ปัจจัยสัมพันธ์ ของ ความยืดหยุ่นทางจิตใจ

งานศึกษาแสดงว่า มีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยพัฒนาและดำรงการฟื้นสภาพได้ของบุคคล[30]

  1. ความสามารถในการวางแผนที่เป็นไปได้จริงและในการทำตามขั้นตอนของแผนนั้น
  2. การคิตถึงตัวเองในเชิงบวกและความมั่นใจในข้อดีและความสามารถของตน
  3. ทักษะในการสื่อสารและแก้ปัญหา
  4. ความสามารถในการจัดการความหุนหันพลันแล่นและความรู้สึกที่รุนแรง

ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ไม่จำเป็นต้องมาจากกรรมพันธุ์เพราะสามารถพัฒนาขึ้นและโปรโหมตการฟื้นสภาพได้

อารมณ์เชิงบวก

มีงานวิจัยเป็นจำนวนสำคัญที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอารมณ์เชิงบวกกับการฟื้นสภาพได้งานศึกษาแสดงว่า การรักษาอารมณ์เชิงบวกไว้ได้เมื่อเผชิญหน้ากับความทุกข์ยาก ช่วยโปรโหมตความยืดหยุ่นได้ของความคิดและการแก้ปัญหาโดยอารมณ์เชิงบวกยังทำหน้าที่สำคัญคือช่วยให้ฟื้นสภาพจากประสบการณ์เครียดอีกด้วยช่วยแก้ผลทางสรีรภาพของอารมณ์เชิงลบช่วยให้รับมือแบบปรับตัวได้ (adaptive coping) สร้างความสัมพันธ์แบบคงยืนที่พึ่งได้ และปรับปรุงความรู้สึกเป็นสุขส่วนตัว[30]

แม้ว่างานวิจัยบางงานจะแสดงว่า การฟื้นสภาพได้ของจิตใจเป็นลักษณะทางบุคลิกภาพ (personality trait) ที่ค่อนข้างเสถียร แต่งานวิจัยใหม่ก็ยังแสดงว่า อารมณ์เชิงบวกเป็นเรื่องจำเป็นต่อการฟื้นสภาพได้แบบที่เป็นลักษณะ (trait)และไม่ใช่ว่า อารมณ์เชิงบวกเป็นเพียงผลพลอยได้ของการฟื้นสภาพได้ แต่ว่า อารมณ์เชิงบวกในสถานการณ์เครียดอาจเป็นประโยชน์แบบปรับตัวต่อกระบวนการรับมือของบุคคล[31]

หลักฐานของการพยากรณ์เช่นนี้มาจากงานวิจัยในบุคคลฟื้นสภาพได้ที่มักใช้กลยุทธ์การรับมือที่สร้างอารมณ์เชิงบวกอย่างชัดเจน เช่น การหาประโยชน์/ข้อดี การประเมินเหตุการณ์ใหม่ มุกตลก การมองโลกในแง่ดี และการรับมือแบบเพ่งปัญหาที่มีจุดมุ่งหมายบุคคลที่มักเผชิญกับปัญหาด้วยวิธีเหล่านี้อาจทำตัวเองให้เข้มแข็งต่อความเครียดเพราะสามารถเข้าถึงทรัพยากรทางอารมณ์เชิงบวกเหล่านี้ได้มากกว่า[32]การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่ห่วงใยช่วยเพิ่มการฟื้นสภาพได้ในเด็กที่พ่อแม่ติดคุกไม่ว่าจะจากผู้ดูแล พ่อแม่ที่ติดคุก ปู่ย่าตายาย พี่ ครู โดยให้การสนับสนุน 3 อย่างคือ (1) ให้สามารถมีกิจกรรมเหมือนเด็กอื่นได้ (2) ให้ทัศนคติชีวิตที่ดีกว่า (3) ให้ถึงการเปลี่ยนชีวิต[33]

อารมณ์เชิงบวกมีผลทั้งทางกายและทางสรีรภาพผลทางสรีรภาพเหตุมุกตลกรวมทั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น และระดับที่เพิ่มขึ้นของสารภูมิต้านทานสำคัญคือ immunoglobulin A ซึ่งเป็นด่านคุ้มกันความเจ็บป่วยแรกทางระบบหายใจ[34][35]ผลดีทางสุขภาพอื่น ๆ รวมทั้งอัตราการฟื้นสภาพจากความบาดเจ็บที่เร็วกว่า อัตราการรับเข้าโรงพยาบาลอีกที่ต่ำกว่าสำหรับผู้สูงอายุ และการลดจำนวนวันที่อยู่ในโรงพยาบาลเป็นต้น

