การตลาดและรายการส่งเสริมการขาย ของ คิทแคท

หลังจากเปิดตัวในช่วง 1930s โรวน์ทรี ช็อคโกแลต คริสป์ ใช้คำโฆษณาว่า "คิทแคทรองท้องอิ่มอร่อย" และ "กินคู่กับชาต้องกินคิทแคท" ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คิทแคทใช้เหตุการณ์สงครามนี้มาใช้ตั้งสโลแกนว่า "คิทแคทเพิ่มพลัง" ในช่วงปลายของยุค 1940 มีสินค้า 'คิตตี้ เดอะ แคท' ซึ่งเน้นนำเสนอในคุณภาพรส "ครีมนมเข้มข้น" ของช็อคโกแลตบาร์, มีการทำโฆษณาเน้นไปที่เสียง 'เป๊าะ' เวลาหักแท่งเวเฟอร์ รวมถึงภาพหักแท่งเวเฟอร์คิทแคท ในปี 1951 มีโปสเตอร์คิทแคทครั้งแรก และปี 1969 มีการโฆษณาในโทรทัศน์สีครั้งแรก

ตั้งแต่ปี 1958 คิทแคทใช้สโลแกนว่า "คิดจะพัก คิดถึงคิทแคท" อย่างไรก็ตาม ในปี 1995 เนสท์เล่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายทางการค้า "คิดจะพัก" บางส่วน หลังจากกรณีขัดแย้งทางกฎหมายกับคู่แข่ง มาร์ส, ศาลยุติธรรมยุโรป ตัดสินเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2005 ส่งคดีความกลับไปยังศาลยุติธรรมอังกฤษ[20]

ช่วงต้นของยุค 1980 สหรัฐอเมริกาใช้สโลแกนสั้นๆว่า "อร่อยจนต้องคำราม" โฆษณาในโทรทัศน์ที่เป็นที่รู้จักคือโฆษณาชุดที่ร้านขายขนม ซึ่งมีชายคนหนึ่งกัดเวเฟอร์คิทแคท แล้วคำรามออกมาดังๆเหมือนสิงโตจนทำให้ร้านทั้งร้านเหมือนโดนแผ่นดินไหว สโลแกนอีกอันหนึ่ง คือ "เติมเต็มความต้องการ" ในโฆษณานั้นเป็นฉากที่ชายคนหนึ่งทยอยหยิบขนมออกมาจากกระเป๋าแต่ไม่ถูกใจสักอย่าง จนกระทั่งหยิบเจอคิทแคท

โฆษณาชุด "คลาสสิค" ของอเมริกาคือ "ขอพักซักนิด" เพลงคิทแคท จิงเกิ้ล (ใช้มาตั้งแต่ปี 1986) โดย เคน ชั้ดแมน (คำร้อง) และ ไมเคิล เอ เลอวีน (ทำนอง) แต่งให้กับ ดีดีบี แอดเวอไทซิ่ง เอเจนซี่ เวอร์ชันแรกร้องโดย แคร์รี่ อันเดอร์วู้ด, ฌอน โคลวิน, ร่วมกับนักร้องสตูดิโอ พวกเขาได้แสดงในโฆษณาด้วย งานวิจัยของมหาวิทยาลัยซินซินเนติ นักวิจัยชื่อ เจมส์ เอ เคลลาริส ถือให้เพลงจิงเกิ้ลนี้เป็นหนึ่งในสิบอันดับ "เสียงติดหู" (ทำนองเพลงที่เล่นซ้ำๆวนในหัว) โฆษณาจิงเกิ้ลอีกเวอร์ชันหนึ่ง "โรงงาน" โดยว่าจ้างให้ แอนดริว ดับบลิว เค แต่งทำนองใหม่ให้เข้ากับสโลแกน "ขอพักซักนิด" โฆษณาชิ้นนี้มีการเต้นตามที่ต่างๆในที่ทำงาน อย่างไรก็ตาม เพลงในชุด "คลาสสิค" ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งเมื่อปี 2004

ในปี 1987 โฆษณาคิทแคทในอังกฤษ[4] เป็นแพนด้ายักษ์ในสวนสัตว์ สื่อว่า "พักซักนิด", ได้อันดับที่ 30 ในการจัดอันดับ "100 สุดยอดโฆษณา" ของช่อง 4 ในปี 2000 ต่อมาเมื่อปี 2004 เนสท์เล่ในอังกฤษเปลี่ยนสโลแกนเป็น "ให้เป็นช่วงเวลาพักที่ดีที่สุด".[21] แต่สโลแกนนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก เนสท์เล่โรวน์ทรีจึงรีบเปลี่ยนกลับมาใช้สโลแกนเดิม

