ประวัติ ของ ควีน

ก่อตั้งวง

ในปี 1968 นักศึกษาจากราชวิทยาลัยลอนดอน (อิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน) ไบรอัน เมย์ กับเพื่อนร่วมชั้น โรเจอร์ เทย์เลอร์ และ ทิม สตัฟเฟิล ฟอร์มวงเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า Smile ขึ้นมาเพื่อเล่นในคลับเล็ก ๆ ในลอนดอน[1]

ในเวลาต่อมา พวกเขาได้พบกับนักศึกษาศิลปะชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียจาก เอลลิ่ง อาร์ต คอลเลจ ผู้มีนามว่า (ฟารุก หรือ "เฟรดดี" บัลซารา) หลังจากการลาออกของ สตัฟเฟิล ทั้งสามชักชวนกันฟอร์มวงใหม่ขึ้นมา โดยมีมือเบสอย่าง จอห์น ดีคอน มาสมทบในภายหลัง โดยใช้ชื่อว่า “ควีน” จากการแนะนำของเฟรดดี้ (ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น เมอร์คิวรี่) และคงไว้ซึ่งสมาชิกชุดเดิมนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดมา

ด้วยความที่จบจากมหาวิทยาลัยศิลปะมา เฟรดดีจึงออกแบบตราประจำวงด้วยตัวเอง โดยได้ใช้สัตว์เพื่อแทนราศีเกิดของสมาชิกวง สิงโต (แทนราศีสิงห์) แทนดีคอนและเทย์เลอร์[2] ปู (แทนราศีกรกฎ) แทนเมย์ และนางฟ้าสองตน (แทนราศีกันย์) แทนเฟรดดี[3]

ในปี 1973 พวกเขาออกอัลบั้มเปิดตัวที่มีชื่อเดียวกันกับวง และประสบความสำเร็จในระดับเล็ก ๆ ด้วยดนตรีร็อกแนวใหม่ที่มีส่วนผสมของดนตรีบลูส์, แกลมร็อก, ฮาร์ดร็อก, เฮวี่ ไซเคเดลิก และโปรเกรสซีฟ ร็อก ผสานเข้ากับการประสานเสียงอันหนาแน่นแบบดนตรีคลาสสิก[4]

เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง

ในปี 1974 ด้วยการเข็นอัลบั้ม Queen II และมีเพลง "Seven Seas of Rhye" เป็นเพลงแรกของวงที่ติดอันดับในชาร์ตซิงเกิลอังกฤษ[5]

ในปีเดียวกันควีนได้ออกอัลบั้ม Sheer Heart Attack ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยได้มีเพลง "Killer Queen" ที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้างเป็นครั้งแรก โดยสามารถขึ้นไปสู่ 20 อันดับแรกของชาร์ตอังกฤษและอเมริกา[6][7]

ในปี 1975 ควีนได้ออกอัลบั้ม A Night at the Opera ส่งผลให้วงมีความเป็นที่ชื่อเสียงและถูกกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดอัลบั้มแห่งวงการดนตรีร็อก มีเพลง "Bohemian Rhapsody" เป็นที่รู้จัก เพลงดังกล่าวขึ้นอันดับหนึ่งของชาร์ต UK Single ติดต่อกันถึงเก้าสัปดาห์[8][9][10] และขึ้นอันดับหนึ่งของบิลบอร์ดชาร์ต ฮอต 100 ในสหรัฐอเมริกาและในอีกหลายประเทศทั่วโลก อัลบั้มนี้ยังได้รับการจารึกชื่อจากนิตยสาร Rolling Stone ให้อยู่ในอันดับ 11 ใน 500 อัลบั้มยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล[11]

ด้วยงานดนตรีที่สร้างมิติใหม่ให้กับวงการร็อก กับการเรียบเรียงเสียงประสานอันสุดยอด และการนำเอาดนตรีคลาสสิกอย่างโอเปร่า มาผสมผสานเข้ากับเพลงบัลลาด ดนตรีฮาร์ดร็อก และอีกหลายแนว จนกลายเป็นแนวเพลงใหม่ที่เรียกกันว่า "โอเปร่าร็อก" [12]

