การลอกเลียนวรรณกรรม หรือ
โจรกรรมทางวรรณกรรม (
อังกฤษ: plagiarism) คือ การยักยอกหรือขโมย "โวหาร ความคิด แนวคิด หรือถ้อยคำ" ของผู้อื่น แล้วนำเสนอหรือเผยแพร่เหมือนเป็นผลงานแท้ ๆ ของตน
[1][2]การลอกเลียนวรรณกรรมถือเป็น
ความไม่สุจริตทางวิชาการ เป็นการละเมิด
จริยธรรมทางวารสารศาสตร์ และจะถูกมาตรการบังคับ เช่น ด้วยการลงโทษ การพักงาน การไล่ออกจากสถานศึกษา
[3] หรือจากที่ทำงาน
[4] การปรับเงิน
[5][6] หรือแม้แต่การกักขัง
[7][8] ในยุคปัจจุบัน เกิด "การลอกเลียนวรรณกรรมอย่างสุดขีด" (extreme plagiarism) ในวงวิชาการ
[9] แต่แนวคิดสมัยใหม่ที่ถือว่าการลอกเลียนวรรณกรรมเป็นเรื่องผิดศีลธรรม และการยึดถือความดั้งเดิมแท้จริงของวรรณกรรมเป็นอุดมคตินั้น อุบัติขึ้นในยุโรปตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 และเมื่อว่าโดยเจาะจงแล้ว อุบัติขึ้นพร้อมกับ
ขบวนการจินตนิยม (Romantic movement)การลอกเลียนวรรณกรรมมิได้เป็นความผิดทางอาญาโดยสภาพ แต่อาจเกิดเป็นคดีความในโรงศาลได้ เช่น เมื่อมีการปลอมแปลงเอกสาร
[10][11] หรือเกิด
การเสื่อมเสียสิทธิอันเนื่องมาจาก
การละเมิดลิขสิทธิ์[12][13] หรือมีการละเมิด
สิทธิทางศีลธรรม[14] หรือก่อให้เกิด
การละเมิดทางแพ่ง ส่วนในวงวิชาการและอุตสาหกรรมนั้น การลอกเลียนวรรณกรรมเป็นความผิดร้ายแรงต่อจริยธรรม
[15][16] อย่างไรก็ดี แม้แนวคิดเรื่องการลอกเลียนวรรณกรรมและการละเมิดลิขสิทธิ์อาจเหลื่อมซ้อนกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
[17] และการลอกเลียนวรรณกรรมในบางแง่ก็ไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนดและไม่อาจให้ศาลชำระตัดสินแนวคิดเรื่องการลอกเลียนวรรณกรรมยังแตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ เช่น อินเดียและโปแลนด์มองว่า การลอกเลียนวรรณกรรมเป็นความผิดอาญา และมีผู้ถูกจำคุกเพราะลอกเลียนวรรณกรรมมาแล้ว
[18] แต่บางท้องที่เห็นว่า การลอกเลียนวรรณกรรมกับความไม่สุจริตทางวิชาการเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง และถือว่า ถูกลอกเลียนวรรณกรรมก็เหมือนได้รับการเยินยอ เพราะเหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้แก่งานที่ลอกเลียน
[19] ด้วยเหตุนี้ จึงมีกรณีที่นักเรียนนักศึกษาซึ่งย้ายเข้าอาศัยในสหรัฐจากท้องที่ที่ไม่จริงจังกับการลอกเลียนวรรณกรรมประสบความยากลำบากในการเปลี่ยนผ่านทางแนวคิด
[20]