ความสำคัญ ของ ความภูมิใจแห่งตน

ศ. ดร. อับราฮัม มาสโลว์กล่าวว่า สุขภาพจิตที่ดีเป็นไปไม่ได้ยกเว้นถ้าแกนหลักของบุคคลนั้นได้การยอมรับ ความรัก และความเคารพอย่างพื้นฐานโดยตนเองความภูมิใจในตนช่วยให้คนเผชิญกับชีวิตอย่างมั่นใจมากขึ้น อย่างเมตตากรุณา อย่างมองโลกในแง่ดี และดังนั้นจะสามารถถึงเป้าหมายในชีวิตและถึงศักยภาพตนเองได้ง่ายกว่า[69]

ความภูมิใจในตนอาจช่วยให้เชื่อว่าตนสมควรจะได้ความสุข[69]การเข้าใจเช่นนี้สำคัญมาก และมีประโยชน์โดยทั่วไป เพราะว่า การพัฒนาความภูมิใจในตนเพิ่มสมรรถภาพการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างนับถือ อย่างมีเมตตากรุณา และด้วยความหวังดี และดังนั้น จะเปิดโอกาสให้มีความสัมพันธ์กับคนอื่นที่ลึกซึ้งและหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่ทำลาย[69]สำหรับนักจิตวิทยาบางท่าน ความรักคนอื่นและความรักตนเองไม่ใช่เป็นคนละเรื่องกันคือ ความรักตนเองจะมีในบุคคลที่สามารถรักคนอื่นได้ความภูมิใจในตนช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์ในที่ทำงาน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับบางอาชีพเช่นการสอน[70]

มีนักวิชาการที่อ้างว่าความสำคัญของความภูมิใจในตนเป็นเรื่องที่ชัดเจน เพราะว่าการไม่มีความภูมิใจในตนไม่ใช่เป็นการเสียความเคารพนับถือจากคนอื่น แต่เป็นการปฏิเสธตนเองและสัมพันธ์กับโรคซึมเศร้า[13]ซิกมุนด์ ฟรอยด์ยังอ้างด้วยว่า คนซึมเศร้ามีปัญหา "การลดลงของความนับถือตนเองอย่างผิดธรรมดา เป็นการทำอัตตา (ego) ให้ยากไร้อย่างยิ่ง... (คือ) เขาได้สูญเสียความเคารพในตน"[71]

หลักยกยาการ์ตา (The Yogyakarta Principles) ซึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนนานาชาติ พูดถึงทัศนคติแบบเดียดฉันท์ต่อบุคคลเพศที่สาม (LGBT) ซึ่งทำให้ความภูมิใจในบุคคลเหล่านั้นต่ำกว่าควร ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน[72]และองค์การอนามัยโลกแนะนำในเอกสาร "การป้องกันการฆ่าตัวตาย (Preventing Suicide)" ที่พิมพ์ในปี 2543 ว่าการเพิ่มความภูมิใจในตนเองของนักเรียนเป็นเรื่องสำคัญเพื่อป้องกันเด็กและวัยรุ่นจากความทุกข์ทางใจและความหมดกำลังใจ และช่วยให้เด็กสามารถรับมือกับสถานการณ์ยากที่ก่อความเครียดในชีวิตได้[73]แต่ว่ายังไม่ชัดเจนว่าอะไรควรทำและอะไรมีประสิทธิผลนอกจากจะเพิ่มความสุขแล้ว ความภูมิใจในตนสูงมีสหสัมพันธ์กับสมรรถภาพการรับมือกับความเครียด และโอกาสสูงกว่าที่บุคคลจะเข้าจัดการปัญหาที่ยากเทียบกับคนที่ภูมิใจในตนต่ำ[74]

