การแปลผล ของ Humphrey_field_analyser

แผ่นพิมพ์แสดงผล
1: ดรรชนีความน่าเชื่อถือได้
2: ผลเป็นตัวเลข (Numerical Display)
3: ผลเป็นสเกลสีเทา
4: ความคลาดเคลื่อนทั้งหมด
5: ความน่าจะเป็น
6: Pattern Deviation
7: Global Indices
8: Glaucoma Hemifield Test
9: Visual Field Index

ดรรชนีความเชื่อถือได้

ความเชื่อถือได้เป็นเรื่องสำคัญมากเมื่อแปลผลมีปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งคนไข้เสียสมาธิ ปิดตา หรือกดปุ่มบ่อยเกินการเฝ้าสังเกตการตรึงตาของคนไข้สามารถทำได้ที่หน้าจอหรือที่ "gaze tracker" ซึ่งอยู่ทางด้านล่างของแผ่นพิมพ์แสดงผลระดับความเชื่อถือได้จะแสดงเป็นดรรชนีความเชื่อถือได้ (reliability indices) ที่อยู่ในแผ่นพิมพ์แสดงผล (ดูรูป)ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจดูเป็นอย่างแรกเพื่อดูว่าผลเชื่อถือได้หรือไม่ดรรชนีรวมทั้ง

  • การเสียการตรึงตา (Fixation Losses) : บันทึกเมื่อคนไข้ตอบสนองต่อแสงกระตุ้นที่ยิงไปที่จุดบอดของตา ถ้าเกิน 20% ก็จะระบุด้วย 'XX' ถัดไปจากคะแนน ซึ่งแสดงว่าผลเชื่อถือไม่ได้[12]
  • ผลบวกลวง (False Positives) : บันทึกเมื่อคนไข้ตอบสนองเมื่อไม่มีแสงกระตุ้น ถ้าเกิน 15% ก็จะระบุด้วย 'XX' ต่อจากคะแนน ซึ่งแสดงว่าเชื่อถือไม่ได้ และอาจเป็นตัวบ่งว่าคนไข้กลัวว่าจะทำการทดสอบผิดพลาด[12]
  • ผลลบลวง (False Negatives) : บันทึกเมื่อคนไข้ไม่ตอบสนองต่อแสงกระตุ้นที่สว่างแม้คนไข้จะได้บ่งแล้วว่าเห็นแสงกระตุ้นที่อ่อนกว่า ถ้าค่าสูง นี่แสดงว่าคนไข้เหนื่อย ไม่ใส่ใจ แสร้งป่วย หรือมีปัญหาเสียลานสายตาไปมากจริง ๆ[12] วรรณกรรมแพทย์ได้แสดงเปอร์เซ็นต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือได้ ส่วนมากกำหนดว่า ผลลบลวงที่สูงกว่าประมาณ 30% ไม่น่าเชื่อถือ[13][14][15]

ผล

เมื่อตรวจดูความน่าเชื่อถือได้แล้ว จึงจะประเมินข้อมูลที่เหลือ

(2) ผลเป็นตัวเลข

ผลเป็นตัวเลขแสดงความไวที่จุดจอตาต่าง ๆ ของคนไข้มีหน่วยเป็น dB เลขยิ่งมากก็แสดงว่าไวมากซึ่งปกติจะไวสุดตรงกลางลานสายตาและค่อย ๆ ลดลงเมื่อห่างออกไปค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 30 dB ค่าที่น้อยกว่า 0 dB หมายถึงไม่เห็นเลย[16]

(3) สเกลสีเทา

สเกลสีเทาเป็นภาพแสดงของผลตัวเลข (2) ทำให้แปลผลการเสียลานสายตาได้ง่ายส่วนที่เข้มกว่าหมายถึงไวน้อยกว่า ส่วนที่อ่อนกว่าเป็นส่วนที่ไวกว่า[3]สเกลนี้ใช้แสดงความเปลี่ยนแปลงของสายตา แต่ก็ไม่ใช้เพื่อวินิจฉัยโรค

