การคมนาคม ของ กรุงเทพมหานคร

ภาพทางด่วนบริเวณทางแยกมักกะสันยามค่ำคืน ซึ่งมีปริมาณรถ 1.5 ล้านคันต่อวัน[76]

เดิมทีกรุงเทพมหานครใช้การสัญจรทางน้ำเป็นหลัก โดยมีคลองจำนวนมากจนได้ฉายาว่า "เวนิสตะวันออก" แต่ปัจจุบันได้มีการถมคลองเพื่อทำเป็นถนน การคมนาคมจึงเน้นหนักไปทางบกแทน โดยถนนสายแรกคือ ถนนเจริญกรุง ซึ่งสร้างเสร็จใน พ.ศ. 2407 หลังจากนั้น ได้มีการสร้างถนนใหม่ขึ้นมากมาย เช่น ถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร ประมาณ พ.ศ. 2533 ได้มีการสร้างทางพิเศษขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ส่วนระบบขนส่งทางราง ได้มีส่วนเข้ามาดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2436 โดยมีการให้บริการระบบรถราง ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ พ.ศ. 2437 แต่ได้ถูกยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2511 และในพ.ศ. 2542ได้มีการเปิดบริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายแรกชื่อว่า รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษาหรือรถไฟฟ้าบีทีเอส ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ได้เปิดให้บริการ และในปี พ.ศ. 2553 ได้เปิดเดินรถโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม ในปี พ.ศ. 2559 ส่วนระบบขนส่งทางน้ำนั้น ให้บริการเส้นทางในแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองแสนแสบ

การเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดต่าง ๆ มีหลายเส้นทาง ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดิน ทางรถไฟ นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านได้อีกด้วย

ทางรถยนต์

ถนนพระรามที่ 2 ในกรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานครเป็นจุดเริ่มต้นของถนนหลักของประเทศไทย ได้แก่

ทั้งนี้ มีทางหลวงสายหลักที่ไม่ได้เริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร คือ ถนนมิตรภาพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2) ซึ่งเริ่มต้นที่จังหวัดสระบุรี

ในเขตกรุงเทพมหานครมีทางหลวงพิเศษ 3 สาย ได้แก่

  1. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 รวม 126 กิโลเมตร เปิดใช้บริการครั้งแรก 79 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2541
  2. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษก) เปิดใช้บริการส่วนต่อขยายครั้งล่าสุด (ด้านใต้) วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
  3. ทางหลวงหมายเลข 338 (ถนนบรมราชชนนี)
ดูเพิ่มเติมที่: ทางหลวงพิเศษ
ทางยกระดับ
  1. ทางยกระดับอุตราภิมุข มีระยะทางรวมประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในการบริหารจัดการโดยบริษัททางยกระดับดอนเมืองจำกัด (มหาชน) ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตรจากดินแดงถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (ทางยกระดับดอนเมือง) เปิดบริการเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2537 และอยู่ในการบริหารจัดการโดยกรมทางหลวง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร จากอนุสรณ์สถานแห่งชาติถึงรังสิต (ส่วนของกรมทางหลวง) เปิดบริการเมื่อ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2541
  2. ทางคู่ขนานลอยฟ้าพระบรมราชชนนี จากทางแยกอรุณอมรินทร์ถึงทางแยกต่างระดับสิรินธรระยะทาง 4.50 กิโลเมตร และจากทางแยกต่างระดับสิรินธรถึงจุดสิ้นสุดโครงการ บริเวณเลยจุดข้ามทางแยกต่างระดับพุทธมณฑล สาย 2 ไปอีก 500 เมตร ระยะทาง 9.30 กิโลเมตร เปิดเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2541[77]
ทางพิเศษ
ดูเพิ่มเติมที่: ทางพิเศษในประเทศไทย
ทางพิเศษดินแดง ช่วงทางขึ้น

