การปฏิวัติซินไฮ่ (
จีน:辛亥革命
อังกฤษ: Xinhai (Hsinhai) Revolution) หรืออีกชื่อว่า
การปฏิวัติ ค.ศ. 1911 หรือ
การปฏิวัติจีน เป็นการปฏิวัติซึ่งโค่นล้ม
ราชวงศ์ชิง ราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองจีน การปฏิวัติได้เปลี่ยนการปกครองของประเทศไปสู่
ประชาธิปไตยและสถาปนา
สาธารณรัฐจีน การปฏิวัตินี้ได้ชื่อว่าซินไฮ่เพราะมีขึ้นใน ค.ศ. 1911 ซึ่งตรงกับอักษรซินไฮ่ใน
แผนภูมิสวรรค์ใน
ปฏิทินจีน[1]การปฏิวัติประกอบด้วยการกบฏและการก่อการกำเริบหลายครั้ง จุดเปลี่ยนคือ การก่อการกำเริบวูชางเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1911 ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดการกับขบวนการคุ้มครองทางรถไฟที่ผิด การปฏิวัติสิ้นสุดลงด้วยการสละ
ราชสมบัติของ
จักรพรรดิผู่อี๋ จักรพรรดิองค์สุดท้าย เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1912 อันเป็นจุดสิ้นสุดของ
จักรวรรดิจีนอายุกว่า 2,000 ปี และจุดเริ่มต้นของการปกครองแบบสาธารณรัฐของจีน
[2]โดยทั่วไปแล้ว การปฏิวัติครั้งนี้เป็นปฏิกิริยาต่อสามปัจจัยหลัก: (1) ความเสื่อมของรัฐชิงและความไม่สามารถปฏิรูปและนำพาจีนสู่ความทันสมัยเพื่อเผชิญหน้ากับการท้าทายของต่างชาติ, (2) เพื่อย้อนความเสื่อมโทรมภายใน และ (3) ความไม่พอใจของชาวจีนฮั่นซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ต่อชนกลุ่มน้อย
แมนจูที่เป็นชนชั้นปกครอง กลุ่มต่อต้านชิงใต้ดินหลายกลุ่มและด้วยการสนับสนุนจากนักปฏิวัติจีนพลัดถิ่น ได้พยายามโค่นล้มราชวงศ์ชิง สงครามกลางเมืองระยะสั้น ๆ ที่เกิดขึ้นตามมายุติลงด้วยการประนีประนอมทางการเมืองระหว่าง
หยวน ซื่อไข่ ผู้มีอิทธิพลทางทหารในสมัยปลายราชวงศ์ชิง และ
ซุน ยัตเซ็น ผู้นำถงเหมิงฮุย (สหสันนิบาต) หลังราชสำนักจีนโอนอำนาจไปยังสาธารณรัฐที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ การสถาปนารัฐบาลผสมเฉพาะกาลได้มีขึ้นร่วมกับรัฐสภา อย่างไรก็ดี อำนาจทางการเมืองในรัฐบาลแห่งชาติใหม่ในกรุง
ปักกิ่งนั้น ไม่นานได้ถูกผูกขาดโดยหยวนและนำไปสู่การแบ่งแยกทางการเมืองและยุคขุนศึกนานอีกหลายทศวรรษ รวมทั้งความพยายามฟื้นฟูจักรวรรดิหลายครั้งปัจจุบัน ทั้ง
สาธารณรัฐจีนบน
เกาะไต้หวันและ
สาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่มองว่าตนเป็นผู้สืบทอดการปฏิวัติซินไฮ่และยังคงเคารพอุดมการณ์ของการปฏิวัติ รวมทั้งชาตินิยม สาธารณรัฐนิยม การทำให้จีนทันสมัยและความสามัคคีแห่งชาติ วันที่ 10 ตุลาคมในไต้หวันเป็น
วันดับเบิลเท็น (Double Ten Day) วันชาติของสาธารณรัฐจีน ในจีนแผ่นดินใหญ่
ฮ่องกงและ
มาเก๊า วันเดียวกันนี้ยังมักเฉลิมฉลองเป็นวันครบรอบการปฏิวัติซินไฮ่
[3] ชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนมากยังเฉลิมฉลองในไชนาทาวน์ทั่วโลก