งานวิจัยหนึ่งสืบความสัมพันธ์ระหว่างผู้มีลักษณะฟื้นคืนสภาพได้กับอัตราการฟื้นสภาพจากโรคหลอดเลือดหัวใจหลังจากที่เกิดอารมณ์เชิงลบผลของการศึกษาแสดงว่า บุคคลที่มีลักษณะฟื้นสภาพได้ที่ประสบกับอารมณ์เชิงบวกมีการฟื้นสภาพทางการทำงานของหัวใจที่เกิดจากอารมณ์เชิงลบ เช่น อัตราเต้นหัวใจเป็นต้น ที่ดีกว่า[31]

ความทรหดอดทน

ความทรหดอดทนในเรื่องนี้ (grit) หมายถึงความอดทนและความตั้งใจมั่นเพื่อให้ถึงเป้าหมายระยะยาว[36]ซึ่งกำหนดโดยทำการอย่างพากเพียรสู้กับเรื่องท้าทาย ดำรงความพยายามและความสนใจเป็นปี ๆ แม้มีการตัดกำลังใจจากคนอื่น มีความยากลำบาก ไม่ก้าวหน้า หรือแม้แต่เกิดความล้มเหลว[36]คือ คนที่ทรหดมองความสำเร็จว่าเป็นงานมาราธอน ไม่ใช่งานที่เสร็จอย่างรวดเร็วซึ่งมักจะเป็นคนที่ได้เกรดสูงกว่าในสถาบันศึกษา และเปลี่ยนงานน้อยกว่า[36]

ความอดทนมีผลต่อความพยายามของบุคคลอย่างสำคัญเมื่อบุคคลเห็นเป้าหมายว่ามีคุณค่า มีความหมาย หรือเข้ากับแนวคิดเกี่ยวกับตนเอง เขาจะตั้งใจพยายามมากกว่าเมื่อจำเป็นความอดทนที่แตกต่างกันในบุคคลมีผลต่อการทำงานของหัวใจที่แตกต่างกันเมื่อทำงานอย่างเดียวกันความอดทนมีผลต่อแรงจูงใจในสิ่งที่ทำและอาจมีอิทธิพลต่อความรู้สึกว่ายากง่ายของงาน[37]

ความอดทนมีค่าสหสัมพันธ์กับลักษณะความพิถีพิถัน (conscientiousness) ในทฤษฎีลักษณะบุคลิกภาพใหญ่ 5 อย่าง[36]แม้ว่าความอดทนและความพิถีพิถันจะล้ำกันมากในด้านความสำเร็จผล แต่ก็เน้นเรื่องที่ต่างกันความอดทนเน้นความทรหดระยะยาว เปรียบเทียบกับความพิถีพิถันที่เน้นความเข้มแข็งในระยะสั้น[36]

ความอดทนต่างกันไปตามการศึกษาและวัยคนที่มีการศึกษามากกว่ามักจะอดทนมากกว่าเมื่ออายุเท่ากัน[36]คนที่จบการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษามีระดับความอดทนที่สูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ โดยมาก[36]ความอดทนสูงขึ้นตามวัยเมื่อควบคุมระดับการศึกษาแล้ว[36]

ในความสำเร็จในชีวิต ความอดทนอาจจะสำคัญเท่ากับพรสวรรค์นักศึกษามหาวิทยาลัยสถาบันชื่อดังผู้มีความอดทนสูงจะได้เกรดสูงกว่าเพื่อนร่วมชั้นแม้ว่าจะสอบ SAT ได้น้อยกว่าเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย[36]งานศึกษาในโรงเรียนทหารสหรัฐอเมริกา พบว่า ความอดทนเป็นตัวพยากรณ์การกลับมาเรียนต่อหลังจากปีแรกที่เชื่อถือได้ดีกว่าการควบคุมตนเอง หรือคะแนนสรุปคุณภาพของนักเรียนนายทหาร[36]และผู้แข่งขันสะกดคำศัพท์ระดับชาติในสหรัฐอเมริกาที่อดทนยังชนะคู่แข่งขันอื่น ๆ ที่อดทนน้อยกว่า อย่างน้อยส่วนหนึ่งก็เพราะได้ฝึกซ้อมมากกว่า[36]

ความอดทนยังเป็นปัจจัยป้องกันการฆ่าตัวตายงานศึกษาหนึ่งที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดพบว่า ความอดทนเป็นตัวพยากรณ์สุขภาพจิตและความอยู่เป็นสุขของแพทย์ฝึกหัด[38]คนอดทนจะสามารถควบคุมตนเอง และตั้งใจสมาทานเพื่อทำให้ถึงเป้าหมาย ซึ่งช่วยต้านความหุนหันพลันแล่นเช่นการทำร้ายตัวเองบุคคลที่อดทนจะมุ่งให้ถึงเป้าหมายในอนาคต ซึ่งอาจยั้งตนไม่ให้ฆ่าตัวตายเชื่อว่า เพราะว่าความอดทนสนับสนุนบุคคลให้สร้างและจรรโลงเป้าหมายชีวิต เป้าหมายชีวิตเหล่านั้นก็จะทำให้ชีวิตมีความหมายและมีจุดหมาย

