บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
กาฬมรณะ (
อังกฤษ: Black Death) หรือ
กาฬโรคครั้งใหญ่ (Great Plague) หรือ
มฤตภาพครั้งใหญ่ (Great Mortality) คือเหตุการณ์
โรคระบาดทั่วซึ่งสร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ มีผู้เสียชีวิตราว 75 ถึง 200 ล้านคนใน
ทวีปยูเรเชีย ระบาดรุนแรงสูงสุดในยุโรปช่วงปี 1347 ถึง 1351
[1][2][3] เชื่อกันว่าเกิดจาก
แบคทีเรีย Yersinia pestis ซึ่งก่อให้เกิด
กาฬโรคหลายรูปแบบ (กาฬโรคเลือด, กาฬโรคปอด, กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง)
[4]เหตุครั้งนี้ถือเป็นการระบาดครั้งแรกของกาฬโรคในแผ่นดินยุโรป และเป็นการระบาดที่สองในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ (
การระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นราว 800 ปีก่อนหน้า)
[5] กาฬมรณะก่อให้เกิดกลียุคทางศาสนา สังคมและเศรษฐกิจ และสร้างผลกระทบอย่างลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ยุโรปประเมินกันว่ากาฬมรณะมีผู้เสียชีวิต 30% ถึง 60% ของประชากรในทวีปยุโรป
[6] ลด
ประชากรโลกจากประมาณ 450 ล้านคน ลงเหลือ 350–375 ล้านคนในคริสต์ศตวรรษที่ 14
[7] และใช้เวลาราว 200 ปี ในการเพิ่มประชากรยุโรปกลับมาดังเดิม
[8] บางพื้นที่อย่าง
ฟลอเรนซ์ต้องใช้เวลาเกือบ 500 ปีกว่าประชากรจะกลับมาเท่าเดิม
[9][10][11] กาฬโรคกลับมาระบาดซ้ำเป็นครั้งคราวกระทั่งต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20คาดกันว่ากาฬมรณะมีจุดกำเนิดในจีนหรือ
เอเชียกลาง[12][13][14][15][16] จากนั้นแพร่มาตาม
เส้นทางสายไหมจนถึง
ไครเมียในปี 1343
[17] และมีหมัดหนูตะวันออก (Xenopsylla cheopis) ซึ่งอาศัยอยู่ใน
หนูท้องขาวที่ติดมากับเรือพาณิชย์ของ
เจโนวานำโรคจากไครเมียแพร่กระจายไปทั่วลุ่มน้ำเมดิเตอร์เรเนียนไปถึงส่วนที่เหลือของยุโรปผ่านคาบสมุทรอิตาลี