ทฤษฏี ของ ความเจ็บปวด

รูปของเรอเน เดการ์ตวาดโดยจิตรกรชาวดัตช์ Jan Baptist Weenix (พ.ศ. 2190-2192)

สมัยก่อนค้นพบนิวรอนและบทบาทของมันในความเจ็บปวด มีการเสนอการทำงานของร่างกายหลายอย่างเพื่ออธิบายความเจ็บปวดมีทฤษฎีต้น ๆ ของชาวกรีกโบราณหลายทฤษฎี บิดาของแพทย์ตะวันตกฮิปพอคราทีส เชื่อว่า มันเกิดเพราะความไม่สมดุลของน้ำแบบต่าง ๆ ในร่างกาย[39]ในคริสต์ทศวรรษ์ที่ 11 นักปราชญ์ชาวเปอร์เซียอิบน์ ซีนาตั้งทฤษฎีว่า มีความรู้สึกประเภทต่าง ๆ รวมทั้งสัมผัส ความเจ็บปวด และความจั๊กจี้/การเร้าอารมณ์ทางกายที่เป็นสุข[40]

ในปี พ.ศ. 2187 นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสเรอเน เดการ์ตตั้งทฤษฎีว่า ความเจ็บปวดเป็นความปั่นป่วนที่ส่งไปตามใยประสาทจนถึงสมอง[39][41]ผลงานของเดการ์ตและของอิบน์ ซีนา ได้เกิดขึ้นก่อนการพัฒนาทฤษฎีความรู้สึกจำเพาะ (specificity theory) ที่เกิดในคริสต์ศตวรรษที่ 19เป็นทฤษฎีที่เห็นความเจ็บปวดว่า "เป็นความรู้สึกเฉพาะอย่างหนึ่ง โดยมีกลไกความรู้สึกเป็นของตนเองอันเป็นอิสระจากสัมผัสและความรู้สึกอื่น ๆ"[42]

ทฤษฎีที่เด่นอีกอย่างหนึ่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 คือ ทฤษฎีความเข้มข้น (intensive theory) ซึ่งมองว่า ความเจ็บปวดไม่ใช่ความรู้สึกที่เฉพาะเจาะจง แต่เป็นสภาพทางอารมณ์ที่เกิดจากสิ่งเร้าที่เข้มข้นรุนแรงกว่าปกติ เช่น แสงที่สว่างมาก แรงกระทบหรืออุณหภูมิที่รุนแรง[43]

ทฤษฎีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 อย่างหนึ่งคือ ทฤษฎีควบคุมโดยประตู (gate control theory) ซึ่งเสนอโดย ศ. รอนัลด์ เม็ลแซ็ค และ ศ. แพทริก วอลล์ ในวารสาร Science ปี 2508 ในบทความ "กลไกความเจ็บปวด - ทฤษฎีใหม่ (Pain Mechanisms: A New Theory)"[44]ซึ่งเสนอว่า ใยประสาททั้งแบบเส้นผ่าศูนย์กลางเล็ก (ความเจ็บปวด) และใหญ่ (สัมผัส แรงดัน แรงสั่น) จะส่งข้อมูลไปจากจุดที่บาดเจ็บไปยังเป้าหมายสองที่ในปีกหลังของไขสันหลังและถ้าใยประสาทใหญ่ยิ่งส่งสัญญาณมากขึ้นเท่าไรโดยเปรียบเทียบที่ไปถึงเซลล์ยับยั้ง ก็จะรู้สึกเจ็บน้อยลงเท่านั้น[41]

มิติ 3 อย่างของความเจ็บปวด

ในปี 2511 ศ. รอนัลด์ เม็ลแซ็ค และเค็นเน็ธ เคซีย์ ได้เสนอมิติ 3 อย่างของความเจ็บปวด[10]

  • ประสาทสัมผัส-การแยกแยะ (sensory-discriminative) คือระดับความเจ็บปวด ตำแหน่ง ลักษณะ และระยะเวลาของความเจ็บ
  • อารมณ์-แรงจูงใจ (affective-motivational) คือความเป็นทุกข์ และแรงกระตุ้นให้หนีจากทุกข์
  • ประชาน-การประเมิน (cognitive-evaluative) คือกระบวนการทางประชานรวมทั้งการประเมิน ค่านิยมของสังคม เรื่องล่อความสนใจ และการสะกดจิต

