การสร้างและการปรับแต่งความจำ ของ ความจำ

แม้ว่าเราอาจจะคิดว่า ความจำเป็นเหมือนกับเครื่องอัดวีดิโอ แต่นี่ไม่ใช่ความจริงกลไกทางโมเลกุลที่เป็นฐานของการเกิดและการรักษาความจำมีภาวะที่เป็นพลวัต (คือไม่อยู่กับที่) และประกอบด้วยระยะต่าง ๆ ที่มีช่วงเวลาเป็นวินาทีจนถึงทั้งชีวิต[70]จริง ๆ แล้ว ผลงานวิจัยแสดงว่า สิ่งที่เราจำได้เป็นสิ่งที่สร้างขึ้น (ใหม่)คือ เราสร้างความจำทั้งที่เมื่อมีการเข้ารหัสทั้งที่เมื่อมีการระลึกถึงความจริงนี้ รู้ได้จากผลงานวิจัยคลาสิกในปี ค.ศ. 1974[71] ที่ให้ผู้ร่วมการทดลองดูภาพยนตร์เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ท้องถนน และถามว่า ได้เห็นอะไรนักวิจัยพบว่า บุคคลที่ได้รับคำถามว่า "รถเหล่านั้นวิ่งเร็วแค่ไหนเมื่อวิ่งเข้าบี้กัน"[72] จะให้ความเร็วประเมินที่สูงกว่าบุคคลที่ได้รับคำถามว่า "รถเหล่านั้นวิ่งเร็วแค่ไหนเมื่อชนกัน"[73]

นอกจากนั้นแล้ว เมื่อถามอีกอาทิตย์หนึ่งว่า เห็นกระจกแตกในหนังหรือไม่ ผู้ที่รับคำถามเกี่ยวกับรถวิ่งเข้าบี้กันมีโอกาสถึง 2 เท่าที่จะรายงานว่าเห็นกระจกแตก มากกว่าผู้ที่ได้รับคำถามเกี่ยวกับรถชนกันแต่จริง ๆ แล้ว ไม่มีกระจกแตกแสดงในภาพยนตร์ดังนั้น คำถามจึงเป็นตัวบิดเบือนความจำของผู้ร่วมการทดลองสิ่งที่สำคัญก็คือ คำที่ใช้ในคำถามโน้มน้าวให้ผู้ร่วมการทดลองสร้างความจำใหม่ที่ต่างจากเหตุการณ์จริง ๆคือ ผู้ที่รับคำถามเกี่ยวกับรถวิ่งเข้าบี้กันระลึกถึงอุบัติเหตุว่าร้ายแรงกว่าที่เห็นจริง ๆ ผลงานทดลองนี้สามารถทำซ้ำได้และให้ผลเดียวกันทั่วโลกคือนักวิจัยสามารถแสดงอย่างคงเส้นคงวาว่า ถ้าได้รับข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด ก็จะทำให้เกิดการระลึกถึงความจำที่ผิดพลาด เป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า misinformation effect (แปลว่า ปรากฏการณ์ข้อมูลผิด)[74]

เป็นที่น่าสนใจว่า ผลงานวิจัยแสดงว่า การให้ผู้ร่วมการทดลองจินตนาการการกระทำที่ไม่เคยได้ทำมาก่อนหรือเหตุกาณ์ที่ไม่ได้ประสบมาจริง ๆ ซ้ำ ๆ กัน อาจมีผลทำให้เกิดความจำที่ไม่ตรงกับความจริงยกตัวอย่างเช่น ในงานวิจัยปี ค.ศ. 1998[75] มีการให้ผู้ร่วมการทดลองจินตนาการว่าได้ทำการอย่างหนึ่ง (ซึ่งก็คือ หักไม้จิ้มฟัน) ในช่วงแรกของการทดลอง และภายหลังถามว่าได้ทำอย่างนั้นจริงหรือเปล่าผลการทดลองพบว่า ผู้ร่วมการทดลองที่ได้จินตนาการซ้ำ ๆ กันว่าได้ทำสิ่งนั้นมีโอกาสที่จะคิดว่าได้ทำสิ่งนั้นจริง ๆ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้จินตนาการและโดยคล้าย ๆ กัน ในงานวิจัยปี ค.ศ. 1996[76] มีการให้นักศึกษามหาวิทยาลัยรายงานว่า มั่นใจแค่ไหนว่าได้ประสบเหตุการณ์หนึ่ง ๆ (เช่น ทำหน้าต่างแตกโดยใช้มือ) ในวัยเด็ก แล้วหลังจากนั้น 2 อาทิตย์ก็ให้นักศึกษาจินตนาการเหตุกาณ์ 4 อย่างนักวิจัยพบว่า นักศึกษา 1/4 ที่ทำการจินตนาการรายงายว่า ได้ประสบเหตุการณ์เหล่านั้นจริง ๆ ในวัยเด็กซึ่งก็คือ เมื่อให้จินตการถึงเหตุการณ์เหล่านั้น ก็จะเกิดความมั่นใจมากขึ้นว่าได้ประสบเหตุการณ์เหล่านั้นจริง ๆ

งานวิจัยในปี ค.ศ. 2013 พบว่า สามารถเร้าความจำที่มีอยู่แล้วโดยไม่ได้ใช้วิธีธรรมชาติ (artificial) และสามารถสร้างความจำเทียมในหนูโดยใช้ optogenetics (ใช้แสงควบคุมนิวรอนซึ่งได้ทำให้ไวแสงโดยแปลงยีน) คือกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ของสถาบัน RIKEN-MIT สามารถทำให้หนูสัมพันธ์สิ่งแวดล้อมที่ไม่มีภัย กับประสบการณ์ที่ไม่น่ายินดีที่เกิดในสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน (หนูในที่สุดมีปฏิกิริยาต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่มีภัยเหมือนกับมีภัย)นักวิทยาศาสตร์บางท่านเชื่อว่า งานวิจัยนี้อาจมีนัยสำคัญในการศึกษาการเกิดความจำผิด ๆ ในมนุษย์ และในการบำบัดรักษาคนไข้ PTSD และโรคจิตเภท[77][78]

ใกล้เคียง

ความจำ ความจำชัดแจ้ง ความจำเชิงกระบวนวิธี ความจำอาศัยเหตุการณ์ ความจำโดยปริยาย ความจำสั้น แต่รักฉันยาว ความจำเสื่อม ความจำเพาะ ความลำเอียงทางเพศบนวิกิพีเดีย ความสำส่อน

แหล่งที่มา

WikiPedia: ความจำ http://journals2.scholarsportal.info.myaccess.libr... http://psychology.about.com/od/aindex/g/amygdala.h... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/438701/p... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/493353/r... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/493614/r... http://abcnews.go.com/Health/Wellness/researchers-... http://www.newscientist.com/channel/being-human/mg... http://www.reuters.com/article/2007/03/12/us-memor... http://www.sinauer.com/bouton/glossary.html#Habitu... http://link.springer.com/article/10.3758%2FBF03198...