ประวัติ ของ คริปโทเคอร์เรนซี

ในปี 1983 นักวิทยาการรหัสลับชาวอเมริกันเดวิด ชอม ได้คิดค้นเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ารหัสและนิรนามซึ่งเรียกว่า ecash[110][111]ต่อมาในปี 1995 เขาจึงอิมพลิเม้นต์มันให้เป็น Digicash[112]ซึ่งเป็นวิธีการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเข้ารหัสในยุคต้น ซึ่งผู้ใช้จะต้องมีซอฟต์แวร์เพื่อถอนเงินจากธนาคารและกำหนดกุญแจเข้ารหัสโดยเฉพาะ ๆ ก่อนจะส่งเงินไปให้ผู้รับเป็นวิธีที่ทำให้เงินดิจิทัลไม่สามารถติดตามได้โดยธนาคารที่ออกเงิน หรือรัฐบาล หรือบุคคลที่สามอื่น ๆ

ในปี 1996 สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐตีพิมพ์เอกสารชื่อว่า วิธีสร้างโรงกระษาปรณ์ - วิทยาการรหัสของเงินอิเล็กทรอนิกส์นิรนาม (How to Make a Mint: the Cryptography of Anonymous Electronic Cash) ซึ่งอธิบายระบบคริปโทเคอร์เรนซี โดยพิมพ์มันเป็นครั้งแรกในบัญชีจ่าหน้าของเอ็มไอที[113]แล้วต่อมาจึงพิมพ์ในวารสาร The American Law Review[114]

ในปี 1998 Wei Dai ได้ตีพิมพ์คำอธิบายของ b-money ซึ่งเป็นระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบกระจายและนิรนาม[115]ต่อมาไม่นาน Nick Szabo ก็สร้าง "bit gold" ขึ้น[116]คล้ายกับบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ ที่จะติดตามมา bit gold (อย่าสับสนกับตลาดแลกเปลี่ยนทองที่จะเกิดต่อมาคือ BitGold) เป็นระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่บังคับให้ผู้ใช้คำนวณฟังก์ชัน proof of work โดยสิ่งที่คำนวณจะรวมเข้ารหัสแล้วแสดงเป็นสาธารณะส่วนระบบเงินแบบ reusable proof of work ต่อมาจึงสร้างขึ้นโดย Hal Finney

ในปี 2009 นักพัฒนาซอฟต์แวร์โดยนามปากกาซะโตชิ นะกะโมโต (Satoshi Nakamoto) ได้สร้างคริปโทเคอร์เรนซีแบบไม่รวมศูนย์สกุลแรกคือ บิตคอยน์ซึ่งใช้ SHA-256 เป็นฟังก์ชันแฮชสำหรับวิธีการ proof-of-work[17][117]ในเดือนเมษายน 2011 มีการสร้าง Namecoin ขึ้นโดยเป็นส่วนของการตั้งดีเอ็นเอสแบบกระจายศูนย์ ซึ่งจะทำให้การตรวจพิจารณาอินเทอร์เน็ตทำได้ยากมากต่อมาในเดือนตุลาคม 2011 จึงมีการวางตลาด Litecoinซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีสกุลแรกที่ใช้ scrypt เป็นฟังก์ชันแฮชแทน SHA-256ส่วนคริปโทเคอร์เรนซีที่เด่นอีกสกุลก็คือ Peercoin ซึ่งเริ่มใช้ระบบผสม คือ proof-of-work/proof-of-stake เป็นสกุลแรก[29]ส่วน IOTA เป็นคริปโทเคอร์เรนซีแรกที่ไม่ได้ใช้บล็อกเชน แต่ใช้ Tangle แทน[118][119]

ในปี 2017 The Divi Project ทำระบบที่ช่วยให้แลกเปลี่ยนเงินสกุลต่าง ๆ ภายในวอลเลตเดียวกันได้ง่าย โดยสร้างใช้บล็อกเชนแบบพิเศษ[120][121]และให้สมรรถภาพในการให้ข้อมูลระบุบุคคลในธุรกรรม[122]มีคริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ อีกมากที่ได้สร้างขึ้น แม้น้อยมากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะล้วนแต่ไม่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทำอะไรได้ดีขึ้น[123]

