การจัดหมวดหมู่ ของ ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ

ระบบการจัดหมวดหมู่หลัก 2 อย่างคือ ICD และ DSM ได้พยายามรวมการวินิจฉัยเข้าด้วยกันในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังต่างกันยกตัวอย่างเช่น ICD-10 ไม่ได้กำหนดความผิดปกติแบบหลงตัวเอง (narcissistic personality disorder) ต่างหากในขณะที่ DSM-5 ไม่ได้กำหนดความเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพที่คงทนหลังจากเกิดประสบการณ์หายนะ หรือหลังจากหายป่วยจากโรคทางจิตเวชICD-10 จัดหมวดความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบจิตเภท (schizotypal personality disorder) ที่ DSM-5 จัด โดยเป็นรูปแบบของโรคจิตเภทแทนที่จะเป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพดังนั้น จึงมีทั้งประเด็นปัญหาทางการวินิจฉัยที่ยอมรับกันดีแล้ว และประเด็นที่ยังถกเถียงกันไม่จบสิ้น เกี่ยวกับการแยกแยะความผิดปกติทางบุคลิกภาพหมวดหมู่ต่าง ๆ ออกจากกัน[12]ICD จัด transgenderism (คนข้ามเพศ) ว่าเป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพ[13]ในขณะที่ DSM-5 เลิกจัด transgenderism ว่าเป็นโรคทางจิต แต่สร้างหมวดหมู่ใหม่ที่ต่างกัน คือ gender dysphoria (อารมณ์ละเหี่ยเหตุเพศ)[14]

องค์การอนามัยโลก

ICD-10 ได้รวมหมวดหมู่เกี่ยวกับความผิดปกติทางบุคลิกภาพ และความเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพที่ยั่งยืน ในหัวข้อ "ความผิดปกติทางจิตและทางพฤติกรรม"โดยนิยามว่าเป็นรูปแบบ (ทางจิตและพฤติกรรม) ที่ฝังแน่น และแสดงออกโดยการตอบสนองที่ยืดหยุ่นไม่ได้และสร้างความพิการ ที่แตกต่างอย่างสำคัญจากวิธีการรับรู้ การคิด และความรู้สึกของบุคคลทั่วไปในวัฒนธรรมนั้น ๆ โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่น[15]

ความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่จำเพาะ (specific) ได้แก่ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบระแวง (Paranoid personality disorder) แบบ Schizoid แบบไม่แยแสสังคม (Dissocial) แบบอารมณ์ไม่คงที่ (Emotionally unstable) แบบ Histrionic แบบย้ำคิดย้ำทำ (Anankastic) แบบวิตกกังวลหรือหลีกเลี่ยง (anxious หรือ avoidant) และแบบพึ่งพา (Dependent)[16]

นอกจากนั้นแล้วยังมีหมวด "ความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ระบุรายละเอียดแบบอื่น" (Others) ซึ่งรวมอาการที่กำหนดว่า วิปริต (eccentric), haltlose (มากจากคำ เยอรมันว่า haltlos แปลว่า "ล่องลอย ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการควบคุม"),[17]ไม่สมวัย (immature), หลงตัวเอง (narcissistic), ดื้อเงียบ (passive-aggressive), และแบบประสาท (psychoneurotic)และก็ยังมีอีกหมวดหนึ่งสำหรับความผิดปกติทางบุคลิกภาพไม่ระบุรายละเอียด (unspecified) ซึ่งรวมอาการเช่น character neurosis และ pathological personality

ยังมีหมวด "ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบอื่นและแบบผสม" (Mixed and other personality disorders) กำหนดเป็นอาการที่ทำให้ลำบาก แต่ไม่แสดงรูปแบบของอาการโดยเฉพาะเหมือนกับความผิดปกติที่จำเพาะและที่สุดก็คือหมวด "การเปลี่ยนแปลงที่ติดต้วของบุคลิกภาพที่ไม่เกิดจากโรคของสมองหรือสมองถูกทำลาย" (Enduring personality changes, not attributable to brain damage and disease)ซึ่งมุ่งหมายเอาอาการที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ ที่ไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นความผิดปกติทางบุคลิกภาพ เป็นอาการที่ติดตามความเครียดรุนแรงและยาวนาน หรือติดตามโรคทางจิตเวชอื่น