พวกเขาตั้งทฤษฎีว่า ระดับความเจ็บปวด (sensory discriminative) และความทุกข์ (affective-motivational) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับสิ่งเร้าที่ทำให้เจ็บเท่านั้นแต่การทำงานทางประชานในระดับที่สูงกว่า สามารถมีอิทธิพลต่อระดับความเจ็บปวดและความทุกข์ที่รู้สึกการทำงานทางประชาน "อาจมีผลต่อทั้งประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสและทางอารมณ์ทั้งสอง หรืออาจเปลี่ยนแค่มิติ affective-motivational เป็นหลักดังนั้น ความตื่นเต้นในช่วงเกมกีฬาหรือในสงคราม ดูเหมือนจะยุติมิติทั้งสองของความเจ็บปวด ในขณะที่การสะกดจิตและยาหลอก (cognitive-evaluative) อาจลดมิติ affective-motivational และไม่มีผลโดยเปรียบเทียบต่อมิติ sensory-discriminative"[10]:432งานนี้ได้สรุปว่า "ความเจ็บปวดไม่ใช่สามารถรักษาด้วยการลดความรู้สึกทางประสาทสัมผัสด้วยยาชา การผ่าตัด และวิธีเช่นเดียวกันอื่น ๆ ได้เพียงเท่านั้น แต่ด้วยการสร้างอิทธิพลต่อปัจจัยทาง motivational-affective และทางประชานได้ด้วย"[10]:435

เขตต่าง ๆ ในเปลือกสมองที่สัมพันธ์กับความเจ็บปวด

ทฤษฎีปัจจุบัน

ทฤษฎีความเข้มข้นที่ตั้งในปี 2417 ว่า ความเจ็บปวดสามารถเกิดขึ้นกับสิ่งเร้าใดก็ได้ถ้าแรงพอ ได้พิสูจน์ว่าไม่จริงอย่างชัดเจนแล้วมีใยประสาทรับความรู้สึกบางอย่างที่ตอบสนองต่อทั้งสิ่งเร้าอันตรายและที่ไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีโนซิเซ็ปเตอร์ ซึ่งเป็นตัวรับความรู้สึกที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าอันตรายเท่านั้นโดยที่ปลายของโนซิเซ็ปเตอร์ สิ่งเร้าอันตรายจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าผ่านเข้ามาในเซลล์ ซึ่งถ้าเกินขีดเริ่มเปลี่ยน ก็จะทำให้เซลล์ส่งศักยะงานตามใยประสาทไปยังไขสันหลัง (หรือก้านสมอง)รูปแบบสิ่งเร้าที่จำเพาะซึ่งยังโนซิเซ็ปเตอร์ให้ตอบสนอง ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี แรงกล หรือความเย็นร้อน จะกำหนดโดยช่องไอออนที่แสดงออกที่ปลายมีช่องไอออนเป็นโหล ๆ ที่ได้ระบุแล้ว แม้รายละเอียดการทำงานของพวกมันยังจะต้องศึกษาต่อไป[45]

สัญญาณเกี่ยวกับความเจ็บปวดจะเดินทางจากปลายไปยังไขสันหลัง ผ่านใยประสาทแบบ A-delta หรือ Cเพราะใยแบบ A-delta หนากว่า โดยมีปลอกไมอีลินบาง ๆ ซึ่งเป็นฉนวนไฟฟ้า จึงสามารถส่งสัญญาณได้เร็วกว่า (5-30 เมตรต่อวินาที) ใยประสาทแบบ C (0.5-2 เมตรต่อวินาที) ที่ไร้ปลอกไมอีลิน[46]สัญญาณที่มาจากใย A-delta จะทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดโดยรู้สึกก่อนแล้วตามด้วยความปวดแบบทื่อ ๆ หรือปวดร้อน ที่ส่งโดยใยแบบ C[47]ใยประสาทของ "first order neuron" จะวิ่งเข้าไขสันหลังแล้ววิ่งขึ้น/ลง 1-2 ข้อกระดูกสันหลังตาม Lissauer's tract

