การจัดการ ของ การตั้งครรภ์

การดูแลตัวเองก่อนคลอด

ดูบทความหลักที่: Prenatal care และ pre-conception counseling

ดูแลรักษาทางการแพทย์ก่อนคลอดคือ การดูแลโดยแพทย์และพยาบาลเพื่อให้คำแนะนำสำหรับผู้หญิงในช่วงเวลาทั้งก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์ จุดมุ่งหมายของการดูแลก่อนคลอดที่ดีก็คือ สามารถระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงต้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกับหญิงตั้งครรภ์ถ้าเป็นไปได้(การแนะนำก็จะเป็นเรื่องสารอาหารที่จะนำไปบำรุงร่างกาย, การออกกำลังกาย รวมไปถึงการรับประทานวิตามิน ฯลฯ) และในกรณีที่มีเหตุจำเป็นต้องมีการจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ที่เหมาะสมนั้นจะต้องมาจากผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาล ฯลฯ

โภชนาการ

ดูบทความหลักที่: Nutrition and pregnancy

ความสมดุลของอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นสิ่งสำคัญของการตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดี. การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ก็คือมีการรับประทานที่สมดุลกันทั้งคาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีน มีการรับประทานอาหารที่มีความหลากหลายของผักและผลไม้มักจะช่วยให้เกิดภาวะโภชนาการที่ดี ผู้ที่ได้รับอาหารจนเกิดผลกระทบเป็นปัญหาสุขภาพผลจากความต้องการทางศาสนาหรือความเชื่อทางจริยธรรมมีความจำเป็นที่จะต้องปรึกษามืออาชีพหรือนักโภชนาการด้านสุขภาพสำหรับที่จะให้คำแนะนำที่จำเป็นเฉพาะด้านสำหรับเรื่องการตั้งครรภ์

หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับกรดโฟลิค(หรือเรียกว่าโฟเลตหรือวิตามินบี 9)ในปริมาณที่เพียงพอเพื่อจะช่วยลดความเสี่ยงของทารกในครรภ์ที่จะบกพร่องท่อประสาท ตัวอย่างเช่น spina bifida ซึ่งเป็นความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง, ข้อบกพร่องร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นตอนทารกเกิด(birth defect)  Neural tube เป็นโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นหลอดยาวไปตามแนวสันหลังในระยะเอ็มบริโอส่วนหน้าเจริญไปเป็นสมอง ส่วนหลังเจริญไปเป็นไขสันหลัง ซึ่งส่วนนี้จะถูกพัฒนา 28 วันแรกของการการตั้งครรภ์ สิ่งที่อธิบายมาทั้งหมดนี้เพื่อให้เห็นถึงความจำเป็นในการได้รับกรดโฟลิคในปริมาณที่เพียงพอ[61][62] โฟเลต (มาจาก folia, ใบไม้) ซึ่งมีมากในผักโขม (ทั้งสด,แช่เข็งหรือแบบบรรจุกระป๋อง) และสามารถพบได้ในผักใบเขียว เช่น สลัด,หัวผักกาด,บร็อคโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง และในผลไม้เช่นมะนาวและแตงโม ถั่วชิกพี(chickpeas จะอยู่ในรูปของครีมหรือfalafel) และไข่ ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี (แป้งก๋วยเตี๋ยว) จะเสริมด้วยกรดโฟลิค[63]

DHA mega-3 เป็นกรดไขมันที่สำคัญของโครงสร้างในสมองและจอประสาทตา และสามารถพบได้ตามธรรมชาติในนมแม่ DHA เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ควรได้รับปริมาณที่เพียงพอและเหมาะสมในระหว่างตั้งครรภ์ และพยาบาลก็ให้การดูแลโภชนาการที่ดีของหญิงตั้งครรภ์และสุขภาพของทารกในครรภ์ เด็กทารกที่กำลังพัฒนาไม่สามารถผลิต DHAได้ดีจึงมีจำเป็นที่จะต้องได้รับสารอาหารที่สำคัญนี้จากแม่ผ่านทางรกในระหว่างตั้งครรภ์และในนมแม่หลังคลอด[64]

แร่ธาตุสารอาหารที่หลากหลายมีความสำคัญมากต่อสุขภาพและพัฒนาการของทารก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคของโลกที่ยังมีโภชนาการที่ไม่ดีนัก.[65] ในส่วนพื้นที่ที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศโซนยุโรปตะวันตกและในสหรัฐอเมริกา สารอาหารบางอย่างเช่น วิตามินดีและแคลเซียม ที่มีความจำเป็นสำหรับการพัฒนากระดูกอาจต้องใช้จากอาหารเสริม [66][67][68]