สมาคมจิตเวชอเมริกัน

ส่วน DSM ซึ่งปัจจุบันเป็นรุ่น DSM-5 ได้ให้คำนิยามทั่วไปของหมวดความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่เน้นว่า เป็นรูปแบบที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นไม่ได้เป็นระยะเวลายาวที่ทำให้เกิดความทุกข์และความพิการอย่างสำคัญ ที่ไม่ได้เกิดจากการใช้สารเสพติดหรืออาการทางแพทย์อย่างอื่นDSM-5 กำหนดความผิดปกติ 10 อย่าง จัดเป็นกลุ่ม 3 กลุ่ม (cluster)และยังมีวินิจฉัยอีก 3 อย่างเกี่ยวกับรูปแบบทางบุคลิกภาพที่ไม่ตรงกับความผิดปกติ 10 อย่างนั้น แต่ก็ยังแสดงลักษณะของความผิดปกติทางบุคลิกภาพ[18]

กลุ่ม A (ความผิดปกติที่แปลกหรือวิปริต)

ความผิดปกติในกลุ่มนี้ บ่อยครั้งสัมพันธ์กับโรคจิตเภท (schizophrenia)อย่างหนึ่งโดยเฉพาะก็คือความผิดปกติแบบจิตเภท (Schizotypal) ที่คนไข้บ่อยครั้งรู้สึกอึดอัดอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้อื่น มีความบิดเบือนทางประชานหรือการรับรู้ และมีพฤติกรรมที่วิปริตหรือพิกล (eccentric)แต่ว่า บุคคลที่มีภาวะกลุ่มนี้ยังเข้าใจความเป็นจริงได้ดีกว่าคนไข้ที่วินิจฉัยว่าเป็นโรคจิตเภทโดยทั่วไปแล้ว คนไข้อาจจะขี้ระแวง เข้าใจได้ยากเนื่องจากมีการพูดที่แปลกหรือพิกล และปราศจากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแม้ว่าการรับรู้ (perception) ของคนไข้อาจจะแปลก แต่ก็สำคัญที่จะแยกแยะการรับรู้เช่นนั้นจากอาการหลงผิด (delusion) และประสาทหลอน (hallucination)เพราะว่าบุคคลที่มีอาการสองอย่างนั้น จะได้วินิจฉัยว่าเป็นความผิดปกติที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงมีหลักฐานสำคัญที่แสดงนัยว่า บุคคลในอัตราน้อยที่มีความผิดปกติกลุ่มนี้ โดยเฉพาะแบบจิตเภท (schizotypal) มีโอกาสที่จะแย่ลงเป็นโรคจิตเภทหรือความผิดปกติทางจิตเวชอื่น ๆความผิดปกติกลุ่มนี้ มีโอกาสสูงขึ้นในบุคคลที่ญาติใกล้ชิด (first-degree) เป็นโรคจิตเภทหรือมีความผิดปกติกลุ่มนี้[19]

  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบระแวง (Paranoid personality disorder) กำหนดโดยรูปแบบความสงสัยที่ไม่สมเหตุผลและไม่เชื่อใจผู้อื่น โดยระแวงว่ามุ่งร้าย
  • Schizoid personality disorder เป็นการปราศจากความสนใจและการวางเฉยจากความสัมพันธ์ทางสังคม ความไร้อารมณ์ (apathy) และการแสดงออกทางอารมณ์ที่จำกัด
  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบจิตเภท (schizotypal personality disorder) เป็นรูปแบบของความอึดอัดอย่างรุนแรงในปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และความบิดเบือนทางประชานและการรับรู้

กลุ่ม B (ความผิดปกติแบบน่าทึ่งเหมือนละคร แบบอารมณ์แรง หรือเอาแน่ไม่ได้)