กรุงเทพมหานครมีทางพิเศษ (ทางด่วน) ทั้งหมด 9 เส้นทาง ทางเชื่อมพิเศษทั้งหมด 2 เส้นทาง แบ่งเป็นทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 8 เส้นทาง[78] ทางเชื่อมพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2 เส้นทาง และทางหลวงพิเศษของกรมทางหลวง 1 เส้นทาง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด โดยประชาชนต้องชำระเงินเป็นกรณีพิเศษ

  • ทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้แก่
  1. ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ระบบทางด่วนขั้นที่ 1) ระยะทางรวม 27.1 กิโลเมตร ประกอบด้วย
    1. สายดินแดง-ท่าเรือ ระยะทาง 8.9 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2524
    2. สายบางนา-ท่าเรือ ระยะทาง 7.9 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 17 มกราคม พ.ศ. 2526
    3. สายดาวคะนอง-ท่าเรือ ระยะทาง 10.3 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530
  2. ทางพิเศษศรีรัช (ระบบทางด่วนขั้นที่ 2) ระยะทางรวม 28.4 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 2 กันยายน พ.ศ. 2536
  3. ทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์) ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ทางพิเศษฉลองรัชได้เปิดให้บริการตลอดสาย เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2539
  4. ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี) ระยะทาง 55 กิโลเมตร เปิดให้บริการตลอดสายเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543
  5. ทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) ระยะทางรวม 32 กิโลเมตร ระยะที่ 1 ทาง 22 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 2 ธันวาคม 2541 และระยะที่ 2 ระยะทาง 10 กิโลเมตร เปิดให้บริการ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
  6. ทางพิเศษสาย S1 ระยะทาง 4.7 กิโลเมตร ก่อสร้างเป็นทางยกระดับ 6 ช่องจราจร เปิดให้บริการ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548
  7. ทางพิเศษสายรามอินทรา-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552
  8. ทางพิเศษสายสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ก่อสร้างเป็นทางขนาด 6 ช่องจราจร ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร เปิดให้บริการวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550
  9. ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ก่อสร้างเป็นทางขนาด 6 ช่องจราจร ระยะทาง 16.7 กิโลเมตร เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559
  • ทางเชื่อมพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้แก่
  1. ทางเชื่อมทางพิเศษ สายบางพลี-สุขสวัสดิ์ กับ ทางพิเศษบูรพาวิถี[79] เปิดบริการ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552
  2. ทางเชื่อมต่อทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์กับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม 2 กิโลเมตร[80] เปิดใช้ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554
  3. ทางเชื่อมทางพิเศษศรีรัช กับทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ระยะทาง 360 เมตร เปิดให้บริการเมือวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561[81]

ทางรถโดยสารประจำทาง

รถโดยสารประจำทางในกรุงเทพมหานคร

รถโดยสารประจำทางมีหลายสายเพื่อเป็นการบริการประชาชน ให้บริการในราคาย่อมเยา โดยรถโดยสารประจำทางเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีทั้งหมด 254 สาย ซึ่งในจำนวนนี้มีที่ขึ้นทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 36 เส้นทาง และเป็นเส้นทางที่ใช้รถปรับอากาศในเส้นทางเดียวกับเส้นทางปกติ 143 เส้นทาง ดังนั้นจึงคงเหลือรถธรรมดาที่ไม่ขึ้นทางด่วนและไม่มีรถปรับอากาศบริการในเส้นทางนั้น ๆ 75 เส้นทาง รถโดยสารร่วมบริการขนาดเล็ก (มินิบัส) ราคา 10 บาทตลอดสาย รถโดยสารธรรมดาของ ขสมก. ราคา 8 บาทตลอดสาย รถโดยสารธรรมดาร่วมบริการราคา 10 บาทตลอดสาย รถโดยสารปรับอากาศราคาเริ่มต้น 12 บาท รถโดยสารปรับอากาศแบบยูโร 2 ราคาเริ่มต้น 13 บาท ส่วนรถปรับอากาศรุ่นใหม่ (ใช้ก๊าซธรรมชาติ) ราคาเริ่มต้น 15 บาท โดยหากใช้บริการในยามค่ำระหว่างช่วง 23.00 น. ถึง 5.00 น.ราคาจะเพิ่มขึ้น 1.50 บาท ตลอดสาย(ค่าธรรมเนียมรถบริการตลอดคืน จะจัดเก็บเฉพาะรถโดยสารธรรมดา ส่วนรถโดยสารปรับอากาศ จะไม่มีการจัดเก็บแต่อย่างใด) และหากรถขึ้นทางด่วนจะเพิ่มราคาขึ้นอีก 2 บาท (ค่าธรรมเนียมรถบริการทางด่วนนี้ จะจัดเก็บทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ)