แบคทีเรียที่เป็นอันตรายหรือพยาธิอาจปนเปื้อนอาหาร รวมถึง ลิสทีเรีย(Listeria ที่เป็นแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้อาหารเน่าเสีย) และ โรคท็อกโซพลาสโมซิส(Toxoplasma gondii ซึ่งเป็นปาราสิตชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดในแมวและสัตว์เลือดอุ่นอื่นๆ เชื้อนี้จะเจริญในผนังลำไส้ของลำไส้เล็ก) ควรระมัดระวังในการล้างผลไม้และผักให้สะอาดที่สุดเพื่อที่จะให้เชื้อโรคเหล่านี้หมดออกไปจากการปนเปื้อนในอาหารและควรมีความรอบคอบในการปรุงอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์ที่เหลือหรือเนื้อสัตว์แปรรูป. ชีสอ่อนอาจมีลิสทีเรีย ถ้าในนมดิบอาจจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น. อุจจาระแมวมีความเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งของโรคท็อกโซพลาสโมชิสถ้ามีการสัมผัสกับอุจจาระแล้วล้างมือไม่สะอาดจะมีความเสี่ยงกับกลุ่มผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง เพราะหากเชื้อนี้เข้าสู่ร่างกายของคุณแม่แล้ว จะส่งต่อไปยังลูกน้อยในท้องผ่านทางรกได้ อาจเป็นสาเหตุทำให้แท้งลูก หรืออาจทำให้ลูกที่คลอดออกมาเกิดความผิดปกติทางร่างกายได้ เช่น หูหนวก ตาบอด มีอาการทางระบบประสาท ปัญญาอ่อน ฯลฯ หญิงตั้งครรภ์นี้ยังมีแนวโน้มที่จะได้รับเชื้อ Salmonella ซึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ ติดเชื้อจากไข่และสัตว์ปีก ซึ่งควรจะปรุงอาหารให้สุก การสร้างสุขอนามัยที่ดีในห้องครัวสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้[69]

การเพิ่มของน้ำหนัก

การเพิ่มขึ้นของปริมาณของน้ำหนักตัวที่ดีต่อสุขภาพในระหว่างตั้งครรภ์มีความแตกต่างกันไป.[70] น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เป็นเพียงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักตัวของทารกและรกเพิ่มขึ้น และรวมถึงของเหลวพิเศษสำหรับการไหลเวียนและน้ำหนักที่จำเป็นในการให้สารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์[71] น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจำเป็นที่สุดเกิดขึ้นในภายหลังที่มีการตั้งครรภ์[71]

สถาบันทางการแพทย์ แนะนำว่าโดยภาพรวมของน้ำหนักในระหว่างการตั้งครรภ์ของผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติ(ดัชนีมวลกายที่อยู่ระหว่าง 18.5–24.9) น้ำหนักควรจะมีการขึ้น 11.3–15.9 กิโลกรัม (25–35 ปอนด์) สำหรับการตั้งครรภ์เดี่ยว.[72] ในหญิงตั้งครรภ์ที่น้ำหนักน้อย (คือค่าดัชนีมวลกายน้อยกว่า 18.5) น้ำหนักควรจะเพิ่ม 12.7–18 กิโลกรัม (28–40 ปอนด์), ในขณะที่ผู้มีน้ำหนักเกิน (ค่าดัชนีมวลกายอยู่ระหว่าง 25–29.9) แนะนำว่าน้ำหนักควรจะขึ้น 6.8–11.3 กิโลกรัม (15–25 ปอนด์) และสำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน (ค่าดัชนีมวลกาย>30) น้ำหนักควรจะเพิ่มขึ้น 5–9 กิโลกรัม (11–20 ปอนด์).[73]

ในระหว่างการตั้งครรภ์ผู้ที่มีน้ำหนักมากเกินไปและน้อยเกินไปมีผลกระทบต่อทั้งตัวมารดาเองและทารกในครรภ์[71] การเข้าไปดูแลให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในเรื่องการเพิ่มของน้ำหนักตัวของหญิงตั้งครรภ์ที่มีน้ำหนักตัวไม่ถึงเกณฑ์ยังไม่เป็นที่ชัดเจนนัก [71] การมีน้ำหนักเกินหรือมากเกินไปในการตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนสำหรับแม่และทารกในครรภ์ รวมไปถึงการผ่าตัดคลอด, ความดันโลหิตสูงในระหว่าตั้งครรภ์(gestational hypertension), ภาวะครรภ์เป็นพิษ(pre-eclampsia), ทารกมีขนาดโตกว่าปกติ(macrosomia) และการคลอดติดไหล่(shoulder dystocia).[70] อีกทั้งลดน้ำหนักหลังตั้งครรภ์ได้ยาก.[70][74]