  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบต่อต้านสังคม (Antisocial personality disorder) เป็นรูปแบบที่แพร่ไปทั่วเนื่องกับการไม่สนใจหรือการละเมิดสิทธิของผู้อื่น การไม่เห็นใจผู้อื่น การมีภาพพจน์เกี่ยวกันตนเกินจริง การใช้เล่ห์เหลี่ยมเปลี่ยนพฤติกรรมผู้อื่น และการมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น
  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ่ง (Borderline personality disorder) เป็นรูปแบบความไม่เสถียรที่แพร่ไปทั่วในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งความสัมพันธ์กับคนอื่น ภาพพจน์ของตน เอกลักษณ์ของตน (identity) พฤติกรรม และอารมณ์ (affect) ที่บ่อยครั้งนำไปสู่การทำร้ายตัวเองและความหุนหันพลันแล่น
  • Histrionic personality disorder เป็นรูปแบบที่แพร่ไปทั่วของพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ (attention-seeking) และอารมณ์ที่เกินควร
  • ความผิดปกติแบบหลงตัวเอง (narcissistic personality disorder) เป็นรูปแบบที่แพร่ไปทั่วของความเขื่อง (grandiosity) ความต้องการความชื่นชม และการไม่เห็นใจผู้อื่น

กลุ่ม C (ความผิดปกติแบบวิตกกังวลหรือกลัว)

  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลีกเลี่ยง (Avoidant personality disorder) เป็นความรู้สึกที่แพร่ไปทั่วเกี่ยวกับความต้องการหลีกเลี่ยงสังคม (social inhibition) ความรู้สึกว่าตนบกพร่อง (social inadequacy) และความรู้สึกไวอย่างสุด ๆ เมื่อถูกประเมินในเชิงลบ
  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบพึ่งพา (Dependent personality disorder) เป็นความต้องการที่แพร่ไปทั่วที่จะให้คนอื่นดูแลตัวเอง
  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-compulsive personality disorder) กำหนดโดยความต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ทุกอย่างต้องเพอร์เฝ็กต์ (perfectionism) และการควบคุมสถานการณ์ให้ถึงจุดพอใจจนกระทั่งต้องเว้นกิจกรรมเวลาว่างหรือการใช้เวลากับเพื่อน (ซึ่งไม่เหมือนและแตกต่างจากโรคย้ำคิดย้ำทำมาก)

ความผิดปกติทางบุคลิกภาพอื่น ๆ

  • การเปลี่ยนบุคลิกภาพเนื่องจากภาวะทางแพทย์อีกอย่างหนึ่ง (Personality change due to another medical condition) เป็นผลโดยตรงต่อบุคลิกภาพของภาวะทางแพทย์อย่างหนึ่ง
  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่จำเพาะอย่างอื่น (Other specified personality disorder) มีอาการที่เป็นลักษณะของความผิดปกติทางบุคลิกภาพอย่างหนึ่ง แต่ยังไม่ผ่านเกณฑ์ของความผิดปกติที่จำเพาะ โดยแพทย์จะกำหนดเหตุผล
  • ความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ไม่กำหนด (Personality disorder not otherwise specified)

การจัดหมวดหมู่อื่น ๆ

คู่มือวินิจฉัยรุ่นก่อน ๆ มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพบางอย่างที่เอาออกแล้วรวมทั้งความผิดปกติ 2 ประเภทที่อยู่ในภาคผนวกของ DSM-III-R ในหัวข้อ"หมวดหมู่วินิจฉัยที่เสนอที่ต้องมีงานศึกษาเพิ่มเติม" (Proposed diagnostic categories needing further study) โดยไม่ได้กำหนดเกณฑ์ที่จำเพาะคือ sadistic personality disorder ซึ่งเป็นรูปแบบที่แพร่หลายของพฤติกรรมที่โหดร้าย ที่ลดค่าผู้อื่น และที่ดุร้ายและ self-defeating personality disorder หรือ masochistic personality disorder ซึ่งกำหนดโดยพฤติกรรมที่บั่นทอนความสุขหรือเป้าหมายของตน[20]นักจิตวิทยาบางพวกรวมทั้ง ศ. ธีโอดอร์ มิลลอน พิจารณาการวินิจฉัยความผิดปกติบางอย่างที่เอาออกแล้วว่า สมเหตุสมผลเท่ากับความผิดปกติที่อยู่ในคู่มือปัจจุบัน และยังเสนอทั้งความผิดปกติอื่น ๆ และความผิดปกติแบบย่อย ๆ นอกเหนือจากที่มีเป็นทางการในคู่มืออีกด้วย[21]