รูปแบบความผิดปกติของลานสายตา (ตาขวา)
A: ดวงมืดกลางลานเห็น (central scotoma)
B: Centrocaecal scotoma (ดวงมืดเป็นวงรี รวมจุดตรึงตา และจุดบอด[17])
C: Nasal Step (เป็นรูปบันไดด้านใน)
D: Superior Arcuate (เป็นรูปโค้งด้านบน)
E: Nasal Wedge defect (เป็นรูปลิ่มด้านใน)
F: Superior Nasal quadrantanopia (บอดเสี้ยวเดียวด้านในข้างบน)
G: Superior Altitudinal (บอดครึ่งซีกบน)
H: Nasal hemianopia (บอดครึ่งซีกใน)
I: Enlarged Blind Spot with Paracentral scotoma located 15 degrees superiorly (จุดบอดใหญ่ขึ้นโดยมีดวงมืดข้าง ๆ ส่วนกลางที่ 15 องศาบน)

(4) ความคลาดเคลื่อนทั้งหมด (Total Deviation)

ค่าความคลาดเคลื่อนเป็นตัวเลขแสดงความต่างระหว่างค่าที่วัดได้กับค่าของคนรุ่นเดียวกันที่จุดในจอตาต่าง ๆ[3]

  • ค่าลบแสดงความไวที่ต่ำกว่าปกติ
  • ค่าบวกแสดงความไวที่สูงกว่าปกติ
  • 0 แสดงว่าเท่ากัน[3]

ค่าความคลาดเคลื่อนกำหนดโดยสถิติที่อยู่ด้านล่างจากค่าเป็นตัวเลข แสดงเปอร์เซ็นต์ของกลุ่มประชากรปกติที่มีค่าวัดต่ำกว่าคนไข้ในแต่ละจุด ๆค่าความน่าจะเป็น (5) แสดงเปอร์เซ็นต์เพื่อใช้ตีความค่าความคลาดเคลื่อนโดยสถิติ[3]ยกตัวย่างเช่น สี่เหลี่ยมเข้มสุดหมายถึงว่า <0.5% ของประชากรก็ได้ค่านี้เช่นกัน ซึ่งแสดงว่าการเสียการเห็นที่จุดนี้สูงมากภาพความคลาดเคลื่อนทั้งหมดนี้เน้นแสดงการเสียการเห็นที่กระจายไปทั่ว (คือที่ต่างกับบุคคลกลุ่มอายุเดียวกันทั้งหมด)[18]

(6) Pattern Deviation

ภาพ Pattern Deviation ให้ข้อมูลความคลาดเคลื่อนทั้งแบบเป็นตัวเลขและโดยสถิติแต่มันไม่นับการเห็นที่ลดลงเนื่องจากความขุ่นใสของกระจกตา (เช่น ต้อกระจก) หรือสายตาผิดปกติที่ไม่ได้แก้ หรือการไวแสงน้อยลงเนื่องจากอายุหรือรูม่าตาหด (pupil miosis)จึงเป็นการเน้นตรวจการเสียสายตาที่สงสัยว่ามีเหตุจากโรค (focal loss) เท่านั้น[16]และจึงเป็นภาพที่แพทย์ใช้วินิจฉัยโรคปกติแล้ว ภาพ Pattern Deviation จะเข้มน้อยกว่าภาพ Total Deviation เพราะไม่รวมการเห็นที่เสียไปเนื่องจากปัจจัยที่กล่าวแล้ว

(7) Global Indices

หมายเลขแต่ละอย่างในกลุ่มนี้ให้ข้อสรุปทางสถิติแม้จะไม่ใช้เพื่อวินิจฉัยในเบื้องต้น แต่ก็สำคัญเพื่อเฝ้าตรวจความคืบหน้าของต้อหิน[3]หมายเลขรวมทั้ง