ประมาณ 50% ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ประเทศอังกฤษมีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนก่อนการตั้งครรภ์.[74] มีการวิจัยแล้วพบว่าการลดน้ำหนักจากการควบคุมอาหารเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องในการตั้งครรภ์[74] การตรวจสอบไม่พบหลักฐานของอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย[74]

การใช้ยา

ดูบทความหลักที่: Pharmaceutical drugs in pregnancy

หญิงตั้งครรภ์ที่มีการใช้ยาในระหว่างการตั้งครรภ์จะมีผลชั่วคราวหรือถาวรต่อในทารกในครรภ์ ดังนั้นแพทย์จำนวนมากไม่ต้องการสั่งยาสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะกังวลที่จะส่งผลเกี่ยวกับความผิดปกติของทารก(teratogenicity)ในระหว่างการใช้ยา

มีการแบ่งประเภทของยาออกเป็น A,B,C,D และ X ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) มีระบบการให้คะแนนเพื่อที่จะให้คำแนะนำรักษา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่ได้รับจากการรักษาของตัวมารดาเองและความเสี่ยงที่เกิดต่อทารกในครรภ์ ยานั้นหมายรวมไปถึงวิตามินต่างๆ(multivitamins) ได้ทำการศึกษาในมนุษย์มาแล้วว่ายาในกลุ่ม A ว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดต่อทารกในครรภ์ ส่วนยาอื่นๆ เช่น ยาตาลิโดไมด์(thalidomide) ได้ศึกษามาแล้วว่ามีผลต่อความพิการของทารกซึ่งจัดยากลุ่มนี้ในกลุ่ม X.[75]

การใช้สารเสพติด

การใช้ยาเสพติดเพื่อความบันเทิงใจ(recreational drugs) ในช่วงการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้

  • การได้รับเอทานอล(Ethanol คือ เป็นแอลกอฮอล์ที่ได้จากธรรมชาติผ่านวิธีการหมัก) ในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกเกิดภาวะทารกในครรภ์ได้รับแอลกอฮอล์(fetal alcohol syndrome) และความผิดปกติของทารกในครรภ์ที่มีผลกระทบมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์(fetal alcohol spectrum disorder) จากการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าการดื่มระดับปานกลางในระหว่างการตั้งครรภ์อาจจะไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดทารกในครรภ์ แต่ไม่สามารถบอกเป็นจำนวนแน่นอนว่าการดื่มเท่าไหร่ในระหว่างตั้งครรภ์จึงจะรับประกันได้ว่าปลอดภัย[76]
  • การสูบบุหรีและการตั้งครรภ์ เมื่อมีการตั้งครรภ์แล้วสูบบุหรี่จะทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้องระบบประสาทและทางกายภาพ.[77] การสูบบุหรี่ในระหว่างตั้งครรภ์ทำให้มีความเสี่ยงที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการเจ็บครรภ์คลอด(premature rupture of membranes), รกลอกตัวออกก่อนกำหนด(placental abruption) และ ภาวะรกเกาะต่ำ(placenta previa)[78] นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงสูงกว่า 30% ที่ทารกจะคลอดก่อนกำหนด[79]
  • การใช้สารโคเคนในระหว่างตั้งครรภ์ มีความสำพันธ์กับ, การคลอดก่อนกำหนด, การผิดปกติของทารก และ โรคสมาธิสั้น.
  • การใช้ยาบ้าในระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เกิด การคลอดก่อนกำหนด และ ทารกมีความผิดปกติแต่กำเนิด[80] มีการศึกษาผลการตรวจสอบอื่นๆ ได้เปิดเผยว่ามีผลในเด็กแรกเกิดในช่วงระยะสั้นเกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมของทารกที่แม่มีการใช้ยาบ้านนั้นมีอาการสมาธิสั้นและการเจริญเติบโตช้าเมื่อเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน[81] นอกจากนี้มีการศึกษาว่าแม่ที่ได้รับยาบ้าก่อนคลอดบุตรเชื่อได้ว่ามีผลระยะยาวในแง่ของการพัฒนาระบบของสมองของเด็ก ซึ่งกินเวลาไปหลายปี[80]
  • การใช้กัญชาในระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นไปได้ที่เกี่ยวข้องอาจจะเกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อเด็กต่อไปในการใช้ชีวิต

