังเกตอันเลื่องชื่อว่า "โลกคงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มี เอดวาร์ด เทลเลอร์
[1]" นอกจากนี้เขายังถูกรู้จักในฐานะผู้ตั้งคำถาม "ใครสั่ง มิวออน มาละ"