  • ค่าเบี่ยงเบนเฉลี่ย (Mean Deviation, MD) : ได้มาจากค่าเบี่ยงเบนทั้งหมด เป็นค่าต่างโดยเฉลี่ยจากค่าปกติของคนรุ่นเดียวกัน[19] ค่าลบหมายถึงมีลานสายตาเสีย ค่าบวกแสดงว่า มีลานสายตาที่ดีกว่าคนอายุเท่ากันโดยเฉลี่ย จะมีค่า P ก็ต่อเมื่อค่าแรกผิดปกติ คือแสดงเปอร์เซ็นต์ที่ค่านั้นเกิดในกลุ่มประชากร ยกตัวอย่างเช่น P <2% หมายถึงประชากรน้อยกว่า 2% ซึ่งมีตาเสียหายยิ่งกว่าค่าที่วัดได้จากคนไข้[20]
  • Pattern Standard Deviation (PSD) : เป็นค่าที่ได้มาจาก Pattern Deviation และดังนั้น จึงแสดงความเสียหายโดยเฉพาะ (focal loss) เท่านั้น ค่าสูงซึ่งแสดงว่าสายตาผิดปกติ จึงเป็นตัวบ่งชี้ที่มีประโยชน์ของความคืบหน้าของต้อหิน ไม่เหมือนกับค่า MD[3]

(8) Glaucoma Hemifield Test (GHT)

Glaucoma Hemifield Test (GHT) เป็นการประเมินจอตาที่ปกติเสียหายเพราะต้อหินโดยเปรียบเทียบบริเวณที่คู่กัน 5 คู่ระหว่างลานสายตาด้านบนกับล่าง[3][21]ผลซึ่งอาจเป็น Outside Normal Limits คือนอกเขตปกติ ลานสายตาบนและล่างจะต่างกันอย่างสำคัญ, Borderline คือก้ำกึ่ง จะมีความแตกต่างที่น่าเป็นห่วง หรือ Within Normal Limits คือปกติ ผลเหล่านี้จะพิจารณาก็ต่อเมื่อคนไข้มีต้อหินหรือสงสัยว่ามีต้อหิน[21]และมีใช้กับเครื่องที่รองรับเกณฑ์วิธี 30-2 และ 24-2 เท่านั้น[3]

(9) Visual Field Index (VFI)

Visual Field Index (VFI) ช่วยให้เห็นการทำงานและความผิดปกติของ retinal ganglion cell เป็นเปอร์เซ็นต์ โดยลานสายตาตรงกลางจะให้น้ำหนักมากกว่า[22]และค่าจะแสดงเปอร์เซ็นต์ที่ลานสายตาทำงานค่า 100% จัดเป็นลานสายตาดีสุดสำหรับคนรุ่นเดียวกัน และ 0% จัดว่ามีลานสายตาบอดหมดภาพความน่าจะเป็นแบบ pattern deviation (หรือความน่าจะเป็นแบบ total deviation เมื่อ MD แย่กว่า -20 dB) ใช้ระบุบริเวณที่ผิดปกติและความไวตามอายุ ซึ่งคำนวณโดยใช้ตัวเลขจาก total deviationในเรื่องความเสียหายเพราะต้อหิน VFI เป็นดรรชนีที่เชื่อถือได้และอาจใช้จัดระดับของโรคได้[23]

รูปแบบสีเข้ม ๆ ที่แสดงในภาพ Pattern Deviation ช่วยให้วินิจฉัยความเสียหายต่อสายตาซึ่งอาจใช้เป็นข้อมูลเพื่อวินิจฉัยโรคบางชนิดแม้บทความนี้จะไม่กล่าวถึงการเห็นที่เสียไปโดยสัมพันธ์กับโรค แต่ก็มีรูปแสดงตัวอย่างการเสียลานสายตา

แหล่งที่มา

WikiPedia: Humphrey_field_analyser http://go.galegroup.com.ez.library.latrobe.edu.au/... http://search.proquest.com.ez.library.latrobe.edu.... http://www.optometry.org.au/vic/practice-info/driv... http://archopht.jamanetwork.com/article.aspx?artic... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2094527 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4064971 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/17320924 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18326712 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24802595 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24950300