ในปี 1976 ควีนเปิดตัวอัลบั้ม A Day at the Races พร้อมกับเพลงฮิตอย่าง "Somebody to Love"[13][14] และ "Tie Your Mother Down"

บุกตลาดอเมริกา

ในปี 1977 ควีนกลับมาประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดอีกครั้ง กับอัลบั้ม News of the World มีเพลงฮิตสองเพลงออกเป็นซิงเกิลร่วมกันอย่าง "We Will Rock You" และ "We Are the Champions" ที่ต่อมากลายเป็นผลงานเพลงอมตะของวงควีนจนเป็นที่รู้จักกันมากมาย[15][16] โดยทั้งสองเพลงต่างก็ถูกใช้มานับไม่ถ้วนทั้งในงานกีฬาและโฆษณา อัลบั้มนี้สามารถทำยอดขายในสหรัฐอเมริกาได้มากถึงสี่ล้านชุด

เฟรดดี เมอร์คิวรี

ในปี 1978 ควีนได้ออกอัลบั้ม Jazz โดยได้ออกซิงเกิลคู่ "Bicycle Race" และ "Fat Bottomed Girls" โดยมิวสิกวิดีโอของเพลง "Bicycle Race" ยังได้กลายเป็นกระแสสังคมหลังจากที่มีภาพกลุ่มผู้หญิง 65 คนที่กำลั่งปั่นจักรยานในสภาพเปลือยกาย[17] จากนั้นพวกเขาจึงได้ปล่อยเพลงในตำนานอีกเพลงอย่าง "Don't Stop Me Now"[18] ที่ได้ถูกนำมาใช้นับครั้งไม่ถ้วนกับสื่อต่าง ๆ

ในปี 1980 วงได้เข้าสู่ความประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดด้วยการออกอัลบั้ม ''The Game'' ที่สามารถทำยอดขายในอเมริกาสูงถึงห้าล้านชุด[19] พร้อมกับมีเพลงที่เข้าสู่อันดับหนึ่งของบิลบอร์ด ฮอต 100ถึงสองเพลง คือ "Crazy Little Thing Called Love" ที่เฟร็ดดีแต่งและทำมิวสิกวิดีโอแก่เอลวิส เพรสลีย์ และ "Another One Bites the Dust" ที่เขียนโดยจอห์น อัลบั้มนี้ยังเป็นอัลบั้มแรกที่วงยอมใช้ซินธีไซเซอร์ในการทำเพลงอีกด้วย[20]

ในปี 1980 ควีนได้ทำอัลบั้มซาวด์แทร็กชุดแรก Flash Gordon ให้กับภาพยนตร์ชื่อเดียวกัน แต่เนื่องจากเพลงส่วนมากเป็นเพลงบรรเลงที่ขาดความน่าสนใจ ทำให้อัลบั้มนี้ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเป็นสตูดิโออัลบั้มเดียวของควีนที่ทำยอดขายไม่ถึงหนึ่งล้านชุด

ในปี 1981 ควีนได้ออกอัลบั้ม Greatest Hits และได้กลายเป็นอัลบั้มที่ทำยอดขายเป็นประวัติการณ์ สามารถทำยอดขายทั่วโลกได้กว่า 25 ล้านชุด[21][22] โดยในอังกฤษยังสามารถเข้าอยู่ในชาร์ตเป็นเวลาถึง 450 สัปดาห์[23][24] และทำยอดขายได้ถึง 6 ล้านชุด กลายเป็นอัลบั้มที่มัยอดขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงสหราชอาณาจักร อีกทั้งในสหรัฐอเมริกายังทำยอดขายถึงแปดล้านชุด โดยในเวอร์ชันในสหรัฐอเมริกาและแคนาดายังได้มีการเพิ่มเพลง Under Pressure ซึ่งเป็นการทำงานและร้องร่วมกับ เดวิด โบอี ซึ่งกลายเป็นเพลงที่สองที่สามารถไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตของอังกฤษ ในช่วงระหว่างนั้น เทย์เลอร์ได้กลายเป็นสมาชิกวงคนแรกที่ได้ทำอัลบั้มเดี่ยวของตนเองในชื่อ Fun In Space