สำหรับความรู้สึกจากกายยกเว้นใบหน้า ใยประสาทนำเข้าของโนซิเซ็ปเตอร์ซึ่งเป็น first order neuron จะเดินทางเข้าไปสุดเป็นไซแนปส์ที่ปีกหลังของไขสันหลัง (dorsal horn) เชื่อมกับ second order neuron ซึ่งอยู่ที่ปีกหลังโดยแบ่งกลุ่มออกเป็นชั้นต่าง ๆ ที่เรียกว่า ลามีเน (laminae) ใยประสาทแบบซีจะไปสุดที่นิวรอนในชั้น 1 และ 2 ส่วนใยประสาทแบบเอ-เด็ลตาจะไปสุดที่นิวรอนในชั้น 1, 2 และ 5[48]

ต่อจากนั้น ใยประสาทของ second order neuron จึงทแยงข้ามไขสันหลังผ่าน anterior white commissure แล้ววิ่งขึ้นไปตาม spinothalamic tractแต่ก่อนจะไปถึงสมอง spinothalamic tract จะแยกออกเป็นส่วน lateral neospinothalamic tract และ medial paleospinothalamic tract[49]

นักวิชาการได้ระบุใยประสาทของ second order neuron ที่ส่งสัญญาณต่อจากใยประสาทโนซิเซ็ปเตอร์แบบ A-delta fiber และ C โดยเฉพาะไปยังทาลามัสแล้วส่วนเซลล์ second order neuron ในอีกชั้นของลามีเนที่เรียกว่า wide dynamic range neuron จะตอบสนองต่อทั้งใยประสาท A-delta fiber และ C ด้วย ตอบสนองต่อใยประสาทแบบ A-beta ที่ส่งสัญญาณเกี่ยวกับสัมผัส แรงดัน และแรงสั่นด้วย[46]

ในทาลามัส ข้อมูลเกี่ยวกับความเจ็บปวดจะส่งต่อไปยัง insular cortex(ซึ่งเชื่อว่า มีบทบาททำให้ความเจ็บปวดเป็นความรู้สึกต่างจากความรู้สึกในร่างกายอื่น ๆ และจูงให้มีพฤติกรรมในการรักษาภาวะธำรงดุลของร่างกาย โดยเป็นความรู้สึกรวมทั้งความคันและความคลื่นไส้วิงเวียน)และ Anterior cingulate cortex(ซึ่งเชื่อว่า มีบทบาททางอารมณ์เกี่ยวกับความเจ็บปวด คือทำให้ทุกข์)[50]อนึ่ง ความเจ็บปวดที่กำหนดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำจะทำให้ primary somatosensory cortex และ secondary somatosensory cortex ทำงานด้วย[51]

บทบาททางวิวัฒนาการและพฤติกรรม

ความเจ็บปวดเป็นระบบป้องกันตนเองของร่างกาย ซึ่งก่อให้เกิดรีเฟล็กซ์ชักอวัยวะออกจากสิ่งเร้าที่ก่อความเจ็บปวดเป็นตัวสร้างความโน้มเอียงเพื่อให้รักษาป้องกันอวัยวะที่กำลังหายจากแผล และเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เป็นอันตรายเช่นเดียวกันในอนาคต[3][52]เป็นความรู้สึกที่สำคัญของสัตว์ และจำเป็นต่อการรอดชีวิตโดยมีสุขภาพดีดังนั้น คนไข้ภาวะไม่ไวความเจ็บปวดแต่กำเนิดจะมีการคาดหมายคงชีพที่ลดลง[32]

ในหนังสือของเขาเมื่อตอบคำถามว่าทำไมต้องรู้สึกเจ็บ นักชีววิทยา ดร. ริชาร์ด ดอว์กินส์ ได้สมมติการยกธงแดงในใจให้เป็นทางเลือกของความเจ็บปวดแล้วกล่าวว่าธงแดงยังไม่พอ เพราะความจำเป็น/ความต้องการต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตจะต้องแข่งขันกันสิ่งมีชีวิตซึ่งเหมาะสมที่สุด จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างสมดุลคือไม่มากหรือน้อยเกินความเจ็บปวดที่อาจทำให้ถึงตายถ้าไม่ใส่ใจจะรู้สึกแรงที่สุดดังนั้น ความเจ็บปวดในระดับต่าง ๆ อาจกล่าวได้ว่า เป็นตัวแสดงความสำคัญของความเสี่ยงขั้นต่าง ๆ ต่อบรรพบุรุษของมนุษย์[upper-alpha 3]แต่การเทียบกันอย่างนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ เพราะการคัดเลือกโดยธรรมชาติไม่ได้สร้างสัตว์ที่สมบูรณ์ทุกอย่างโดยอาจเป็นเหตุให้เกิดผลที่เป็นการปรับตัวไม่ดี เช่นการชอบทานอาหารขยะในมนุษย์[53]

