การปรับตัวเป็นสัตว์เลี้ยง (หรือ
การทำให้เชื่อง) หรือ
การปรับตัวเป็นไม้เลี้ยง[1](
อังกฤษ: domestication, domesticus)เป็น
ทฤษฎีวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันระหว่าง
พืชหรือ
สัตว์ กับมนุษย์ผู้มีอิทธิพลในการดูแลรักษาและการสืบพันธุ์ของพวกมัน
[2]เป็นกระบวนการที่ประชากร
สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลง
พันธุกรรมผ่านรุ่นโดย
การคัดเลือกพันธุ์ (selective breeding) เพื่อเน้นลักษณะสืบสายพันธุ์ที่เป็นประโยชน์ต่อ
มนุษย์ โดยมีผลพลอยได้เป็นความเคยชินของสิ่งมีชีวิตต่อการพึ่งมนุษย์ ทำให้พวกมันสูญเสียความสามารถในการดำรงชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ
[3][4][5]ชาลส์ ดาร์วินเข้าใจถึงลักษณะสืบสายพันธุ์ (trait) จำนวนไม่มากจำนวนหนึ่ง ที่ทำให้
สิ่งมีชีวิตที่นำมาเลี้ยงต่างจากบรรพบุรุษพันธุ์ป่าเขายังเป็นบุคคลแรกที่เข้าใจความแตกต่างระหว่าง
การคัดเลือกพันธุ์แบบตั้งใจ ที่มนุษย์เลือกลักษณะสืบสายพันธุ์ของ
สิ่งมีชีวิตโดยตรงเพื่อจะได้ลักษณะตามที่ต้องการ กับการคัดเลือกที่ไม่ได้ตั้งใจ ที่ลักษณะมีวิวัฒนาการไปตาม
การคัดเลือกโดยธรรมชาติ หรือตามการคัดเลือกอื่น ๆ
[6][7][8]สิ่งมีชีวิตที่นำมาเลี้ยงจะต่างจากสิ่งมีชีวิตพันธุ์ป่าทาง
พันธุกรรมและในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่นำมาเลี้ยง ก็ยังมีความแตกต่างกันระหว่างลักษณะสืบสายพันธุ์ที่นักวิจัยเชื่อว่า จำเป็นในระยะต้น ๆ ของกระบวนการปรับนำมาเลี้ยง (domestication trait) และลักษณะที่พัฒนาขึ้นต่อ ๆ มาหลังจากที่สิ่งมีชีวิตพันธุ์ป่าและพันธุ์เลี้ยงได้แยกออกจากกันแล้ว (improvement trait)
[9][10][11]คือลักษณะที่จำเป็นโดยทั่วไปมีอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่นำมาเลี้ยงทั้งหมด และเป็นลักษณะที่คัดเลือกในระยะต้น ๆ ของกระบวนการ ในขณะที่ลักษณะที่พัฒนาต่อ ๆ มาจะมีอยู่ในบางพวกของสิ่งมีชีวิตที่นำมาเลี้ยง ถึงแม้ว่าอาจจะมีแน่นอนในพันธุ์ (breed) ใดพันธุ์หนึ่งโดยเฉพาะ หรือในกลุ่มประชากรในพื้นที่โดยเฉพาะ
[10][11][12]การปรับตัวเป็นสัตว์เลี้ยง (domestication) ไม่ควรสับสนกับการทำสัตว์ให้เชื่อง (taming)เพราะว่า การทำให้เชื่องเป็นการเปลี่ยน
พฤติกรรมของสัตว์ป่า ให้กลัวมนุษย์น้อยลงและยอมรับการมีมนุษย์อยู่ใกล้ ๆ ได้แต่ว่าการปรับตัวเป็นสัตว์เลี้ยง เป็นการเปลี่ยน
พันธุกรรมของสัตว์พันธุ์ที่นำมาเลี้ยงอย่างถาวร เป็นการเปลี่ยนความรู้สึกของสัตว์ต่อมนุษย์โดย
กรรมพันธุ์[13][14][15]สุนัขเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่ปรับนำมาเลี้ยง และแพร่หลายไปทั่ว
ทวีปยูเรเชียก่อนการสิ้นสุด
สมัยไพลสโตซีน ก่อนการเกิดขึ้นของ
เกษตรกรรม และก่อนการนำสัตว์อื่น ๆ ต่อ ๆ มามาเลี้ยง
[16]ข้อมูลทั้งทาง
โบราณคดีและทางพันธุกรรมแสดงนัยว่า การแลกเปลี่ยนยีน (gene flow) ที่เป็นไปทั้งสองทางระหว่างสิ่งมีชีวิตที่นำมาเลี้ยงกับพันธุ์ป่า เช่น
ลา ม้า อูฐทั้งพันธุ์
โลกเก่าและ
โลกใหม่ แพะ แกะ และ
หมู เป็นเรื่องสามัญ
[11][17]และเพราะความสำคัญของการนำสิ่งมีชีวิตมาเลี้ยงต่อมนุษย์ และคุณค่าของมันโดยเป็น
แบบจำลองของกระบวนการ
วิวัฒนาการและของการเปลี่ยนแปลงทางประชากรการศึกษาเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ จึงดึงดูดความสนใจของ
นักวิทยาศาสตร์สาขาต่าง ๆ รวมทั้ง
โบราณคดี บรรพชีวินวิทยา มานุษยวิทยา พฤกษศาสตร์ สัตววิทยา พันธุศาสตร์ และ
วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมสาขาต่าง ๆ
[18]