การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม
การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม

การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม

การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม[2] (อังกฤษ: randomized controlled trial; randomised control trial[3] ตัวย่อ RCT)เป็นการทดลองทางวิทยาศาสตร์แบบหนึ่ง ที่ใช้เป็นมาตรฐานทอง (gold standard) ของการทดลองทางคลินิกมักจะใช้เพื่อตรวจสอบประสิทธิผลและประสิทธิภาพของบริการสุขภาพ (เช่นการแพทย์หรือการพยาบาล) หรือเทคโนโลยีสุขภาพ (เช่นยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือวิธีการผ่าตัด) โดยทำในกลุ่มคนไข้ที่เป็นตัวแทนประชากรทางสถิติ (statistical population)และใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ ที่มีประโยชน์เกี่ยวกับผลลบของการรักษาพยาบาล เช่นปฏิกิริยาเชิงลบต่อยา (adverse drug reactions)ลักษณะเฉพาะของ RCT ที่ทำทั่ว ๆ ไปก็คือ หลังจากที่มีการประเมินคุณสมบัติการรับเลือกของผู้ร่วมการทดลองแต่ก่อนที่จะเริ่มการรักษาพยาบาล (หรือเงื่อนไขอื่น ๆ ถ้าไม่ใช่การทดลองทางการแพทย์) จะมีการจัดผู้ร่วมการทดลองให้อยู่ในกลุ่มสองกลุ่มโดยสุ่ม กลุ่มหนึ่งจะได้รับการรักษาพยาบาล (หรือเงื่อนไข) ที่เป็นประเด็นการศึกษา อีกกลุ่มหนึ่งจะได้รับการรักษาพยาบาล (หรือเงื่อนไข) อีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวควบคุมหรือเป็นตัวเปรียบเทียบการจัดกลุ่มโดยสุ่มในการทดลองจริง ๆ นั้นซับซ้อน แต่ว่าถ้าคิดอย่างง่าย ๆ จะเป็นกระบวนการเหมือนกับโยนเหรียญที่สมดุลหลังจากการจัดกลุ่มโดยสุ่ม จะมีการปฏิบัติต่อผู้ร่วมการทดลองทั้งสองกลุ่มเหมือน ๆ กันทุกอย่าง ยกเว้นการรักษาพยาบาลที่เป็นประเด็นศึกษาเช่นวิธีการรักษา การตรวจสอบ การรักษาโดยเป็นผู้ป่วยนอก และ/หรือการติดตามผลข้อดีที่สำคัญที่สุดของการสุ่มที่ทำถูกต้องก็คือ ช่วยลดระดับ allocation bias คือสร้างความสมดุลขององค์พยากรณ์โรค (prognostic factor) ที่มีในคนไข้ ทั้งที่รู้และไม่รู้ ระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ที่รับการรักษา[4]กล่าวโดยสาระก็คือ คำว่า "สุ่ม" แสดงถึงกระบวนการจัดผู้ร่วมการทดลองให้อยู่ในกลุ่มการทดลองหรือกลุ่มควบคุมโดยเสี่ยงโชค เพื่อที่จะลดระดับความเอนเอียงแม้ว่าคำว่า "RCT" และ การทดลองแบบสุ่ม (randomized trial) บางครั้งจะใช้เป็นไวพจน์ซึ่งกันและกันแต่ระเบียบวิธีที่ดีกว่าก็จะใช้คำว่า "RCT" สำหรับการทดลองที่มีกลุ่มควบคุม (control)ที่ไม่ได้รับการรักษาที่เป็นประเด็นศึกษา (placebo-controlled study) หรือรับการรักษาที่มีการทดสอบมาก่อนแล้ว (positive-control study) เท่านั้นดังนั้น คำว่า การทดลองแบบสุ่ม (randomized trial) ควรใช้เรียกงานศึกษาเปรียบเทียบกลุ่มการทดลองต่าง ๆ โดยที่ไม่มีกลุ่มควบคุม[5] และเช่นกัน แม้ว่าตัวย่อว่า "RCT" จะสามารถขยายเป็น randomized clinical trial (การทดลองทางคลินิกแบบสุ่ม) หรือ randomized comparative trial (การทดลองเปรียบเทียบแบบสุ่ม) แต่ว่า เพื่อที่จะเลี่ยงความคลุมเครือในสิ่งตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์ จะเป็นระเบียบวิธีที่ดีกว่าถ้าจะใช้ตัวย่อ "RCT" สำหรับการทดลองที่มีกลุ่มควบคุมเท่านั้นและเพราะว่า การทดลองทางคลินิกแบบสุ่มไม่จำเป็นจะต้องมีกลุ่มควบคุม (และงานบางงานไม่สามารถจะมีได้ เพราะว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหรือว่าไม่ถูกจริยธรรม)ดังนั้น คำว่า randomized controlled clinical trials (การทดลองทางคลินิกแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม) ก็จะเป็นชื่อที่ดีสำหรับงาน RCT ที่เป็นการทดลองทางคลินิก[6][7][8]ให้สังเกตว่า มีการใช้ RCT ในงานวิจัยสาขาอื่น ๆ อีกด้วย รวมทั้งในสาขาต่าง ๆ ของสังคมศาสตร์ เช่นนิติศาสตร์ การศึกษา และการพัฒนาระหว่างประเทศ (ดูหัวข้อ "ในสังคมศาสตร์")

ใกล้เคียง

การทด การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม การทดลองแบบอำพราง การทดลองทางความคิด การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ การทดแทนคุณลักษณะ (จิตวิทยา) การทดสอบซอฟต์แวร์ การทดลองของมิลแกรม การทดลองรีคัฟเวอรี การทดลองโรเซนแฮน

แหล่งที่มา

WikiPedia: การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม http://www.mja.com.au/public/issues/182_02_170105/... http://www.nhmrc.gov.au/_files_nhmrc/file/publicat... http://psychclassics.yorku.ca/Peirce/small-diffs.h... http://jme.bmj.com/content/24/6/401 http://www.bmj.com/cgi/content/full/310/6991/1360 http://www.bmj.com/cgi/content/full/316/7131/606 http://www.bmj.com/cgi/content/full/317/7167/1209 http://www.bmj.com/cgi/content/full/319/7211/670 http://www.bmj.com/cgi/content/full/330/7499/1049 http://www.bmj.com/cgi/content/full/336/7644/601