ความเจ็บปวดที่ไม่รู้สาเหตุ (เช่น ที่คงยืนหลังจากหายแผลหรือหายโรคแล้ว หรือที่เกิดโดยไม่มีสาเหตุ)อาจเป็นข้อยกเว้นอย่างหนึ่งของทฤษฎีว่าความเจ็บปวดช่วยให้รอดชีวิตแม้จะมีนักจิตวิทยาบางพวกที่อ้างว่า ความเจ็บปวดเช่นนี้เกิดจากจิตเพื่อเป็นเครื่องล่อใจป้องกันไม่ให้รู้สึกถึงอารมณ์ที่เป็นอันตราย[54]

ขีดเริ่มเปลี่ยน

ในงานวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาความเจ็บปวด ขีดเริ่มเปลี่ยนจะวัดโดยเพิ่มระดับสิ่งเร้าต่อร่างกาย เช่น กระแสไฟฟ้าหรือความร้อน ขีดเริ่มเปลี่ยนของความรู้สึกเจ็บ (pain perception threshold) ก็คือระดับสิ่งเร้าที่เริ่มทำให้เจ็บ ส่วนขีดเริ่มเปลี่ยนของความทนความเจ็บ (pain tolerance threshold) ก็คือจุดที่ผู้ร่วมการทดลองเริ่มมีพฤติกรรมเพื่อระงับความเจ็บ

ความแตกต่างระหว่างขีดเริ่มเปลี่ยนสองอย่างนี้ จะสัมพันธ์กับปัจจัยต่าง ๆ รวมทั้งชาติพันธุ์ กรรมพันธุ์ และเพศบุคคลจากเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียนรายงานว่า ความร้อนแบบแผ่รังสีในบางระดับว่าทำให้เจ็บ เทียบกับคนยุโรปเหนือที่บอกว่าไม่เจ็บหญิงชาวอิตาลีจะอดทนต่อไฟช็อตได้น้อยกว่าหญิงชาวยิวหรือหญิงกลุ่มชนพื้นเมืองอเมริกันทุก ๆ วัฒนธรรมจะมีคนบางพวก ผู้มีระดับขีดเริ่มเปลี่ยนของความรู้สึกเจ็บและความอดทนสูงกว่าคนอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น คนไข้ที่มีอาการหัวใจล้ม จะมีขีดเริ่มเปลี่ยนของความเจ็บเนื่องจากไฟช็อต ตะคริว และความร้อนที่สูงกว่าคนอื่น ๆ[23]:17-9

ใกล้เคียง

ความเจ็บปวด ความเท่าเทียมทางเพศ ความเอนเอียงเพื่อยืนยัน ความเสียวสุดยอดทางเพศ ความเอนเอียงโดยการมองในแง่ดี ความเหนือกว่าเทียม ความเครียด (จิตวิทยา) ความเสี่ยงมหันตภัยทั่วโลก ความเป็นมาของตัวละครในเพชรพระอุมา ความเอนเอียงรับใช้ตนเอง

แหล่งที่มา

WikiPedia: ความเจ็บปวด http://www.hnehealth.nsw.gov.au/__data/assets/pdf_... http://www.parl.gc.ca/37/2/parlbus/commbus/senate/... http://www.abolitionist.com/darwinian-life/inverte... http://www.diseasesdatabase.com/ddb9503.htm http://www.etymonline.com/index.php?term=pain http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=338 http://www.jpalliativecare.com/article.asp?issn=09... http://www.medicalnewstoday.com/articles/234450.ph... http://www.springerlink.com/content/p4g44725t17126... http://www.tandfonline.com/doi/abs/10.1080/0002915...