งานศึกษาตามรุ่นตามแผน[2] (
อังกฤษ: prospective cohort study)เป็น
การศึกษาตามรุ่น (cohort study) ที่ติดตามกลุ่มบุคคลที่มีลักษณะคล้าย ๆ กัน (cohort) แต่ต่างกันโดยองค์ที่เป็นประเด็นการศึกษา เพื่อที่จะกำหนดว่าองค์เหล่านี้มีอิทธิพลต่ออัตราการเกิดของผล (outcome) เช่นโรค มากเท่าไร
[3] ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถติดตามรุ่นของคนขับ
รถบรรทุกวัยกลางคนที่มีลักษณะนิสัยการสูบบุหรี่ต่าง ๆ กันเพื่อทดสอบ
สมมุติฐานว่า อัตราการเกิด
โรคมะเร็งปอดภายใน 20 ปีจะอยู่ในระดับสูงสุดสำหรับผู้สูบบุหรี่มาก ตามมาด้วยผู้สูบบุหรี่น้อยลงมา และผู้ที่ไม่สูบบุหรี่งานศึกษาตามแผนเป็นวิธีการศึกษาที่สำคัญเพื่อตรวจสอบสมุฏฐานของโรคและความเจ็บไข้อย่างอื่น ๆลักษณะะเฉพาะของงานก็คือ เมื่อรับสมัครลงทะเบียนผู้ร่วมเข้าการทดลองเพื่อตรวจข้อมูลเบื้องต้นคือปัจจัย (เช่นการสูบบุหรี่) ที่เป็นประเด็นการศึกษา ผู้ร่วมการทดลองจะยังไม่เกิดผลที่เป็นประเด็นที่สนใจ (เช่นโรคมะเร็งปอด)
[4] แล้วจึงติดตามบุคคลเหล่านั้น "ตามยาว" คือเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งปกติจะเป็นหลายปีเพื่อกำหนดว่า จะเกิดมีโรคหรือไม่ ว่าเมื่อไรจึงเกิดมีโรค และว่า ปัจจัยนั้นมีอิทธิพลต่อผลที่เกิดขึ้นบ้างไหมดังนั้น ผู้วิจัยจึงสามารถใช้ข้อมูลเพื่อตอบคำถามหลายอย่าง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยง กับผลที่เกี่ยวเนื่องกับโรคยกตัวอย่างเช่น เราสามารถกำหนดข้อมูลเบื้องต้นของผู้สูบบุหรี่และผู้ไม่สูบบุหรี่ แล้วเปรียบเทียบอุบัติการณ์โรคหัวใจของบุคคลเหล่านั้นต่อ ๆ มาหรือว่า เราอาจจะจัดกลุ่มผู้รวมการทดลองโดย
ดัชนีมวลกาย (BMI) แล้วเปรียบเทียบความเสี่ยงการเกิดขึ้นของ
โรคหัวใจหรือ
โรคมะเร็งงานศึกษาตามแผนมีความน่าเชื่อถือตาม
ลำดับชั้นหลักฐาน (hierarchy of evidence) สูงกว่า
การศึกษาตามรุ่นย้อนหลัง (Retrospective cohort study)
[5]และอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
งานศึกษามีกลุ่มควบคุม[6]ข้อดีของการศึกษาตามแผนก็คือสามารถกำหนดองค์ความเสี่ยงที่จะเกิดโรค เพราะเป็นการเก็บข้อมูลตามแผนคือเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่เก็บเป็นระยะ ๆ ดังนั้น ความคลาดเคลื่อนเนื่องจากจำข้อมูลในอดีตผิด ๆ (recall error) จึงมีน้อยลง
[7][8]