การวินิจฉัยความผิดปกติทางบุคลิกภาพของคู่มือวินิจฉัยของสมาคมจิตเวชอเมริกันในแต่ละฉบับ[22][23]
DSM-I DSM-II DSM-III DSM-III-R DSM-IV(-TR) DSM-5
บุคลิกภาพ
Pattern disturbance:
Inadequate Inadequate
Schizoid Schizoid Schizoid Schizoid Schizoid Schizoid
Cyclothymic Cyclothymic
Paranoid Paranoid Paranoid Paranoid Paranoid Paranoid
Schizotypal Schizotypal Schizotypal Schizotypal*
Personality
Trait disturbance:
Emotionally unstable Hysterical Histrionic Histrionic Histrionic Histrionic
Borderline Borderline Borderline Borderline
Compulsive Obsessive-compulsive Compulsive Obsessive-compulsive Obsessive-compulsive Obsessive-compulsive
Passive-aggressive:
Passive-depressive subtype Dependent Dependent Dependent Dependent
Passive-aggressive subtype Passive-aggressive Passive-aggressive Passive-aggressive
Aggressive subtype
Explosive
Asthenic
Avoidant Avoidant Avoidant Avoidant
Narcissistic Narcissistic Narcissistic Narcissistic
Sociopathic personality
Disturbance:
Antisocial reaction Antisocial Antisocial Antisocial Antisocial Antisocial
Dyssocial reaction
Sexual deviation
Addiction
Appendix: Appendix: Appendix:
Self-defeating Negativistic Dependent
Sadistic Depressive Histrionic
Paranoid
Schizoid
Negativistic
Depressive

* - จัดเป็น schizophrenia-spectrum disorder ด้วยนอกเหนือจากความผิดปกติทางบุคลิกภาพ

คำพรรณนาของ ศ. มิลลอน

นักจิตวิทยา ศ. ธีโอดอร์ มิลลอน ผู้ได้เขียนวรรณกรรมยอดนิยมหลายงานเกี่ยวกับบุคลิกภาพ เสนอคำพรรณนาเหล่านี้สำหรับความผิดปกติทางบุคลิกภาพต่าง ๆ คือ