ช่วงปลายปี 2004 ถึง 2006 เนสท์เล่โรวน์ทรีเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับสโมสรฟุตบอลอังกฤษยอร์ค ซิตี้ เอฟ.ซี. เป็นผลให้สโมสรเปลี่ยนชื่อจาก สนามกีฬาบูธแฮม เป็น สนามกีฬาคิทแคท[22]

ในปี 2012 ที่อังกฤษและไอร์แลนด์ทำการตลาดสินค้าชังกี้คิทแคทหลายรสชาติ และมีการให้ผู้บริโภคออกเสียงว่าชอบรสชาติไหนมากที่สุดจากรสช็อคโกแลตขาว, แบบเคลือบช็อคโกแลตสองชั้น, รสเนยถั่ว, และรสส้ม โดยสรุปรสเนยถั่วมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยเสียงมากถึง 47% ในปี 2013 ก็มีการออกเสียงแบบนี้อีกโดยเลือกจากรสมิ้นท์, มะพร้าว, ถั่วเฮเซลและช็อคโกแลตฟัดจ์

ความเชื่อมโยงกับแอนดรอยด์

เมื่อเดือนกันยายน 2013 มีประกาศออกมาว่า ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 4.4 ของ กูเกิ้ล จะใช้ชื่อว่า "คิทแคท"[23] ทางกูเกิ้ลได้ขอลิขสิทธิ์มาจากเนสท์เล่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ[24] มีรายการส่งเสริมการขายแอนดรอยด์คิทแคทบาร์ซึ่งออกแบบมาพิเศษเพื่องานนี้โดยเฉพาะวางจำหน่ายในหลายๆประเทศสามารถใช้ชิงโชคลุ้นรับเน็กซัส 7 และกูเกิ้ล เพลย์สโตร์เครดิต

แฟร์เทรด (การค้าโดยชอบธรรม)

เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2009 มีการประกาศว่า คิทแคทแบบบาร์เวเฟอร์สี่แท่งนั้นจะผลิตโดยใช้ช็อคโกแลตแฟร์เทรด (สินค้าที่มาจากผู้ผลิตประเทศต่างๆทั่วโลก) (อย่างน้อยก็ในอังกฤษและไอร์แลนด์) จะเริ่มตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป[25] และจะใช้ผลิตคิทแคทบาร์เวเฟอร์ทั้งหมดภายในเดือนมกราคม 2010[26]

ตั๋วทองนำโชค

ช่วงสามอาทิตย์แรกของการฉายบิ๊กบราเธอร์ส ปีที 7, ทางช่อง 4 ร่วมกับเนสท์เล่นำเสนอรายการส่งเสริมการขายคิทแคท ซึ่งก็คือ "ตั๋วทอง" 100 ใบที่ปะปนอยู่ในคิทแคทที่วางจำหน่าย ลักษณะเดียวกับวิธีในเรื่อง ชาร์ลีกับโรงงานช็อคโกแลต ผู้ที่พบตั๋วทองนี้จะได้รับโอกาสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในรายการบิ๊ก บราเธอร์ส โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการออดิชั่นตามแบบปกติ

ผู้ที่พบตั๋วทองทั้งหมดได้รับเชิญเข้าร่วมรายการ โดยที่ ไอสเลเน ฮอร์แกน-วอลเลซ หยิบลูกบอลชื่อ ซูซี่ เวอริโค หนึ่งในผู้พบตั๋วทองออกมาจากเครื่องสุ่มคัดเลือก เธอจึงได้เป็นหนึ่งในผู้แข่งขัน

แต่การชิงโชคครั้งนี้เป็นที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก องค์กรควบคุมสื่อโฆษณากล่าวว่า ในโฆษณาควรมีการแจ้งเงื่อนไขข้อกำหนดและข้อตกลงของการจับรางวัลอย่างชัดเจน และควรมีกรรมการควบคุมดูแลตลอดการจับรางวัล[27]

แหล่งที่มา

WikiPedia: คิทแคท http://www.android.com/kitkat/ http://www.boston.com/news/local/articles/2005/05/... http://www.brandchannel.com/features_profile.asp?p... http://www.brandrepublic.com/bulletins/digital/art... http://eatocracy.cnn.com/2012/02/02/how-did-kit-ka... http://www.cnn.com/2010/WORLD/asiapcf/03/19/indone... http://www.confectionerynews.com/Markets/Nestle-qu... http://www.easier.com/29099-a-low-calorie-treat-fr... http://abcnews.go.com/WNT/Business/story?id=950088... http://www.hersheys.com/kitkat.aspx