ประวัติ ของ ขี้หู

ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 นักเขียนสารานุกรมชาวโรมัน Aulus Cornelius Celsus ได้บอกวิธีการเอาขี้หูออกไว้ในหนังสือ De Medicina[38]

เมื่อบุคคลเริ่มไม่ค่อยได้ยินเสียง ซึ่งเกิดบ่อยมากหลังปวดหัวมานาน ขั้นแรก ควรตรวจดูหู เพราะถ้าไม่พบรอยแผลที่มีของแข็งติดด้านบน ก็จะพบขี้หูรวมกันแข็ง ๆถ้าเป็นของแข็ง ให้ใส่น้ำมันร้อนเข้าไป หรือสนิมเขียวของทองแดงผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำผักลีก (Allium ampeloprasum) หรือน้ำโซดาเล็กน้อยผสมกับกับไวน์น้ำผึ้งและเมื่อของแข็งหลุดออกจากแผล ให้ล้างหูด้วยน้ำอุ่น ทำให้ตักออกด้วยไม้แคะหูได้ง่ายถ้าเป็นขี้หูนิ่ม ก็สามารถเอาออกโดยวิธีเดียวกันด้วยไม้แคะหูแต่ถ้าแข็ง ให้หยอดน้ำส้มสายชูที่มีน้ำโซดาเล็กน้อย[39]และเมื่อนิ่มแล้ว ก็ให้ล้างและทำความสะอาดดังที่กล่าวมาแล้วอนึ่ง ควรล้างหูด้วย castoreum[upper-alpha 2]ผสมกับน้ำส้มสายชู กับน้ำมัน laurel (Laurus nobilis) และกับน้ำเปลือกหัวผักกาดอ่อน (Raphanus raphanistrum subsp. sativus) หรือน้ำแตงกวาผสมกับใบต้นกุหลาบบดการหยดน้ำผลองุ่นที่ยังไม่สุกผสมกับน้ำมันดอกกุหลาบก็ค่อนดีกับการไม่ได้ยินด้วย


การใช้

  • ในสมัยกลาง สารต่าง ๆ รวมทั้งขี้หูและปัสสาวะได้ใช้ทำสีให้เสมียนคัดลอกเขียนหนังสือที่มีรูปประกอบ[40]
  • มันทาปากแรกอาจทำมาจากขี้หู[41] หนังสือ แม่บ้านอเมริกันช่างประหยัด (American Frugal Housewife) กล่าวว่า "ไม่มีอะไรดีกว่าขี้หูเพื่อบรรเทาความเจ็บที่มาจากแผลตะปูหรือไม้เสียบ" และยังแนะนำให้ใช้ขี้หูเป็นมันทางปาก[42]
  • ก่อนมีด้ายเคลือบมัน/ขี้ผึ้ง ช่างเย็บผ้าได้ใช้ขี้หูกันไม่ให้ปลายด้ายลุ่ย[43]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ขี้หู http://www.ahnenkult.com/?p=746 http://audiologysupplies.com/blog/cerumen-manageme... http://www.history-science-technology.com/Notes/No... http://www.popsci.com/article/science/scent-your-e... http://journals.sagepub.com/doi/full/10.1177/01945... http://oto.sagepub.com/content/139/3_suppl_1/S1.fu... http://www.tchain.com/otoneurology/disorders/heari... http://bu.academia.edu/MaryBeaudry/Papers/120776/B... http://www.archives.nd.edu/cgi-bin/words.exe?nitri http://www.cs.ucf.edu/~MidLink/baldrige.jan.two.ht...