ในการขึ้นค่าโดยสารครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562 ได้กำหนดราคาค่าโดยสารไว้ดังนี้[82]

ประเภทของรถสีผู้ให้บริการค่าโดยสารเวลาบริการทางด่วน
รถธรรมดาครีม-แดงขสมก.805:00-23:0010
9.5023.00-05.00
ขาว-น้ำเงิน,ชมพูเอกชน1005.00-23.0012
11.5023.00-05.00
รถมินิบัสส้ม1005.00-23.00
11.5023.00-05.00
รถปรับอากาศครีม-น้ำเงินขสมก.12 14 16 18 20ตลอด 24 ชม.14 16 18 20 22
เอกชน13 15 17 19 2105:00-23:0015 17 19 21 23
ส้ม,ขาวขสมก.13 15 17 19 21 23 25ตลอด 24 ชม.15 17 19 21 23 25 27
เหลืองเอกชน14 16 18 20 22 24 2605:00-23:0016 18 20 22 24 26 28
13 15 17 19 21[note 3]15 17 19 21 23[note 3]
14[note 3]
ฟ้าขสมก.

เอกชน

15 20 2517 22 27
รถโดยสารประจำทางต่างจังหวัดสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี)

รถโดยสารประจำทางหรือรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ สำหรับเดินทางไปจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยมีสถานีหลักอยู่ที่

รถโดยสารประจำทางต่างประเทศ

รถโดยสารประจำทางหรือรถโดยสารประจำทางปรับอากาศ ที่สำหรับเดินทางไปยังต่างประเทศโดยตรงจากกรุงเทพมหานคร มี 4 เส้นทาง ไป ประเทศกัมพูชา และ ประเทศลาว โดยมีสถานีหลักอยู่ที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) ดังนี้

รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษรถโดยสารด่วนพิเศษ สายสาทร-ราชพฤกษ์

กรุงเทพมหานครมีบริการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ เป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีลักษณะคล้ายกับรถประจำทาง แต่การเดินของรถนั้นแยกออกจากถนนปกติ ปัจจุบันเปิดให้บริการ 1 เส้นทาง คือ รถโดยสารด่วนพิเศษ สายสาทร-ราชพฤกษ์ ระยะทาง 15.9 กิโลเมตร

รถปรับอากาศพิเศษ

รถปรับอากาศพิเศษ (metrobus) เป็นรถของบริษัท พรีเมียร์ เมโทรบัส จำกัด[85] บริการเดินรถในกรุงเทพมหานคร โดยปัจจุบันได้ยกเลิกการให้บริการทั้งหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557[86] โดยสายสุดท้ายที่ให้บริการ คือสาย ปอ.พ.4-2 เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

รถตู้ประจำทาง

ปัจจุบันมีทั้งหมด 126 สาย ให้บริการระหว่าง 05.00 น. ถึง 22.00 น. ค่าบริการอยู่ที่ 10-35 บาท[87] เป็นรถปรับอากาศร่วมบริการ ขสมก. เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้โดยสารที่ต้องการนั่งบนรถตลอดการเดินทาง

รถจักรยานยนต์ประจำทาง

รถจักรยานยนต์ในกรุงเทพมหานคร มีอัตราบริการขั้นต่ำเริ่มต้นที่ 10 บาท ทั้งนี้แล้วแต่ท้องที่นั้น ๆ จะเรียกเก็บค่าโดยสารตามระยะทางที่เดินทางโดยสูงสุดอาจถึง 500 บาท หากไปยังพื้นที่ที่ต้องไปในระยะไกล

ทางรถแท็กซี่

รถแท็กซี่ในกรุงเทพมหานคร

ค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์ในเขตกรุงเทพฯ ยุคแรก จะถูกกำหนดโดยประกาศกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2535 ลงนามโดยนายบรรหาร ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลพลเอกสุจินดา คราประยูร โดยจะเป็นดังนี้[88]

กิโลเมตรที่ค่าโดยสาร
0-235 บาท
2-35.00 บาท/กิโลเมตร
3-54.50 บาท/กิโลเมตร
5-74.00 บาท/กิโลเมตร
7 ขึ้นไป3.50 บาท/กิโลเมตร

ในกรณีที่รถจอดหรือเคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง มิเตอร์เวลาจะเดิน อัตราค่าโดยสาร 1.00 บาท/นาที

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2539 ได้มีการอนุมัติปรับค่าโดยสารแท็กซี่ขึ้นครั้งที่ 1 ซึ่งใช้อัตรานี้มาจนถึง พ.ศ. 2551 โดยอัตราค่าโดยสารเป็นดังนี้[89]

กิโลเมตรที่ค่าโดยสาร
0-235 บาท
2-124.50 บาท/กิโลเมตร
12-205.00 บาท/กิโลเมตร
20 ขึ้นไป5.50 บาท/กิโลเมตร

ในกรณีที่รถจอดหรือเคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง มิเตอร์เวลาจะเดิน อัตราค่าโดยสาร 1.25 บาท/นาที

ในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2551 ได้มีการปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งใช้อัตราค่าโดยสารนี้จนถึงปี พ.ศ. 2557 โดยอัตราค่าโดยสารใหม่คือ[90]

กิโลเมตรที่ค่าโดยสาร
0-135 บาท
1-125 บาท/กิโลเมตร
12-205.50 บาท/กิโลเมตร
20-406 บาท/กิโลเมตร
40-606.50 บาท/กิโลเมตร
60-807.50 บาท/กิโลเมตร
80 ขึ้นไป8.50 บาท/กิโลเมตร

ในกรณีที่รถจอดหรือเคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง มิเตอร์เวลาจะเดิน อัตราค่าโดยสาร 1.50 บาท/นาที

ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคม ได้อนุมัติการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์เป็นครั้งที่ 3 โดยมีผลตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป โดยอัตราค่าโดยสารใหม่คือ[91]

กิโลเมตรที่ค่าโดยสาร
0-135 บาท
1-105.50 บาท/กิโลเมตร
10-206.50 บาท/กิโลเมตร
20-407.50 บาท/กิโลเมตร
40-608.00 บาท/กิโลเมตร
60-809.00 บาท/กิโลเมตร
80 ขึ้นไป10.50 บาท/กิโลเมตร

ในกรณีที่รถจอดหรือเคลื่อนที่ได้ไม่เกิน 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง มิเตอร์เวลาจะเดิน อัตราค่าโดยสาร 2.00 บาท/นาที

โดยการคิดค่าโดยสารนั้น จะคิดแยกเป็นส่วน ๆ (ส่วนของระยะทาง และส่วนของเวลา) ส่วนของระยะทาง มิเตอร์คำนวณค่าโดยสารได้เท่าไร จะปัดขึ้นเป็นจำนวนเต็มคี่ที่อยู่ถัดขึ้นไป (เช่น คำนวณได้ 47.75 บาท ก็จะปัดขึ้นเป็น 49 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเต็มคี่ที่อยู่ถัดไป) ส่วนของมิเตอร์เวลา มิเตอร์เวลาคำนวณค่าโดยสารได้เท่าไร จะปัดลงเป็นจำนวนเต็มคู่ที่อยู่ลงมา (เช่น มิเตอร์เวลาเดินไปได้ 3.75 บาท ก็จะปัดทิ้งเป็น 2 บาท ซึ่งเป็นจำนวนเต็มคู่ที่อยู่ถัดลงมา)[ต้องการอ้างอิง]

