ประวัติ ของ A

อักษร A มีจุดเริ่มต้นมาจากอักษรภาพ (pictogram) จากรูปหัวของวัวในไฮโรกลิฟ หรืออักษรในยุคสำริด[2]

ไฮโรกลิฟ
หัวของวัว
อักษรยุคสำริด
หัวของวัว
อักษรฟินิเชีย
อะเลฟ
อักษรกรีก
แอลฟา
อักษรอีทรัสคัน
A
อักษรโรมัน
A

ในช่วงประมาณ 1600 ปีก่อนคริสตกาล อักษร A ของอักษรฟินิเชียได้พัฒนาเป็นรูปแบบเชิงเส้น ซึ่งเป็นพื้นฐานของรูปแบบการเขียน A ในเวลาต่อมา ชื่อของอักษรนี้มีชื่อเหมือนกับ "อะลิฟ" ในอักษรอาหรับ หรือ "อะเลฟ" ในอักษรฮีบรู

เมื่อถึงยุคกรีซโบราณ ชาวกรีกก็ได้รับเอาอักษรฟินิเชียมาดัดแปลง และเนื่องจากชาวกรีกไม่มีการใช้เสียงกัก เส้นเสียง (glottal stop) อ /ʔ/ เหมือนภาษาฟินิเชียหรือภาษากลุ่มเซมิติกอื่น ๆ ดังนั้นชาวกรีกจึงใช้อักษรนี้แทนเสียงสระ อา /a/ และเรียกชื่อใหม่เป็นแอลฟา (alpha) ในจารึกเริ่มแรกหลังจากยุคมืดของกรีซ (Greek Dark Ages) จนถึงศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล อักษร A เขียนโดยตะแคงด้านหนึ่งราบลงไปกับเส้นบรรทัดคล้ายอักษรฟินิเชีย แต่ในภายหลังอักษรกรีกได้พัฒนาให้คล้ายกับอักษรในปัจจุบัน

Blackletter AUncial AAnother Capital A
Modern Roman AModern Italic AModern Script A

ชาวอีทรัสคันได้นำอักษรกรีกไปใช้ในดินแดนคาบสมุทรอิตาลีและยังคงไว้ซึ่งรูปอักษร ต่อมาชาวโรมันนำเอาอักษรอีทรัสคันไปเขียนภาษาละติน ส่งผลให้อักษรนี้ยังคงมีใช้อยู่ในอักษรละตินสมัยใหม่และใช้เขียนภาษาต่าง ๆ ในปัจจุบันรวมทั้งภาษาอังกฤษ

อักษรนี้มีอักษรตัวเล็กสองแบบ แบบหนึ่งประกอบด้วยห่วงคล้ายวงกลมและเส้นตั้งหนึ่งขีด (ɑ) เรียกว่า "ละตินแอลฟา" มักพบในการเขียนด้วยลายมือ ในขณะที่สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ใช้อีกแบบหนึ่งซึ่งประกอบด้วยห่วงคล้ายวงกลมและเส้นโค้งที่คลุมด้านบน (a) อักษรทั้งสองแบบต่างก็พัฒนามาจากอักษรตัวใหญ่ตัวเดียวกัน โดยเชื่อมขาข้างซ้ายเข้ากับเส้นขวางตรงกลางให้เป็นห่วงอันเดียว (ดูภาพ Unicial A) แบบอักษรจำนวนมากได้ทำให้ขาข้างขวาตั้งตรง ซึ่งอักษรบางแบบก็ทำให้เซริฟที่อยู่บนขาข้างขวากลายเป็นเส้นโค้งไป ทำให้รูปแบบนี้ใช้สำหรับการพิมพ์ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งก็ใช้สำหรับการเขียนด้วยลายมือ