แต่ว่า ความอดทนอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อความสำเร็จบุคคลที่ทั้งอดทนและยินดีพอใจในสิ่งที่ตนมี จะคิดเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายน้อยกว่าในระยะยาวเพราะสองสิ่งทำงานด้วยกันเพื่อช่วยเสริมความหมายของชีวิต ช่วยป้องกันความคิดหรือแผนการเกี่ยวกับความตายและการฆ่าตัวตาย[39]

ปัจจัยอื่น ๆ

งานศึกษาหนึ่งทำกับคนทำงานที่ประสบความสำเร็จสูง ผู้สืบหาสถานการณ์ท้าท้ายที่จำเป็นต้องมีการฟื้นสภาพได้คือ งานวิจัยตรวจดูคนที่ประสบความสำเร็จสูงในอาชีพต่าง ๆ 13 คน ซึ่งล้วนแต่ประสบสถานการณ์ที่ท้าท้ายในที่ทำงานและเหตุการณ์ร้ายในชีวิตในช่วงการทำงาน แต่ก็ยังได้รับการยกย่องว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในสาขาการงานของตนมีการสัมภาษณ์เรื่องชีวิตประจำวันในที่ทำงานและประสบการณ์เกี่ยวกับการฟื้นสภาพและความสำเร็จงานศึกษาพบปัจจัยพยากรณ์ 6 อย่าง คือ บุคลิกภาพเชิงบวกและการแก้ปัญหาล่วงหน้า ประสบการณ์และการเรียนรู้ ความรู้สึกว่าสถานการณ์ควบคุมได้ ความยืดหยุ่นและการปรับตัวได้ ดุลและมุมมองชีวิต และความรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนทางสังคมผู้ที่ประสบความสำเร็จสูงยังทำสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานหลายอย่างเช่นการมีงานอดิเรก การออกกำลังกาย การนัดพบเพื่อน ๆ และบุคคลที่รัก[40]

ปัจจัยหลายอย่างพบว่าสามารปรับผลลบในสถานการณ์ร้ายในชีวิตงานศึกษาหลายงานแสดงว่า ปัจจัยหลักก็คือมีความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความดูแลและความสนับสนุน เสริมสร้างความรักความเชื่อใจ และให้กำลังใจ ทั้งภายในและนอกครอบครัวมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับการฟื้นสภาพได้ เช่น สมรรถภาพในการวางแผนที่สมจริงเป็นไปได้ มั่นใจในตัวเอง มีภาพพจน์ของตนที่ดี มีการพัฒนาทักษะการสื่อสาร และสมรรถภาพในการจัดการความรู้สึกและความหุนหันพลันแล่นที่รุนแรง[41]

งานวิจัยปี 2538 จำแนกสภาพแวดล้อม 3 อย่างสำหรับปัจจัยป้องกัน คือ[42]

  1. ลักษณะส่วนบุคคล เช่น เป็นมิตร ฉลาด และมีภาพพจน์ที่ดีเกี่ยวกับตน
  2. ลักษณะครอบครัว เช่น มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสมาชิกครอบครัวอย่างน้อยหนึ่งคน หรือมีพ่อแม่ที่มีอารมณ์เสถียรคนหนึ่ง
  3. ลักษณะชุมชน เช่น ได้การสนับสนุนและคำแนะนำจากเพื่อน

นอกจากนั้นแล้ว งานศึกษาในผู้สูงอายุในเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แสดงบทบาทของมุกตลกโดยเป็นกลไกรับมือหรือดำรงความสุขเมื่อเผชิญกับความทุกข์ที่มาตามอายุ[43]