วันที่ 6 สิงหาคม 2014 สหราชอาณาจักรประกาศว่า กระทรวงการคลังได้รับคำสั่งให้ศึกษาคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อดูว่า มันสามารถมีบทบาทในเศรษฐกิจของประเทศได้บ้างหรือไม่งานศึกษาก็จะรายงานด้วยว่า ควรจะมีกฎหมายควบคุมหรือไม่[124]

ความสนใจจากสาธารณชน

เครื่องแลกเปลี่ยนบิตคอยน์อัตโนมัติ (Bitcoin ATM)

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลาง (Gareth Murphy) แห่งหนึ่งได้กล่าวว่า "การใช้คริปโทเคอร์เรนซีอย่างแพร่หลายจะทำให้องค์กรสถิติมีปัญหามากขึ้นในการเก็บข้อมูลทางเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลใช้ในการคัดท้ายเศรษฐกิจ"เขาได้เตือนว่า เงินเสมือนเป็นการท้าทายธนาคารกลางในการควบคุมนโยบายการเงินและการแลกเปลี่ยนเงินตรา[125]

ส่วนบริษัท Robocoin ได้เริ่มติดตั้งเครื่องแลกเปลี่ยนบิตคอยน์อัตโนมัติ (Bitcoin ATM) ในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2014เครื่องที่ติดตั้งในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส คล้ายกับเครื่องเอทีเอ็ม แต่มีเครื่องอ่านบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล เช่น ใบขับขี่หรือหนังสือเดินทางเพื่อยืนยันพิสูจน์ว่าเป็นบุคคลนั้น ๆ[126]โดยเดือนกันยายน 2017 มีเครื่องแลกเปลี่ยนบิตคอยน์อัตโนมัติ 1,574 เครื่องที่ได้ติดตั้งทั่วโลกโดยมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยที่ 9.05%มีการติดตั้งเครื่องโดยเฉลี่ย 3 เครื่องต่อวันในเดือนกันยายน 2017[127]

มูลนิธิโดชคอยน์ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลและจัดตั้งโดยผู้ร่วมสร้างโดชคอยน์ (คือ Jackson Palmer) ได้บริจาคโดชคอยน์มูลค่ากว่า $30,000 (ประมาณ 903,900 บาท) เพื่อให้ทุนแก่ทีมกีฬา Jamaican bobsled team เพื่อเดินทางไปแข่งกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ที่เมืองโซชี ประเทศรัสเซีย[128]ชุมชนผู้ใช้โดชคอยน์ที่กำลังขยายกว้างขึ้น ยังเพิ่มชื่อเสียงทางการกุศลของตนโดยหาเงินจำนวนเท่ากันเพื่อซื้อสุนัขบริการสำหรับเด็กพิการ[129]


ใกล้เคียง

คริปโทเคอร์เรนซี คริปโทเคอร์เรนซีวอลเลต คริปโทเคอร์เรนซีและความปลอดภัย คริปโตไนต์ คริปโต.คอม อารีนา คริปโทแซนทิน คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส คริสโตเฟอร์ โนแลน คริสโตเฟอร์ โรบิน (ภาพยนตร์) คริสโตเฟอร์ วอลเคน

แหล่งที่มา

WikiPedia: คริปโทเคอร์เรนซี http://www.osc.gov.on.ca/en/SecuritiesLaw_csa_2017... http://gjis.journals.yorku.ca/index.php/gjis/artic... http://www.heg-fr.ch/EN/School-of-Management/Commu... http://altcoins.com/scamcoins http://www.americanbanker.com/bankthink/how-crypto... http://bitcoinmagazine.com/12839/big-picture-china... http://www.businessinsider.com/paul-krugman-says-b... http://www.coindesk.com/bitcoin-peer-reviewed-acad... http://coinmarketcap.com/all/views/all/ http://cryptocointalk.com/forum/178-scrypt-cryptoc...