การสัมผัสกับสารพิษจากสิ่งแวดล้อม

ดูบทความหลักที่: Environmental toxins in pregnancy

ความเสี่ยงของมดลูกเมื่อสัมผัสกับการสารผิดจากสิ่งแวดในขณะตั้งครรภ์ มีความสามารถพอที่จำทำให้ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการก่อนคลอดของตัวเอ็มบริโอหรือทารก รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ ผลกระทบนี้อาจเกิดมาจากสารพิษ สารและมลพิษ รวมไปถึงความผิดปกติแต่กำเนิด รวมไปถึง ผลกระทบของมลพิษไปยังสมอง(neuroplastic effects of pollution) ส่งผลในการพัฒนาการความผิดปกติของระบบประสาทของบุตรหลานต่อไปในการใช้ชีวิต. นี่เป็นผลกระทบที่รุนแรงโดยเฉพาะในเวลาตั้งครรภ์ ซึ่งก็หมายรวมถึง สารพิษที่มาจากปรอทและสารพิษที่มาจากตะกั่ว เพื่อลดการสำผัสกับสารพิษในสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพยาบาลผดุงครรภ์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้แนะนำว่าควรมีการตรวจสอบสีที่ใช้ทาบ้านที่สร้างก่อนปีคริสต์ศักราช 1978 ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาจากออร์แกนิค หลึกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ระบุว่าเป็น"สารพิษ" หรือสินค้าใดๆ มีมีคำเตือนการใช้อยู่บนฉลาก.[82]

กิจกรรมทางเพศ

ดูบทความหลักที่: Sexual activity during pregnancy

ผู้หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ยังสามารถมีกิจกรรมทางเพศได้ในตลอดการตั้งครรภ์.[83] การวิจัยส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าระหว่างการตั้งครรภ์มีทั้ง หญิงตั้งครรภ์ที่มีความต้องการทางเพศและหญิงตั้งครรภ์ความสัมพันธ์ทางเพศมีความถี่ที่ลดลง.[84][85] เนื้อหาของในส่วนนี้จะแสดงให้เห็นว่ามีความต้องการทางเพศที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองและลดลงในระหว่างไตรมาสที่ 3.[86][87]ในบางคนจะมีความรู้สึกถูกดึงดูดกับหญิงที่ตั้งครรภ์ (ความรู้สึกทางเพศเฉพาะกับหญิงตั้งครรภ์, รู้จักกันดีใน maiesiophilia)

เพศสัมพันธ์ในระหว่างตั้งครรภ์ เป็นพฤติกรรมความเสี่ยงต่ำ ยกเว้นต่อเมื่อแพทย์หรือผู้ให้บริการการดูแลสุขภาพแนะนำว่าให้ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางการแพทย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยง แต่ในสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดีที่ไม่ได้ป่วยหรืออ่อนแอ ก็อาจจะไม่ปลอดภัยเมื่อใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยง ให้คู่รักมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่รุนแรงกับบริเวณมดลูก[88]

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายแบบแอโรบิกปกติในระหว่างการตั้งครรภ์จะช่วยพัฒนา(หรือรักษา)สมรรถภาพทางร่างกาย อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีการวิจัยกับหญิงตั้งครรภ์ที่ยากจนสามารถที่จะสรุปได้ว่าการออกกำลังกายมีความเสี่ยงและประโยชน์ต่อทั้งหญิงตั้งครรภ์และทารก[89]

คลินิคฝึกหัดของสูติศาตร์ของสถาบันในประเทศแคนนาดา ได้แนะนำว่า "ผู้หญิงทุกคนไม่มีข้อห้ามการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ทั้งควรได้รับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการออกกำลังกายแอโรบิกและความแข็งแรง เป็นสิ่งที่ดีต่อการใช้ชีวิตประจำวันและสุขภาพที่ดีในระหว่างตั้งครรภ์ของพวกเธอ" แม้ว่าข้อกำหนดของระดับของการออกกำลังกายที่ปลอดภัยยังไม่ถูกตั้งขึ้น, ผู้หญิงที่ออกกำลังกายเป็นประจำก่อนการตั้งครรภ์และผู้เป็นผู้ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน การตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดีควรจะสามารถมีส่วนร่วมในโปรแกรมการออกกำลังกายความเข้มสูง เช่นการวิ่งเบาๆ การออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่เวลาน้อยกว่า 45 นาที จะไม่ส่งผลกระทบใดๆถ้าพวกเขามีความใส่ใจที่จะดูความเป็นไปได้ว่าสามารถที่จะเพิ่มแรงในการออกกำลังกายและมีความระมัดระวังที่จะไม่กลายเป็นทำให้ตื่นเต้นมากเกินไป ในกรณีที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์หรือการคลอดบุตร มีการแนะนำในการออกกำลังกายวันละ 30 นาทีหากไม่ได้ทุกวันของสัปดาห์ โดยทั่วไปหญิงตั้งครรภ์ควรที่จะมีส่วนร่วมในความหลากหลายของกิจกรรมสันทนาการที่มีปลอดภัย ลดกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง เช่นการขี่ม้า หรือเล่นสกีหรือกีฬาที่ความเสี่ยงของการบาดเจ็บในช่องท้อง เช่น ฟุตบอลหรือฮ็อกกี้[90]

วิทยาลัยสูตินรีแพทย์ของอเมริการายงานว่าในอดีตที่ผ่านมา, ความกังวลหลักของการออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์ การจดจ่ออยู่กับทารกในครรภ์และสนใจเกี่ยวกับประโยชน์สิ่งที่จะเกิดกับทารก การพัฒนาศักยภาพของของทารก ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทารก อย่างไรก็ตามพวกเค้าก็ยังเขียนกำกับว่าสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายตอนตั้งครรภ์ควรที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน, มีโอกาสน้อยที่จะมีความเสี่ยงสูงต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตามมีหลายๆ ปัจจัยสิ่งแวดล้อมให้หญิงตั้งครรภ์ควรติดต่อผู้ให้บริการด้านสุขภาพโดยตรงเพื่อจะดำเนินการออกกำลังกายตามโปรแกรมที่ได้ถูกจัดไว้ รวมไปถึงข้อห้ามให้คนที่ตั้งครรภ์ห้ามออกกำลังกายเมื่อพบว่าพวกเธอมีอาการดังต่อไปนี้ คือ มีเลือดออกทางช่องคลอด, ผู้ที่มีอาการหายใจลำบาก ก่อนที่จะออกแรง, วิงเวียนปวดศีรษะเจ็บหน้าอก กล้ามเนื้ออ่อนแอ, ภาวะที่จะคลอดก่อนกำหนด,ทารกมีการเคลื่อนไหวที่ลดลง การรั่วของถุงน้ำคร่ำ และมีอาการปวดน่องและบวม (เข้าข่าย อักเสบของหลอดเลือดดำ).[90]

การนอน

จะชี้ให้เห็นว่าการทำงานกะ และการสัมผัสกับแสงจ้าในเวลากลางคืนเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างน้อยที่สุดในช่วงไตรมาสที่ 3 เพื่อลดความเสี่ยงของปัญหาทางสภาวะจิตใจและพฤติกรรมของทารกในแรกเกิด.[91] กลไกที่จะนำเสนอก็คือ ระบบเซอร์เคเดี้ยน ริทึ่ม(circadian rhythm เป็นส่วนที่ควบคุมการนอนหลับ,การหลั่งฮอร์โมน,การเผาผลาญอาหาร,อุณหภูมิของร่างกาย ฯลฯ) ของมารดาและพัฒนาการต่างๆ ของทารก[91]

ใกล้เคียง

การตั้งชื่อทวินาม การตั้งครรภ์ การตั้งชื่อพายุหมุนเขตร้อน การตั้งชื่อระบบไบเออร์ การตัดหลอดนำอสุจิ การตั้งชื่อดาวฤกษ์ การตัดมดลูก การตั้งครรภ์นอกมดลูก การตัดศีรษะ การตักบาตร

แหล่งที่มา

WikiPedia: การตั้งครรภ์ http://www.aihw.gov.au/WorkArea/DownloadAsset.aspx... http://books.google.ca/books?id=-3ufSTqeb6cC&pg=PA... http://books.google.ca/books?id=4Sg5sXyiBvkC&pg=PR... http://books.google.ca/books?id=m7USFu5Z0lQC&pg=PA... http://www.preventioninstitute.sk.ca/home/Program_... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/pictures/pregnancy-week... http://www.3dpregnancy.com/rotatable/10-weeks-preg...