นอกจากนี้ปัจจุบัน ยังได้ลดอายุการวิ่งบนท้องถนน 9 ปี จากรถรุ่นก่อน ๆ สามารถวิ่งได้ 12 ปี แต่ยกเว้นแท็กซี่สีเหลือง-ดำ ซึ่งเป็นแท็กซี่รุ่นเก่าประมาณ ซึ่งสามารถวิ่งเป็นแท็กซี่บนท้องถนนได้ต่อไปเรื่อย ๆ เนื่องจากไม่มีการจำกัดอายุการใช้งานเป็นแท็กซี่แต่อย่างใด [ต้องการอ้างอิง]

ปัจจุบันได้มีบริการเรียกรถแท็กซี่ผ่านระบบคอมพิวเตอร์โดยจะเสียค่ารถวิ่งเปล่า 25 บาท รู้จักในนาม Grab taxi

ทางระบบขนส่งมวลชนเร็ว

รถไฟฟ้าบีทีเอสวิ่งผ่านทางแยกศาลาแดงตามแนวถนนสีลม ซึ่งรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ก็วิ่งตามแนวถนนพระรามที่ 4 ในบริเวณนี้ด้วย

กรุงเทพมหานคร เป็นที่ตั้งของระบบขนส่งมวลชนเร็ว สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งเป็นสถานีศูนย์กลางของประเทศไทย ในปัจจุบัน ซึ่งมีผู้คนมากมายมาใช้บริการรถไฟไปยังจังหวัดในภูมิภาคต่าง ๆ

กรุงเทพมหานคร เป็นเมืองเดียวในประเทศไทยที่มีระบบรถไฟฟ้า ซึ่งประกอบด้วย 3 ระบบ คือ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล และ รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และในอนาคต อาจมีความยาวเกือบ 400 กิโลเมตร ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งได้มีโครงการรถไฟฟ้ามาตั้งแต่ พ.ศ. 2518 แล้ว[92]

รถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2542 แบ่งการเดินรถเป็น 2 เส้นทาง ได้แก่ สายสุขุมวิท และ สายสีลม รวมระยะทาง 30.95 กิโลเมตร (19.23 ไมล์) ส่วน รถไฟฟ้ามหานคร เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2547 สายที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน คือ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ระยะทาง 21 กิโลเมตร (13 ไมล์) จำนวน 19 สถานี รวมทั้งบางส่วนของรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม และรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2553 ดำเนินการโดย การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังใจกลางเมือง ระยะทาง 28 กิโลเมตร (17 ไมล์) จำนวน 8 สถานี

โดยรถไฟฟ้าสายล่าสุดที่เปิดให้บริการ คือรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท ส่วนต่อขยายจากสถานีสำโรง ถึงสถานีเคหะฯ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ในขณะนี้ รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล อยู่ในระหว่างการก่อสร้างส่วนต่อขยาย เส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างใหม่ ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีม่วงส่วนต่อขยาย และรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเส้นทางรถไฟฟ้าในโครงการอีก 10 สาย มีทั้งรถไฟฟ้าขนาดหนัก (Heavy rail) และรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือรางเบา (Monorail) ซึ่งจะเร่งรัดให้เสร็จภายใน พ.ศ. 2572

กรุงเทพมหานครมีบริการรถรางของรัฐได้แก่ รถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์คิดค่าบริการ 30 บาท ดำเนินการขนส่งภายใน เขตพระนคร ลักษณะรถทัวร์ชมเมืองวิ่งบนถนน ไม่ใช่รถรางไฟฟ้า[93][94]

ทางรถราง

ในเขตกรุงเทพมหานคร มีรถรางให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวภายในเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เขตบางคอแหลม ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ของบริษัท ริเวอร์ไซด์ มาสเตอร์แพลน ในส่วนของรถรางที่ใช้ล้อยางที่ไม่ใช้ระบบรางได้แก่ รถรางชมเมือง ซึ่งกรุงเทพมหานครมีบริการ 3 ขบวน เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ให้บริการในวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 ภายหลังหยุดประกอบกิจการในปี พ.ศ. 2553 ดำเนินกิจการโดย บริษัท ศรีกัลยาทัวร์ จำกัด[95]

