เมนูนำทาง
ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ การบริหารมีรูปแบบ (modalities) การรักษาบำบัด PD ต่าง ๆ คือ[59]
มีทฤษฎีที่จำเพาะเจาะจงมากมายหรือมีสำนักบำบัดหลายสำนักในแต่ละวิธีการรักษาเหล่านี้ยกตัวอย่างเช่น บางสำนักอาจจะเน้นจิดบำบัดแบบ psychodynamic หรือการบำบัดทางประชานและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy)และในการรักษาจริง ๆ ผู้บำบัดอาจจะใช้แนวคิดแบบผสมผสาน (eclectic) นำเอาวิธีการต่าง ๆ มาจากหลาย ๆ สำนัก เพื่อให้เข้ากับคนไข้นั้น ๆนอกจากนั้นแล้ว ยังมีการเน้นปัจจัยสามัญที่ดูเหมือนจะช่วยไม่ว่าจะใช้เทคนิคไหนรวมทั้งลักษณะของผู้บำบัด (เช่น เชื่อใจได้ เก่ง เป็นห่วงเอาใจใส่) สิ่งที่ให้คนไข้ทำได้ (เช่นสามารถแสดงและบอกถึงความยากลำบากและความรู้สึก) และการเข้ากันได้ระหว่างผู้บำบัด-คนไข้ (เช่น ตั้งเป้าเพื่อจะให้เกียรติกันและกัน ให้ความไว้เนื่อเชื่อใจ และการมีขอบเขต)ตารางต่อไปนี้เป็นผลที่ได้จากการบำบัดทางชีวภาพ (Biological) และทางจิต-สังคม (Psychosocial)
การตอบสนองของคนไข้ความผิดปกติทางบุคลิกภาพต่อการบำบัดทางชีวภาพและทางจิต-สังคม[44] | |||
---|---|---|---|
Cluster | หลักฐานการทำงานผิดปกติของสมอง | การตอบสนองต่อการบำบัดทางชีวภาพ | การตอบสนองต่อการบำบัดทางจิต-สังคม |
A | มีหลักฐานว่าความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบจิตเภท (schizotypal) สัมพันธ์กับโรคจิตเภท นอกจากประเภทนี้แล้วไม่มี | คนไข้ความผิดปกติแบบจิตเภทอาจจะดีขึ้นถ้าใช้ยาระงับอาการทางจิต ส่วนประเภทอื่นไม่บ่งใช้ | ไม่ดี จิตบำบัดแบบ supportive อาจจะช่วย |
B | หลักฐานแสดงนัยสำหรับแบบต่อต้านสังคม และแบบก้ำกึ่ง นอกจากนั้นไม่มี | ยาแก้ซึมเศร้า (antidepressant) ยาระงับอาการทางจิต ยารักษาอารมณ์ (mood stabilizer) อาจช่วยคนไข้แบบก้ำกึ่ง ส่วนประเภทอื่นไม่บ่งใช้ | แย่สำหรับแบบต่อต้านสังคม ได้ผลต่าง ๆ กันสำหรับแบบก้ำกึ่ง แบบหลงตัวเอง และแบบ histrionic |
C | ยังไม่ปรากฏ | ไม่มีการตอบสนองโดยตรง ยาอาจจะช่วยอาการที่เกิดร่วมด้วย (comorbid) คือความวิตกกังวลและความเศร้าซึม | เป็นการบำบัดที่สามัญที่สุดในโรคกลุ่มนี้ การตอบสนองมีความต่าง ๆ กัน |
การบริหารและการบำบัดความผิดปกติทางบุคลิกภาพเป็นเรื่องที่ท้าทายและก่อการโต้เถียง เพราะว่าโรคโดยนิยามแล้ว หมายถึงความยากลำบากที่คงทนและมีผลต่อการดำเนินชีวิตหลายอย่างซึ่งบ่อยครั้งรวมความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