ทศวรรษ 1980

ควีนในแฟรงก์เฟิร์ต เมื่อวันที่6 กันยายน 1984

ในปี 1982 ควีนได้ออกอัลบั้ม Hot Space ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแนวทางใหม่ไปเป็นการใช้ซินธีไซเซอร์อย่างหนักหน่วง และเน้นดนตรีไปเป็นแบบป็อปและริทึมแอนด์บลูส์ รวมไปถึงฟังก์ [25]แต่ปรากฏว่าอัลบั้มนี้กลับได้เสียงตอบรับที่ย่ำแย่จากทั้งนักวิจารณ์และแฟนเพลง ทำให้ยอดขายทำได้ต่ำกว่าอัลบั้มก่อนมาก และควีนก็ไม่เคยได้แสดงสดในทวีปอเมริกาอีกเลยนับตั้งแต่ยุติทัวร์ครั้งนั้นจนกระทั่งเมื่อเฟร็ดดีเสียชีวิตไปแล้ว[26]

ในปี 1984 ควีนออกอัลบั้ม The Works พร้อมกับออกเพลง "Radio Ga Ga" ซึ่งเป็นเพลงซินธิ์ป็อปที่เล่าถึงวงการเพลงที่เปลี่ยนไป เพลงนี้ประสบความสำเร็จโดยติดชาร์ต 20 อันดับแรกในหลายประเทศ จากนั้นจึงได้ออกเพลง "I Want to Break Free" ซึ่งประสบความสำเร็จเช่นกัน[27][28]

เฟรดดีเป็นสมาชิกวงคนที่สองที่ออกอัลบั้มเดี่ยว ในชื่อ Mr. Bad Guy ในปี 1985

ในปีเดียวกันนั้นเอง ควีนได้แสดงสดในคอนเสิร์ตไลฟ์เอดต่อหน้าผูคนกว่า 72,000 คนในสนามกีฬาเวมบลีย์ และผูชมทางโทรทัศน์กว่า 1,500 ล้านคน และกลายเป็นการแสดงสดที่มีชื่อเสียงที่สุดของควีน บีบีซี ซีเอ็นเอ็น โรลลิงสโตน เอ็มทีวี และเดอะเดลีเทลิกราฟ ได้กล่าวว่าควีน "ขโมย" ความโดดเด่นของทุกคนในคอนเสิร์ต และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในการแสดงสดที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ดนตรี[29][30]

ในปี 1986 ควีนออกอัลบั้ม A Kind of Magic โดยกลายเป็นสตูดิโออัลบั้มแรกที่สามารถได้ใบประกาศนียบัตรเกินหนึ่งใบ โดยหลายเพลงในอัลบั้มนั้นได้ไปใช้ในภาพยนตร์เรื่อง ไฮแลนด์เดอร์ พร้อมกับได้ออกทัวร์ครั้งสุดท้ายในขณะที่เฟร็ดดียังมีชีวิตอยู่ โดยวิดีโอบันทึกการแสดงสด Queen at Wembley สามารถทำยอดขายได้เกินหนึ่งล้านชุด[31][32]

การเสียชีวิตของเฟร็ดดี และอนาคตของวง

"เมื่อเรารู้ว่าเฟรดดียังอยู่ เราก็ยังก้มหน้าทำงานต่อไป"

—ไบรอัน เมย์[33]

ในปี 1987 เฟรดดีได้ถูกตรวจพบว่ามีผลเป็นบวกในการตรวจไวรัสเอชไอวี แต่เขาตัดสินใจปิดเรื่องนี้เป็นความลับ จนมีเพียงไม่กี่คนที่ทราบเรื่องนี้ แม่กระทั่งคัชมีรา น้องสาวของเฟรดดีเองยังไม่ทราบเรื่องนี้ โดยระหว่างนั้นทางวงได้ปฏิเสธข่าวลือเรื่องอาการป่วยของเฟรดดีมาตลอด อย่างไรก็ดี เขายังคงตัดสินใจทำเพลงต่อไป โดยได้ออกอัลบั้มร่วมกับมุนซาร์รัต กาบัลเย ในชื่อ Barcelona ซึ่งเป็นอัลบั้มแนวครอสโอเวอร์ระหว่างป็อปกับโอเปรา