สิ่งที่สัมพันธ์

จากปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 จนถึงต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 คนอเมริกันเชื่อว่า ความภูมิใจในตนของนักเรียนจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อเกรดที่ได้ในโรงเรียน ต่อความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ และต่อความสำเร็จที่จะได้ต่อ ๆ มาในชีวิตและดังนั้น จึงมีองค์กรที่ได้พัฒนาโปรแกรมเพื่อเพิ่มความภูมิใจในตนของนักเรียนแต่ว่าจนกระทั่งถึงคริสต์ทศวรรษ 1990 ก็ยังมีงานวิจัยแบบควบคุมที่ทบทวนโดยผู้รู้เสมอกันน้อยมากในประเด็นนี้และงานวิจัยต่อ ๆ มาก็ไม่ได้ยืนยันความเชื่อเช่นนั้นคือ งานวิจัยบ่งว่า การเพิ่มความภูมิใจในตนของนักเรียนเพียงลำพังไม่ได้มีผลต่อเกรดและงานวิจัยปี 2548 กลับแสดงด้วยว่า การเพิ่มความภูมิใจโดยลำพังสามารถลดเกรดที่ได้[75][76]คือผลได้แสดงว่า การมีความภูมิใจในตนสูงไม่ได้ช่วยให้เรียนเก่งขึ้นแต่อาจหมายเพียงแค่ว่า นักเรียนอาจภูมิใจในตนเองสูงโดยเป็นผลของการเรียนเก่งเนื่องจากปัจจัยทางสังคมและชีวิตอื่น ๆ[7]

"ความพยายามของผู้ที่สนับสนุนให้มีความภูมิใจในตนเองของเด็กนักเรียนเพราะเหตุความไม่เหมือนใครในฐานะมนุษย์ จะไม่มีผลถ้าความรู้สึกที่ดีไม่ตามด้วยการกระทำที่ดี ต่อเมื่อนักเรียนทำการที่มีความหมายสำหรับตนที่สามารถภูมิใจได้ ความมั่นใจในตนจึงจะเจริญขึ้น และความมั่นใจที่เจริญขึ้นนี่แหละจะจุดชนวนให้ได้ความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้น"[77]

ความภูมิใจในตนสูงมีสหสัมพันธ์กับความสุขที่รายงานเองอย่างสูงแต่ว่านี่เป็นความสัมพันธ์แบบเหตุผลหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน[7]และความสัมพันธ์ระหว่างความภูมิใจในตนสูงกับความพอใจในชีวิต จะแรงกว่าในวัฒนธรรมที่เน้นความเป็นตัวของตัวเอง[78]

นอกจากนั้นแล้ว ความภูมิใจในตนยังสัมพันธ์กับความให้อภัยคนใกล้ชิด คือว่า คนที่ภูมิใจในตนสูงจะให้อภัยมากกว่าคนที่มีความภูมิใจในตนต่ำ[79]

อีกอย่างหนึ่ง บุคคลที่ภูมิใจในตนต่ำ มีโอกาสสูงกว่าที่จะกลบเกลื่อนผลของพฤติกรรมเสี่ยงว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย สร้างเหตุผลสนับสนุนการตัดสินใจ และคงเชื่อว่า พฤติกรรมบางอย่างจะไม่มีผลร้ายต่อตนเองหรือผู้อื่นซึ่งอาจทำให้เกิดพฤติกรรมเป็นต้นว่า ดื่มเหล้า ใช้สารเสพติด มีเพศสัมพันธ์เด็กเกินไป และมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างอื่น ๆ[7]

ใกล้เคียง

ความภูมิใจแห่งตน ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย ความขัดแย้งระหว่างพม่ากับกะเหรี่ยง ความสนใจต่อสิ่งภายนอก-ความสนใจต่อสิ่งภายใน ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย ความรัก ความลับของนางฟ้า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย ความจำ ความดันโลหิตสูง

แหล่งที่มา

WikiPedia: ความภูมิใจแห่งตน http://www.erin.utoronto.ca/~w3psyuli/PReprints/JR... http://ddd.uab.cat/record/142342?ln=en http://www.afterpsychotherapy.com/narcissism-vs-au... http://www.bartleby.com/61/18/S0241800.html http://www.bartleby.com/61/58/S0245800.html http://www.education.com/reference/article/self-es... http://www.monografias.com/trabajos104/como-influy... http://www.nytimes.com/2002/02/03/magazine/the-tro... http://www.psychologytoday.com/articles/201112/the... http://www.scientificamerican.com/article.cfm?id=v...