ทางอากาศ

ทางออกขึ้นเครื่องภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

กรุงเทพมหานครมีท่าอากาศยานหลัก 2 ท่าอากาศยาน คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งทั้ง 2 ท่าอากาศยาน เป็นท่าอากาศยานนานาชาติขนาดใหญ่ที่รองรับผู้โดยสารจากต่างประเทศเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และ ผู้โดยสารภายในประเทศไทยออกสู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นท่าอากาศยานหลักในการทำการขนส่งทางอากาศในกรุงเทพมหานคร

ในปี พ.ศ. 2561 จำนวนประเทศที่ทำการบินมาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้แก่ 55 ประเทศ ไม่รวมประเทศไทย โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดใช้มาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2549 แทน ท่าอากาศยานดอนเมืองที่เปิดใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2457

ตลอดทั้งปี พ.ศ. 2562 มีสายการบินจำนวน 118 สายการบินใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แบ่งเป็น เครื่องขนส่งผู้โดยสาร 105 สายการบิน และเครื่องบินขนส่งอากาศยานขนส่งสินค้าไม่มีผู้โดยสาร 13 สายการบิน

โดยสายการบินขนส่งผู้โดยสาร สายการบิน อาร์เคียอิสราเอล เลิกบิน เส้นทาง เทลอาวีฟ ในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังให้บริการ สายการบินเช่าเหมาลำ ระหว่างประเทศ 2 สายการบิน สายการบินเช่าเหมาลำ ภายในประเทศ ทำการบินไป สนามบินเกาะไม้ซี้ 1 สายการบิน รวมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้บริการ ตลอดปี พ.ศ. 2562 ทั้งสิ้น 121 สายการบิน

ในส่วน ท่าอากาศยานดอนเมือง กลับมาบริการสายการบินระหว่างประเทศ อีกครั้ง ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตั้งแต่เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2562 ท่าอากาศยานดอนเมือง รับเที่ยวบิน จาก ประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย มัลดีฟส์ พม่า เวียดนาม อินโดนีเซีย ไต้หวัน อินเดีย กัมพูชา ฮ่องกง มาเก๊า ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศออสเตรเลีย รวม 16 ประทศ

ส่วนเที่ยวบินภายในประเทศที่มีบริการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเท่านั้นได้แก่เที่ยวบินไปกลับ ท่าอากาศยานแพร่ ท่าอากาศยานตรัง ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ท่าอากาศยานนครพนม ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ท่าอากาศยานระนอง ท่าอากาศยานสกลนคร ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ท่าอากาศยานพิษณุโลก ท่าอากาศยานน่านนคร ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ท่าอากาศยานชุมพร ซึ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไม่มีบริการใน 13 จังหวัดดังกล่าว

ทางน้ำ

เรือโดยสารคลองแสนแสบ

เรือโดยสารทั้งทางแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองมีดังนี้

ส่วนท่าเรือสำหรับขนส่งผู้โดยสารและรับส่งสินค้าที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร คือ ท่าเรือกรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตคลองเตย

ระยะทางจากกม.0ไปเขตต่างๆ

ใกล้เคียง

กรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรุงเทพมหานคร (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 กรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 กรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 กรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 กรุงเทพดุสิตเวชการ กรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 กรุงเทพมหานครในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548

แหล่งที่มา

WikiPedia: กรุงเทพมหานคร http://203.155.220.117:8080/BMAWWW/upload/module_c... http://203.155.220.217/finance/stat.html http://3armyarea-rta.com/wpmu/kindness/2010/03/20/... http://th.88db.com/th/Knowledge/Knowledge_Detail.p... http://www.agoda.com/info/new-year-eve.html http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-sty... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/527805 http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/824509