ในปี 1989 ควีนได้ออกอัลบั้ม The Miracle โดยมีเพลงฮิต "I Want It All"

ในปี 1991 ควีนได้ออกอัลบั้ม Innuendo ที่เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มสามารถขั้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตอังกฤษ

ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 1991 เฟรดดีประกาศต่อสาธารณชนว่าตนเองป่วยเป็นโรคปอดบวมจากโรคเอดส์ ด้วยพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศอันโลดโผนกับชายมากหน้าหลายตาของเขาที่ผ่านมา และเสียชีวิตด้วยอาการปอดติดเชื้อในอีกเพียงหนึ่งวันให้หลัง

ในวันที่ 9 ธันวาคม 1991 ได้มีการออกซิงเกิลเพลง "Bohemian Rhapsody" ที่มาพร้อมกับเพลงในอัลบั้มใหม่ "These Are The Days of Our Lives" พร้อมกับขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งของชาร์ตอังกฤษเป็นเวลา 5 สัปดาห์ อีกทั้งยังขึ้นไปถึงอันดับสองในชาร์ตของอเมริกา☂[34]

ในปี 1992 ได้มีการจัดคอนเสิร์ตรำลึกถึงเฟรดดี โดยมีศิลปินชื่อดังมากมาย เช่น เดฟเล็ปเพิร์ด กันส์แอนด์โรสเซส เอลตัน จอห์น แอนนี เลนนิกซ์ โรเบิร์ต แพลนต์ จอร์จ ไมเคิล ซีล (นักดนตรี) เดวิด โบอี และเมทัลลิกา โดยได้ถูกบันทึกว่าเป็นคอนเสิร์ตการกุศลที่ใหญ่ที่สุด โดยมีผู้ชมมากกว่า 1,200 ล้านคน และสามารถระดมทุนให้แก่ผุ้ป่วยโรคเอดส์ได้ถึง 20 ล้านดอลลาร์

สมาชิกที่เหลือร่วมกันออกสตูดิโออัลบั้มสุดท้าย Made in Heaven ที่เฟรดดีทำการบันทึกเสียงเมื่อก่อนหน้านั้น โดยบางเพลงยังเอามาจากอัลบั้มเดี่ยวของเฟรดดี Mr. Bad Guy อีกด้วย อัลบั้มนี้เป็นสตูดิโออัลบั้มที่ทำยอดขายมากที่สุด โดยทำยอดขายสูงถึง 7.5 ล้านชุด[35][36] และเป็นสตูดิโออัลบั้มเดียวชองควีนที่ทำยอดขายเกินหนึ่งล้านชุดในอังกฤษ และไม่เคยออกอัลบั้มใหม่ในนาม Queen อีกเลยนับตั้งแต่นั้นมา

หลังจากการเกษียณตัวเองของ จอห์น ดีคอน ในปี 1997 สมาชิกที่เหลืออย่างเมย์และเทย์เลอร์ ก็ยังคงเดินสายเล่นคอนเสิร์ตในนามควีน โดยร่วมมือกับวง ฟรี (วงดนตรี) และแบดคอมพานี โดยมีนักร้องนำ พอล รอดเจอร์สภายใต้การร่วมกันของ ควีน + พอล รอดเจอร์ส ในระหว่างช่วงพฤษภาคม ค.ศ. 2009 ถึงปี ค.ศ. 2011 เมย์และเทย์เลอร์ได้ร่วมงานกับแอดัม แลมเบิร์ต ภายใต้ชื่อ ควีน + อดัม แลมเบิร์ต ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014[37]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ควีน http://allmusic.com/cg/amg.dll?p=amg&sql=p4062 http://allmusic.com/cg/amg.dll?p=amg&sql=p4906 http://allmusic.com/cg/amg.dll?p=amg&sql=p5462 http://www.allmusic.com/artist/george-michael-p490... http://www.allmusic.com/artist/katy-perry-p1010533 http://www.allmusic.com/artist/meat-loaf-mn0000339... http://www.allmusic.com/artist/my-chemical-romance... http://www.allmusic.com/artist/van-halen-p133911 http://www.allmusic.com/song/we-are-the-champions-... http://www.brianmay.com/downloads/DLR240106HiEDcmb...