สำหรับงูเขียวจำพวกอื่น ดูที่:
งูเขียวงูเขียวหางไหม้ เป็นงูที่อยู่ในสกุล Trimeresurus ใน
วงศ์งูแมวเซา (Viperidae) มีรูปร่างโดยรวม คือ มีหัวยาวมนใหญ่เป็น
รูปสามเหลี่ยม คอเล็ก ตัวอ้วนสั้น ปลายหางมีสีแดง ลำตัวมีสีเขียวอมเหลืองสด บางตัวมีสีเขียวอมน้ำเงิน หางสีแดงสด บางตัวมีหางสีแดงคล้ำเกือบเป็นสีน้ำตาล อันเป็นที่มาของชื่อ จัดเป็นงูพิษอ่อน ผิดไปจากงูสกุลหรือชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน โดยผู้ที่ถูกกัดจะไม่ถึงกับ
เสียชีวิต นอกจากเสียแต่ว่ามีโรคหรืออาการอื่นแทรกแซง โดยผู้ที่ถูกกัดจะมีอาการปวดอย่างรุนแรงทันทีที่ถูกกัด แล้วค่อย ๆหายใน 5-6 ชั่วโมง บริเวณที่ถูกกัดจะบวมอย่างรวดเร็วในระยะ 3-4 วันแรก จากนั้นจะค่อย ๆ ยุบบวมในเวลา 5-7 วัน อาจจะมีเลือดออกจากรอยเขี้ยว แต่ไม่มาก หากมีอาการมากกว่านี้ถือว่าเป็นอาการหนัก
[3]เป็นงูที่เลื้อยช้า ๆ ไม่รวดเร็ว มีนิสัยดุและฉกกัดเมื่อเข้าใกล้ ชอบอาศัยตามซอกชายคา, กองไม้, กระถางต้นไม้, กอหญ้า ออกหากินในเวลากลางคืนทั้งบนต้นไม้ และตามพื้นดินที่มีหญ้ารก ๆ โดยกิน นก, จิ้งจก, ตุ๊กแก, สัตว์ฟันแทะ รวมถึงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำต่าง ๆ เป็นอาหาร ขณะเกาะนอนบนกิ่งไม้ จะใช้ลำตัวและหางรัดพันยึดกับกิ่งไม้ไว้ โดยปกติ เป็นงูที่ออกลูกเป็นตัวครั้งละประมาณ 8-12 ตัว แต่ก็มีบางชนิดเหมือนกันที่ออกลูกเป็นไข่
[4]พบกระจายพันธุ์ทั่วไปในภูมิภาค
เอเชียใต้และ
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนถึง
หมู่เกาะแปซิฟิก พบประมาณ 35 ชนิด
[1] ในประเทศไทย พบชุกชุมใน
ภาคกลางและ
ภาคตะวันออก[4] เช่น
งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง (T. trigonocephalus),
งูเขียวหางไหม้ลายเสือ (T. purpureomaculatus),
งูหางแฮ่มกาญจน์ (T. kanburiensis),
งูปาล์ม (T. puniceus) เป็นต้น โดยมีชนิดที่ค้นพบใหม่ คือ
งูเขียวหางไหม้ภูเก็ต (T. phuketensis) ที่พบใน
ป่าดิบชื้น ใน
จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2552
[5]