คำพรรณนาความผิดปกติทางบุคลิกภาพสั้น ๆ ของ ศ. มิลลอน[3]
ประเภท ลักษณะ
แบบระแวง (Paranoid) ระมัดระวัง ป้องกันตัว ไม่เชื่อใจ และสงสัย ระมัดระวังอย่างยิ่งต่อเจตนาของผู้อื่นที่อาจเป็นการบั่นทอนหรือทำอันตราย พยายามหาหลักฐานสนับสนุนว่าคนอื่นมีแผนลับเสมอ รู้สึกว่าตนถูกต้อง แต่ถูกแกล้ง คนผิดปกติชนิดนี้จะประสบความไม่เชื่อใจและความสงสัยต่อผู้อื่นที่แพร่ไปทั่วเป็นระยะเวลายาว เป็นคนที่ยากที่จะทำงานด้วยและยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ด้วย และอาจจะเป็นคนโกรธง่าย[24]
Schizoid ไร้อารมณ์ ไม่แยแส ห่างเหิน อยู่โดดเดี่ยว ไม่ทำตัวคุ้นเคย ไร้อารมณ์ขัน ไม่ต้องการหรือจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับมนุษย์ ถอนตัวจากความสัมพันธ์กับคนอื่นและชอบอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสนใจผู้อื่น มักมองว่าเป็นคนชอบอยู่คนเดียว มีความสำนึกน้อยที่สุดเกี่ยวกับความรู้สึกของตนหรือผู้อื่น มีแรงกระตุ้นและความทะเยอทะยานน้อยมาก ถ้ามีโดยประการทั้งปวง เป็นภาวะที่ไม่สามัญที่บุคคลจะหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางสังคมและหลีกเลี่ยงการทำอะไรร่วมกับผู้อื่น ชายเป็นมากกว่าหญิง สำหรับคนอื่น บุคคลนี้อาจจะดูทึ่ม ๆ หรือไร้อารมณ์ขัน เพราะว่าไม่ค่อยแสดงอารมณ์ จึงอาจจะดูเหมือนว่าไม่เป็นห่วงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัว[25]
แบบจิตเภท (Schizotypal) พิกล เหินห่างจากตนเอง แปลก ๆ ใจลอย มีท่าทางและพฤติกรรมที่แปลก ๆ คิดว่าตนสามารถอ่านใจผู้อื่น หมุกหมุ่นอยู่กับฝันกลางวันและความเชื่อแปลก ๆ เส้นขีดระหว่างความเป็นจริงกับความเพ้อฝันไม่ชัดเจน มีความคิดเชิงไสยศาสตร์และความเชื่อที่แปลก ๆ คนผิดปกติชนิดนี้บ่อยครั้งกล่าวถึงว่า แปลกหรือพิกล และปกติมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดน้อย ถ้ามีโดยประการทั้งปวง เป็นคนที่โดยทั่วไปไม่เข้าใจการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น หรือผลกระทบที่พฤติกรรมของตนมีต่อผู้อื่น[26]
แบบต่อต้านสังคม (Antisocial) หุนหันพลันแล่น ไม่รับผิดชอบ ผิดปกติ ควบคุมไม่ได้ ทำอะไรไม่คิดก่อน ทำหน้าที่ทางสังคมก็ต่อเมื่อมีประโยชน์ต่อตน ไม่เคารพประเพณี กฎ และมาตรฐานของสังคม มองตัวเองว่าเป็นไทและเป็นอิสระ คนผิดปกติเช่นนี้มีรูปแบบพฤติกรรมที่ไม่สนใจสิทธิของผู้อื่น และบ่อยครั้งจะข้ามเส้นโดยละเมิดสิทธิเหล่านั้น[27]
แบบก้ำกึ่ง (Borderline) เอาแน่เอานอนไม่ได้ ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้อื่น ไม่เสถียร กลัวการถูกทิ้งและความโดดเดี่ยวอย่างบ้าคลั่ง อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างรวดเร็ว รักและเกลียดกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว เห็นตัวเองและบุคคลอื่นสลับไปมาว่าดีทั้งหมดหรือแย่ทั้งหมด อารมณ์ที่ไม่เสถียรและเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว คนผิดปกติชนิดนี้ มีรูปแบบของความไม่เสถียรเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับผู้อื่นที่แพร่ไปทั่ว[28]