คนไข้อาจจะมีปัญหาในการเสาะหาและการได้ความช่วยเหลือจากองค์กรต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นและในการริเริ่มและธำรงความสัมพันธ์เพื่อการบำบัดรักษากับแพทย์พยาบาลที่เกี่ยวข้อง (therapeutic relationship)หรือว่าหน่วยบริการสุขภาพจิตประจำชุมชนอาจจะมองบุคคลที่ผิดปกติเช่นนี้ว่า มีปัญหาที่ซับซ้อนหรือยากเกินไปและอาจจะกีดกันคนไข้เช่นนี้หรือที่มีพฤติกรรมสืบกัน โดยเป็นการกีดกันตรงหรือโดยอ้อม[60]ปัญหาที่คนไข้โรคนี้สามารถสร้างในองค์กรต่าง ๆ ทำให้เป็นสภาวะที่ท้าทายที่สุดอย่างหนึ่งที่จะเข้าไปจัดการ
นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้ว บุคคลอาจจะไม่เห็นว่าบุคลิกภาพของตนผิดปกติหรือว่าก่อปัญหาซึ่งเป็นมุมมองที่อาจจะมีเหตุจากความไม่รู้หรือไม่มีวิจารณญาณเกี่ยวกับสภาวะของตนเองหรือจากการมองปัญหาแบบ ego-syntonic ที่เข้ากับบุคลิกภาพของตนเอง ซึ่งกันไม่ให้ตนเห็นลักษณะบุคลิกภาพของตนในรูปแบบที่ไม่เข้ากับจุดมุ่งหมายและภาพพจน์ของตนหรือจากความจริงพื้นฐานว่า ไม่มีเส้นขีดที่ชัดเจนหรือเป็นกลางระหว่างบุคลิกภาพที่ "ปกติ" และ "ผิดปกติ"นอกจากนั้นแล้ว อย่างน้อย ๆ ในสังคมชนตะวันตก ผู้ที่ได้รับวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติทางจิต จะมีรอยด่างทางสังคมและจะถูกเลือกปฏิบัติ
คำว่า "personality disorder" รวมเอาปัญหาต่าง ๆ มากมาย แต่ละประเภทมีระดับความรุนแรงและระดับความพิการที่ต่าง ๆ กันและดังนั้น ความผิดปกติทางบุคลิกภาพอาจจะต้องใช้แนวคิดและความเข้าใจที่แตกต่างจากความผิดปกติทางจิตอื่น ๆ โดยพื้นฐานยกตัวอย่างเช่น ความผิดปกติบางประเภทหรือคนไข้บางคน อาจจะมีลักษณะถอนตัวจากสังคมและหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์กับคนอื่นแบบต่อเนื่อง แต่บางพวกอาจจะมีระยะยกเว้นเป็นแบบกลับไปกลับมาอาการบางอย่างที่สุด ๆ ยังแย่ยิ่งกว่านั้น ส่วนสุดข้างหนึ่งอาจจะเป็นการทำร้ายและการละเลยตนเอง ในขณะที่ส่วนสุดอีกด้านหนึ่งอาจจะมีพฤติกรรมรุนแรงหรือสร้างอาชญากรรมอาจจะมีปัจจัยปัญหาอย่างอื่นเกิดขึ้นเกี่ยวข้องด้วย เช่น การติดสารเสพติด หรือการติดพฤติกรรมบางอย่าง (behavioral addiction) เช่นการเล่นการพนันหรือการชมสื่อลามกอนาจารคนคนเดียวอาจจะผ่านเกณฑ์ความผิดปกติทางบุคลิกภาพหลายประเภทและความผิดปกติทางจิตอื่น ๆ จะเป็นระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือจะเป็นแบบต่อเนื่องก็ดีทำให้หน่วยงานหลายหน่วยต้องประสานงานกันเพื่อบำบัดรักษา
