เมนูนำทาง
Humphrey_field_analyser การแปลผลความเชื่อถือได้เป็นเรื่องสำคัญมากเมื่อแปลผลมีปัญหาต่าง ๆ รวมทั้งคนไข้เสียสมาธิ ปิดตา หรือกดปุ่มบ่อยเกินการเฝ้าสังเกตการตรึงตาของคนไข้สามารถทำได้ที่หน้าจอหรือที่ "gaze tracker" ซึ่งอยู่ทางด้านล่างของแผ่นพิมพ์แสดงผลระดับความเชื่อถือได้จะแสดงเป็นดรรชนีความเชื่อถือได้ (reliability indices) ที่อยู่ในแผ่นพิมพ์แสดงผล (ดูรูป)ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจดูเป็นอย่างแรกเพื่อดูว่าผลเชื่อถือได้หรือไม่ดรรชนีรวมทั้ง
เมื่อตรวจดูความน่าเชื่อถือได้แล้ว จึงจะประเมินข้อมูลที่เหลือ
ผลเป็นตัวเลขแสดงความไวที่จุดจอตาต่าง ๆ ของคนไข้มีหน่วยเป็น dB เลขยิ่งมากก็แสดงว่าไวมากซึ่งปกติจะไวสุดตรงกลางลานสายตาและค่อย ๆ ลดลงเมื่อห่างออกไปค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 30 dB ค่าที่น้อยกว่า 0 dB หมายถึงไม่เห็นเลย[16]
สเกลสีเทาเป็นภาพแสดงของผลตัวเลข (2) ทำให้แปลผลการเสียลานสายตาได้ง่ายส่วนที่เข้มกว่าหมายถึงไวน้อยกว่า ส่วนที่อ่อนกว่าเป็นส่วนที่ไวกว่า[3]สเกลนี้ใช้แสดงความเปลี่ยนแปลงของสายตา แต่ก็ไม่ใช้เพื่อวินิจฉัยโรค
รูปแบบความผิดปกติของลานสายตา (ตาขวา)ค่าความคลาดเคลื่อนเป็นตัวเลขแสดงความต่างระหว่างค่าที่วัดได้กับค่าของคนรุ่นเดียวกันที่จุดในจอตาต่าง ๆ[3]
ค่าความคลาดเคลื่อนกำหนดโดยสถิติที่อยู่ด้านล่างจากค่าเป็นตัวเลข แสดงเปอร์เซ็นต์ของกลุ่มประชากรปกติที่มีค่าวัดต่ำกว่าคนไข้ในแต่ละจุด ๆค่าความน่าจะเป็น (5) แสดงเปอร์เซ็นต์เพื่อใช้ตีความค่าความคลาดเคลื่อนโดยสถิติ[3]ยกตัวย่างเช่น สี่เหลี่ยมเข้มสุดหมายถึงว่า <0.5% ของประชากรก็ได้ค่านี้เช่นกัน ซึ่งแสดงว่าการเสียการเห็นที่จุดนี้สูงมากภาพความคลาดเคลื่อนทั้งหมดนี้เน้นแสดงการเสียการเห็นที่กระจายไปทั่ว (คือที่ต่างกับบุคคลกลุ่มอายุเดียวกันทั้งหมด)[18]
ภาพ Pattern Deviation ให้ข้อมูลความคลาดเคลื่อนทั้งแบบเป็นตัวเลขและโดยสถิติแต่มันไม่นับการเห็นที่ลดลงเนื่องจากความขุ่นใสของกระจกตา (เช่น ต้อกระจก) หรือสายตาผิดปกติที่ไม่ได้แก้ หรือการไวแสงน้อยลงเนื่องจากอายุหรือรูม่าตาหด (pupil miosis)จึงเป็นการเน้นตรวจการเสียสายตาที่สงสัยว่ามีเหตุจากโรค (focal loss) เท่านั้น[16]และจึงเป็นภาพที่แพทย์ใช้วินิจฉัยโรคปกติแล้ว ภาพ Pattern Deviation จะเข้มน้อยกว่าภาพ Total Deviation เพราะไม่รวมการเห็นที่เสียไปเนื่องจากปัจจัยที่กล่าวแล้ว
หมายเลขแต่ละอย่างในกลุ่มนี้ให้ข้อสรุปทางสถิติแม้จะไม่ใช้เพื่อวินิจฉัยในเบื้องต้น แต่ก็สำคัญเพื่อเฝ้าตรวจความคืบหน้าของต้อหิน[3]หมายเลขรวมทั้ง
Glaucoma Hemifield Test (GHT) เป็นการประเมินจอตาที่ปกติเสียหายเพราะต้อหินโดยเปรียบเทียบบริเวณที่คู่กัน 5 คู่ระหว่างลานสายตาด้านบนกับล่าง[3][21]ผลซึ่งอาจเป็น Outside Normal Limits คือนอกเขตปกติ ลานสายตาบนและล่างจะต่างกันอย่างสำคัญ, Borderline คือก้ำกึ่ง จะมีความแตกต่างที่น่าเป็นห่วง หรือ Within Normal Limits คือปกติ ผลเหล่านี้จะพิจารณาก็ต่อเมื่อคนไข้มีต้อหินหรือสงสัยว่ามีต้อหิน[21]และมีใช้กับเครื่องที่รองรับเกณฑ์วิธี 30-2 และ 24-2 เท่านั้น[3]
Visual Field Index (VFI) ช่วยให้เห็นการทำงานและความผิดปกติของ retinal ganglion cell เป็นเปอร์เซ็นต์ โดยลานสายตาตรงกลางจะให้น้ำหนักมากกว่า[22]และค่าจะแสดงเปอร์เซ็นต์ที่ลานสายตาทำงานค่า 100% จัดเป็นลานสายตาดีสุดสำหรับคนรุ่นเดียวกัน และ 0% จัดว่ามีลานสายตาบอดหมดภาพความน่าจะเป็นแบบ pattern deviation (หรือความน่าจะเป็นแบบ total deviation เมื่อ MD แย่กว่า -20 dB) ใช้ระบุบริเวณที่ผิดปกติและความไวตามอายุ ซึ่งคำนวณโดยใช้ตัวเลขจาก total deviationในเรื่องความเสียหายเพราะต้อหิน VFI เป็นดรรชนีที่เชื่อถือได้และอาจใช้จัดระดับของโรคได้[23]
รูปแบบสีเข้ม ๆ ที่แสดงในภาพ Pattern Deviation ช่วยให้วินิจฉัยความเสียหายต่อสายตาซึ่งอาจใช้เป็นข้อมูลเพื่อวินิจฉัยโรคบางชนิดแม้บทความนี้จะไม่กล่าวถึงการเห็นที่เสียไปโดยสัมพันธ์กับโรค แต่ก็มีรูปแสดงตัวอย่างการเสียลานสายตา
เมนูนำทาง
Humphrey_field_analyser การแปลผลใกล้เคียง
Humphrey field analyser Humphrey Bogart Humphrey Stafford, 1st Duke of Buckingham Humphry Davy Humpback whaleแหล่งที่มา
WikiPedia: Humphrey_field_analyser http://go.galegroup.com.ez.library.latrobe.edu.au/... http://search.proquest.com.ez.library.latrobe.edu.... http://www.optometry.org.au/vic/practice-info/driv... http://archopht.jamanetwork.com/article.aspx?artic... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2094527 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4064971 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/17320924 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/18326712 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24802595 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24950300