แบบ Histrionic เหมือนตัวละคร เซ็กซี่/มีเสน่ห์ เป็นคนไม่ลึกซึ้ง ชอบหาสิ่งเร้า ถือตัว มีปฏิกิริยาต่อเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เกินเหตุ ชอบโชว์ตัวเพื่อที่จะได้ความสนใจและความช่วยเหลือจากผู้อื่น มองตัวเองว่า รูปงามและมีเสน่ห์ คอยหาความสนใจจากผู้อื่น ความผิดปกติกำหนดโดยการคอยหาความสนใจ ปฏิกิริยาทางอารมณ์เกินควร และถูกชักชวนได้ง่าย (suggestibility) ความโน้มเอียงที่จะทำเป็นตัวละครอาจจะขัดขวางความสัมพันธ์กับผู้อื่น และนำไปสู่ความซึมเศร้า แต่บุคคลนี้บ่อยครั้งจะดำเนินชีวิตไปได้โดยดี[29]
แบบหลงตัวเอง (Narcissistic) สนใจแต่ตัวเอง หยิ่ง ขี้อวด ไม่สนใจ หมกหมุ่นกับความคิดเพ้อฝันเกี่ยวกับความสำเร็จ ความงาม หรือความสัมฤทธิ์ผล มองตัวเองว่าน่ายกย่องและเหนือกว่า ดังนั้น จึงควรจะได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ เป็นความผิดปกติทางจิตที่บุคคลรู้สึกถึงความสำคัญของตนเกินจริงและต้องการความยกย่องอย่างยิ่ง คนผิดปกติชนิดนี้ เชื่อว่าตนเองเหนือกว่าคนอื่นและไม่ค่อยสนใจความรู้สึกของคนอื่น
แบบหลีกเลี่ยง (Avoidant) ลังเลใจ สำนึกตนมากเกินไปทำให้ประหม่า เขิน วิตกกังวล เครียดในท่ามกลางสังคมเนื่องจากกลัวถูกปฏิเสธ วิตกกังวลในเรื่องความล้มเหลวตลอดเวลา มองตัวเองว่า งุ่มง่าม ไม่เก่ง หรือไม่น่าสนใจ ประสบกับความรู้สึกว่า ตนบกพร่อง เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ไวความรู้สึกว่าคนอื่นคิดถึงตนอย่างไร[30]
แบบพึ่งพา (Dependent) ช่วยตัวเองไม่ได้ ไร้ความสามารถ อ่อนน้อม ไม่โต ถอยจากความรับผิดชอบของผู้ใหญ่ มองตัวเองว่าอ่อนแอและเปราะบาง คอยมองหาการปลอบให้อุ่นใจจากคนที่แกร่งกว่า ต้องการที่จะให้คนอื่นดูแล กลัวถูกทอดทิ้งหรือถูกแยกจากบุคคลสำคัญในชีวิต[31]
แบบย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-compulsive) หักห้ามใจ พิถีพิถัน ให้ความเคารพยกย่อง เข้มงวด ธำรงชีวิตแบบมีกฎเกณฑ์ ทำตามประเพณีทางสังคมอย่างเคร่งครัด มองโลกว่ามีกฎเกณฑ์และมีลำดับชั้น มองตัวเองว่า เอาใจใส่ เชื่อถือได้ มีประสิทธิภาพ และมีผลงานมาก
แบบเศร้าซึม (Depressive) สลด หมดกำลังใจ หมดอาลัย เศร้าสร้อย ปล่อยตามชะตากรรม แสดงตนเองว่าอ่อนแอและถูกทอดทิ้ง รู้สึกว่าไม่มีค่า รู้สึกผิด และไร้กำลังไม่สามารถทำอะไรได้ ตัดสินตนเองว่า ควรแต่จะตำหนิและดูถูก ไร้ความหวัง อยากจะตาย อยู่ไม่เป็นสุข ความผิดปกติเยี่ยงนี้สามารถนำไปสู่การกระทำที่ดุร้ายและประสาทหลอน[32]
ดื้อเงียบ (Passive-aggressive หรือ Negativistic) ขุ่นเคืองใจ เป็นปฏิปักษ์ สงสัยไม่เชื่อ ไม่พอใจ ขัดขืนไม่ทำตามความคาดหวังของผู้อื่น ไร้ประสิทธิภาพอย่างจงใจ ระบายความโกรธโดยอ้อมด้วยการลอบบั่นทอนเป้าหมายของผู้อื่น สลับอารมณ์ระหว่างอารมณ์ไม่ดีและรำคาญ กับบึ้งตึงและไม่พูดไม่จา ไม่แสดงออกซึ่งอารมณ์ จะไม่คุยด้วยแม้ว่าจะมีปัญหาที่จะต้องคุยกัน[33]
ซาดิสม์ (Sadistic) ดุฉุนเฉียว ถากถาง โหดร้าย หัวรั้น มักจะระเบิดอารมณ์แบบฉับพลัน ได้ความพอใจโดยบังคับ ข่มขู่ หรือดูหมิ่นทำให้ผู้อื่นอับอาย มีความคิดดื้อรั้นและมีใจปิด ชอบทำอะไรโหด ๆ ต่อผู้อื่น ได้ความพอใจโดยทารุณผู้อื่น อาจจะมีความสัมพันธ์แบบซาดิสม์และมาโซคิสม์ แต่จะไม่เป็นฝ่ายมาโซคิสม์คือให้ผู้อื่นทำร้าย[34]
แบบทำลายตัวเองหรือแบบมาโซคิสม์ (Self-defeating หรือ Masochistic) เคารพนบนอบต่อผู้อื่น กลัวความสุข ยอมรับใช้ ยอมรับผิด ถ่อมตัว สนับสนุนให้คนอื่นเอาเปรียบตน จงใจทำลายจุดมุ่งหมายของตนเอง หาคู่ที่โทษตนหรือกระทำไม่ดีต่อตน สงสัยคนที่ทำดีกับตน อาจจะมีความสัมพันธ์แบบซาดิสม์และมาโซคิสม์[34]

ปัจจัยการจัดหมวดหมู่อื่น ๆ

นอกจากจะจัดเป็นหมวดหมู่และเป็นกลุ่ม ก็ยังเป็นไปได้ที่จะจัดความผิดปกติทางบุคลิกภาพโดยใช้ปัจจัยอื่น ๆ เช่นความรุนแรง ผลกระทบต่อพฤติกรรมทางสังคม และการแสดงเหตุ (attribution)[35]

ความรุนแรง

การจัดหมวดหมู่เช่นนี้เกี่ยวข้องกับไอเดียว่า ความขัดข้องทางบุคลิกภาพ (personality difficulty) เป็นระดับความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ยังไม่ถึงขีดที่วัดโดยใช้การสัมภาษณ์มาตรฐานและเกี่ยวกับหลักฐานว่า บุคคลที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหนักที่สุด มีการแพร่กระจายของความผิดปกติแบบกระเพื่อมน้ำ (ripple effect) ที่แสดงลักษณะความผิดปกติทางจิตต่าง ๆ เป็นแถว ๆคือสามารถจัดหมวดหมู่เป็น subthreshold (ความขัดข้องทางบุคลิกภาพ), single cluster (ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบกลุ่มเดียว),ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบซับซ้อน/แพร่กระจาย (complex/diffuse personality disorder) ที่มีความผิดปกติจากมากกว่า 1 กลุ่ม และความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบรุนแรง (severe personality disorder) ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด

ระบบการจัดหมวดหมู่ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ[36]
ความรุนแรง ลักษณะ นิยาม
0 ปกติ ไม่ผ่านเกณฑ์ว่าเป็นความผิดปกติหรือความขัดข้องทางบุคลิกภาพ
1 ความขัดข้องทางบุคลิกภาพ (Personality Difficulty) ผ่านเกณฑ์ย่อย (subthreshold) ของความผิดปกติทางบุคลิกภาพอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง
2 ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบกลุ่มเดียว (Simple) ผ่านเกณฑ์ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหนึ่งหรือหลายแบบที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน
3 ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบซับซ้อน/แพร่กระจาย (Complex/Diffuse) ผ่านเกณฑ์ความผิดปกติทางบุคลิกภาพหลายแบบข้ามกลุ่ม
4 ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบรุนแรง (Severe) ผ่านเกณฑ์ความผิดปกติที่เป็นความก่อกวนอย่างรุนแรงต่อทั้งคนไข้และต่อคนอื่น ๆ ในสังคม

มีประโยชน์หลายอย่างในการจัดหมวดหมู่ตามความรุนแรง[35] คือ

  • เป็นการยอมรับความโน้มเอียงที่ความผิดปกติทางบุคลิกภาพจะเกิดขึ้นหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน (comorbid)
  • เป็นระบบที่แสดงอิทธิพลของความผิดปกต่อผลที่ได้ผ่านการรักษา ได้ดีกว่าระบบง่าย ๆ ที่จัดว่ามีความผิดปกติหรือไม่
  • เป็นระบบที่ยอมรับการวินิจฉัยใหม่ของความผิดปกติแบบรุนแรง โดยเฉพาะที่เรียกว่า "ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบอันตรายและรุนแรง" (dangerous and severe personality disorder)

ผลต่อชีวิตทางสังคม

การดำเนินชีวิตทางสังคม (social function) ได้รับอิทธิพลจากด้านต่าง ๆ ของการทำงานของจิตนอกเหนือไปจากบุคลิกภาพแต่ว่า เมื่อเกิดความขัดข้องต่อการดำเนินชีวิตทางสังคมอย่างยืนกราน ในสถานการณ์ที่ปกติไม่ควรจะมีหลักฐานแสดงนัยว่า นี่มีโอกาสจะมีเหตุจากความผิดปกติทางบุคลิกภาพมากกว่าตัวแปรทางคลินิกอื่น ๆ[37]การจัดหมวดหมู่แบบ Personality Assessment Schedule[38]ให้ความสำคัญกับการดำเนินชีวิตทางสังคมเมื่อสร้างลำดับชั้นของความผิดปกติทางบุคลิกภาพ คือ ความผิดปกติที่มีผลลบต่อชีวิตที่รุนแรงกว่า จะอยู่ในระดับเหนือกว่าความผิดปกติที่กล่าวถึงในลำดับต่อ ๆ มา

การแสดงเหตุ (Attribution)

คนเป็นจำนวนมากที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพไม่รู้ถึงความผิดปกติของตนเอง และจะแก้ต่างอย่างองอาจถึงการมีพฤติกรรมที่ผิดปกตินั้น ๆ ต่อ ๆ ไป (คือมีการแสดงเหตุของพฤติกรรมนั้นโดยไม่ใช่เป็นความผิดปกติ)กลุ่มนี้เรียกว่า แบบ R หรือ ความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ไม่ยอมรักษา (treatment-resisting)เทียบกับ แบบ S หรือ ความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่แสวงหาการรักษา (treatment-seeking) ผู้กระตือรือร้นที่จะแก้ความผิดปกติของตนและบางครั้งแม้กระทั่งยืนกรานเรียกร้องให้รักษา[35]ทีมนักวิจัยที่จัดหมวดหมู่คนไข้โรคบุคลิกภาพ 68 คนโดยใช้สเกลแบบไม่ซับซ้อนแสดงว่า[39]

  • คนไข้แบบ R (ไม่ยอมรักษา) และ S (ต้องการรักษา) มีอัตรา 3 ต่อ 1
  • คนไข้กลุ่ม C (ความผิดปกติแบบวิตกกังวลหรือกลัว) มีโอกาสสูงกว่าอย่างสำคัญที่จะเป็นแบบ S (ต้องการรักษา)
  • คนไข้แบบระแวง (paranoid) และแบบ schizoid ซึ่งอยู่ในกลุ่ม A (ความผิดปกติที่แปลกหรือวิปริต) มีโอกาสสูงกว่าอย่างสำคัญที่จะเป็นแบบ R (ไม่ยอมรักษา)

ใกล้เคียง

ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ความผิดปกติทางอารมณ์ ความผิดปรกติในความคิด ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง ความผันแปรได้ทางพันธุกรรม ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ ความผิดทางพินัย ความผิดปกติทางจิต

แหล่งที่มา

WikiPedia: ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ http://193.146.160.29/gtb/sod/usu/$UBUG/repositori... http://behaviorismandmentalhealth.com/2010/05/05/p... http://www.asia.cmpmedica.com/cmpmedica_my/disppdf... http://counsellingresource.com/distress/personalit... http://www.diseasesdatabase.com/ddb9889.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=301.... http://emedicine.medscape.com/article/294307-overv... http://www.medscape.com/viewarticle/803884_8 http://nationalpsychologist.com/2006/11/glasser-he... http://www.pdmh-consultancy.com/publication-detail...