ยังมีงานวิจัยที่พยายามค้นพบความแตกต่างระหว่างบุคคลในเรื่องการฟื้นสภาพได้ความภูมิใจในตน (Self-esteem) การควบคุมอัตตา (ego-control) และการยืดหยุ่นอัตตาได้ (ego-resiliency) ล้วนแต่สัมพันธ์กับการปรับตัวที่ดีทางพฤติกรรม[44]ยกตัวอย่างเช่น เด็กที่ถูกทารุณที่รู้สึกดีกับตัวเองอาจจะประมวลสถานการณ์ต่างจากเด็กที่ถูกทารุณอื่น ๆ โดยยกเหตุว่ามาจากสิ่งแวดล้อมและดังนั้น จึงไม่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองแย่ส่วนการควบคุมอัตตา หมายถึง "ขีดเริ่มเปลี่ยนหรือลักษณะเฉพาะการดำเนินงานของบุคคลเกี่ยวกับการแสดงออกหรือไม่แสดงออก"[45]ทางความหุนหันพลันแล่น ความรู้สึก และความต้องการส่วนการยืดหยุ่นอัตตาได้หมายถึง "สมรรถภาพเชิงพลวัตเพื่อเปลี่ยนระดับการควบคุมอัตตาตามแบบของตน ในทางใดทางหนึ่ง โดยเป็นไปตามความจำเป็นทางสภาพแวดล้อม"[46]

เด็กที่ถูกทารุณที่ประสบกับปัจจัยเสี่ยงบางอย่าง (เช่น การมีแต่พ่อหรือแม่ การศึกษาที่จำกัดของแม่ หรือว่าครอบครัวไม่มีงานทำ) แสดงการยืดหยุ่นอัตตาได้และเชาวน์ปัญญาน้อยกว่าเด็กพวกอื่นนอกจากนั้นแล้ว เด็กที่ถูกทารุณมีโอกาสสูงกว่าเด็กอื่นที่จะแสดงปัญหาพฤติกรรมที่ก่อกวนก้าวร้าว ที่ถอนตัวจากสังคม ที่เก็บไว้ข้างในและอย่างท้ายสุด การยืดหยุ่นอัตตาได้และความภูมิใจในตนเป็นตัวพยากรณ์การปรับตัวที่มีสมรรถภาพในเด็กที่ถูกทารุณ[44]

ข้อมูลทางประชากร (เช่น เพศ) และทรัพยากรที่มี (เช่น ความช่วยเหลือทางสังคม) ก็สามารถใช้พยากรณ์การฟื้นตัวได้การตรวจสอบการปรับตัวได้หลังภัยพิบัติแสดงว่าหญิงสัมพันธ์กับโอกาสการฟื้นตัวได้น้อยกว่าชายนอกจากนั้นแล้ว บุคคลที่ไม่มีบทบาทในกลุ่มหรือองค์กรที่ใกล้ชิด ฟื้นตัวได้น้อยกว่า[47]

ลักษณะบางอย่างของความเชื่อทางศาสนาหรือทางจิตวิญญาณอาจสามารถโปรโหมตหรือขัดขวางลักษณะทางจิตใจบางอย่างที่ช่วยเพิ่มการฟื้นตัวได้แต่ว่า งานวิจัยยังไม่ได้สัมพันธ์ความเชื่อทางจิตวิญญาณกับการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนเช่น ตามหนังสือจิตวิทยากับศาสนาเล่มหนึ่ง "...ยังไม่มีงานศึกษาเชิงประสบการณ์โดยตรงที่ตรวจดูความสัมพันธ์ของศาสนากับจุดแข็งและคุณธรรมโดยทั่วไป"[48]และในงานทบทวนวรรณกรรมปี 2550 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อทางศาสนาและจิตวิญญาณกับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ (PTSD) ในบรรดางานที่ทบทวน ประมาณครึ่งหนึ่งแสดงความสัมพันธ์และอีกครึ่งหนึ่งไม่แสดงความสัมพันธ์ ระหว่างค่าวัดความเชื่อทางศาสนา/ทางจิตวิญญาณกับการฟื้นตัวได้[49]ดังนั้น กองทัพบกสหรัฐจึงได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ฐานโปรโหมตความเชื่อทางจิตวิญญาณในโปรแกรมฝึกทหารเพื่อป้องกัน PTSD ทั้ง ๆ ที่ไม่มีข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจน

ใกล้เคียง

ความยืดหยุ่นทางจิตใจ ความยาวคลื่น ความยุติธรรม ความยาว ความยาวคลื่นคอมป์ตัน ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน ความยากจน ความยาวโฟกัส ความยุติธรรมที่ล่าช้าก็คือความไม่ยุติธรรม ความยินยอมของผู้ถูกปกครอง

แหล่งที่มา

WikiPedia: ความยืดหยุ่นทางจิตใจ http://onlinelibrary.wiley.com.berlioz.brandonu.ca... http://www.cecw-cepb.ca/publications/1010 http://books.google.com/books?id=QwIstsEgkBMC http://books.google.com/books?id=WoRCPUeylLYC&pg=P... http://indiancountrytodaymedianetwork.com/2015/05/... http://www.moveboxer.com/content/pages/the-emotion... http://www.nationalresilienceresource.com http://afs.sagepub.com/content/early/2014/07/02/00... http://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/108035... http://www.wilderdom.com/psychology/resilience/Psy...