ผู้บำบัดในเรื่องนี้อาจจะหมดกำลังใจเพราะอาการไม่ดีขึ้นในตอนต้น หรือมีความก้าวหน้าแล้วก็เกิดการถอยหลังอาจจะมองคนไข้ว่าไม่ร่วมมือ ไม่ยอมรับ เรียกร้องมากเกินไป ก้าวร้าว หรือมีเล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อปัญหาเช่นนี้ได้มีการตรวจสอบประเด็นต่าง ๆ ทั้งในผู้รักษาและคนไข้รวมทั้งทักษะทางสังคม (social skill), การบริหารจัดการปัญหาและความเครียด (coping), กลไกป้องกันตัวใต้จิตสำนึก (defence mechanism) หรือกลยุทธ์ป้องกันตัวที่ทำอย่างจงใจ,การตัดสินตามศีลธรรม (moral judgment) และแรงจูงใจที่เป็นเหตุของพฤติกรรมบางอย่าง หรือเป็นเหตุของความขัดแย้งระหว่างบุคคลบางอย่าง
ความอ่อนแอของคนไข้และบางครั้งของผู้รักษา อาจจะมองไม่เห็นเพราะความแกร่งในด้านอื่น ๆ หรือความฟื้นตัวได้มักจะมีการกล่าวว่า ผู้รักษาจำเป็นที่จะต้องรักษาขอบเขตทางอาชีพ (เช่นไม่ใกล้ชิดมากเกินไป) ในขณะที่ต้องสามารถให้แสดงอารมณ์ และรักษาความสัมพันธ์เพื่อบำบัดรักษา (therapeutic relationship)ถึงอย่างนั้น อาจจะมีความยากลำบากในการยอมรับโลกและมุมมองที่ต่างกันระหว่างหมอกับคนไข้หมออาจจะคิดอย่างผิดพลาดว่า ความสัมพันธ์และการปฏิสัมพันธ์ที่ทำให้ตนรู้สึกปลอดภัยและสบายใจ จะมีผลเช่นเดียวกันต่อคนไข้ตัวอย่างสุด ๆ อย่างหนึ่งก็คือ บุคคลที่เคยประสบกับความมุ่งร้าย ความหลอกลวง ความไม่ยอมรับ ความก้าวร้าว หรือความทารุณในชีวิต ในบางกรณีอาจจะสับสน กลัว หรือสงสัยการแสดงความเป็นกันเอง ความใกล้ชิด หรือปฏิสัมพันธ์เชิงบวกอื่น ๆอย่างไรก็ดี การสร้างความอุ่นใจ การเปิดใจ และการสื่อสารที่ชัดเจนปกติเป็นเรื่องที่ทั้งช่วยและจำเป็นและอาจจะต้องมีการพบกันเป็นเวลาหลายเดือน เป็นแบบหยุด ๆ เริ่ม ๆ ก่อนที่จะพัฒนาเป็นความเชื่อใจ แล้วสามารถแก้ปัญหาของคนไข้ในระดับสำคัญได้[61]
เมนูนำทาง
ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ การบริหารใกล้เคียง
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ ความผิดปกติทางอารมณ์ ความผิดปรกติในความคิด ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบหลงตัวเอง ความผันแปรได้ทางพันธุกรรม ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ ความผิดทางพินัย ความผิดปกติทางจิตแหล่งที่มา
WikiPedia: ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ http://193.146.160.29/gtb/sod/usu/$UBUG/repositori... http://behaviorismandmentalhealth.com/2010/05/05/p... http://www.asia.cmpmedica.com/cmpmedica_my/disppdf... http://counsellingresource.com/distress/personalit... http://www.diseasesdatabase.com/ddb9889.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=301.... http://emedicine.medscape.com/article/294307-overv... http://www.medscape.com/viewarticle/803884_8 http://nationalpsychologist.com/2006/11/glasser-he... http://www.pdmh-consultancy.com/publication-detail...