กิลกาเมช เป็น
กษัตริย์ใน
ตำนาน แห่งนครอุรุค ใน
อาณาจักรบาบิโลน หรือ
บาบีโลเนีย ซึ่งอยู่ริมฝั่ง
แม่น้ำยูเฟรทีส ใน
ประเทศอิรักปัจจุบัน เชื่อว่าเคยมีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 2,700 ปี
ก่อนคริสตกาลมีเรื่องเล่าและ
ปกรณัมมากมายที่เขียนเกี่ยวกับ
กิลกาเมช บางเรื่องเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยจารึกบนแผ่นดินเหนียวเป็นภาษาของพวก
ซูเมอร์ เรียกว่า
ภาษาซูเมอร์ ซึ่งยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ภาษาดังกล่าวนี้
นักโบราณคดีเชื่อว่าไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับภาษาอื่น ๆ ที่เราเคยรู้จักเลย[
ต้องการอ้างอิง]เรื่องกิลกาเมชของพวกซูเมอร์นั้น ถูกรวบรวมขึ้นเป็นบทกวีเรื่องยาว เรียกว่า
มหากาพย์กิลกาเมช (Epic of Gilgamesh) หลงเหลืออยู่เป็นวรรณกรรมในหลายภาษา เช่น ของชาว
อัคคาเดีย (
กลุ่มภาษาเซมิติก ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ
ภาษาฮีบรู, เป็นภาษาที่พูดกันในอาณาจักรบาบิโลน) นอกจากนี้ยังมีปรากฏบนแผ่นจารึกดินเหนียว เป็น
ภาษาฮูร์เรีย และ
ภาษาฮิตไตต์ (ภาษาหนึ่งในตระกูล
อินโด-ยูโรเปียน ซึ่งพูดกันในเขตรอยต่อยุโรปและเอเชีย นับเป็นหนึ่งในบรรดาภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก) ภาษาทั้งหมดที่พูดมานี้ จารด้วย
อักษรรูปลิ่ม หรือที่เราคุ้นเคยกันด้วยชื่อ คูเนฟอร์มตำนานฉบับเต็มเกี่ยวกับกิลกาเมชนั้น ได้มาจาก
ศิลาจารึก 12 แท่ง จารเป็นภาษาอัคคาเดียน พบในซากปรักหักพังของหอพระสมุด พระเจ้า
อะชูรบานิปัล แห่ง
อัสซีเรีย เมื่อราว 669-633 ปีก่อนคริสตกาล ที่เมือง
นิเนเวห์ (Nineveh) หอสมุดแห่งนี้ถูกพวก
เปอร์เซียทำลายเมื่อ 612 ปีก่อนคริสตกาล และจารึกทั้งหมดก็พินาศไปด้วย จารึกนี้ระบุชื่อผู้แต่งไว้ด้วย ซึ่งนับเป็นเรื่องที่แปลกมาก เนื่องจากในสมัยโบราณ แทบจะไม่มีการจารึกชื่อผู้แต่งเรื่องใด ๆ (จารึกไทยในสมัยสุโขทัยหรืออยุธยาก็ไม่มีการจารึกชื่อผู้แต่งเช่นกัน) ผู้แต่งจารึกนี้คือ
ชิเนฆิอุนนินนิ (Shin-eqi-unninni) อาจกล่าวได้ว่า บุคคลผู้นี้เป็นนักเขียนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกวรรณกรรม ที่เราสามารถระบุชื่อได้ตำนานของกิลกาเมชนั้นกล่าวโดยย่อ คงเทียบได้กับเรื่องของ
โนอาห์ ในคัมภีร์
ไบเบิ้ลหรือนูห์ ในคัมภีร์
อัลกุรอาน นั่นเอง นับเป็น
ตำนานน้ำท่วมโลกที่เก่าแก่ที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก