ดัชชี ของ ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา

ดัชชีซัคเซิน-โคบวร์ค และ ซัคเซิน-โกทา เป็นส่วนหนึ่งในดัชชีซัคเซินที่ปกครองโดยราชวงศ์เวตตินเชื้อสายของเจ้าชายเออร์เนส ดัชชีซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาเกิดจากการรวมตัวของทั้งสองรัฐนี้ภายใต้ผู้ปกครองคนเดียวกันเป็นรัฐร่วมประมุขในปี พ.ศ. 2369 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของดยุกพระองค์สุดท้ายแห่งซัคเซิน-โกทา-อัลเทนบูร์ก (Duke of Saxe-Gotha-Altenburg) โดยปราศจากรัชทายาทชาย ญาติในราชวงศ์เวตตินจึงได้แบ่งแยกดินแดนกันอีกครั้ง และดยุกแอร์นส์ที่ 1 แห่งซัคเซิน-โคบวร์ค-ซาลเฟลด์ (Duke Ernst I of Saxe-Coburg-Saalfeld) (อดีตพระสวามีในเจ้าหญิงหลุยส์แห่งซัคเซิน-โกทา-อัลเทนบูร์ก พระนัดดาหญิงองค์เดียวของดยุกพระองค์สุดท้าย) ได้ปกครองเมืองโกทา จึงเปลี่ยนพระยศเป็น ดยุกแห่งซัคเซิน-โกทา-อัลเทนบูร์ก แม้ว่าในทางหลักการทั้งสองรัฐยังคงแยกกันอยู่

ดยุกแอร์นส์ที่ 1 สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2387 และแอร์นส์ที่ 2 (Ernst II) ซึ่งเป็นพระโอรสและผู้สืบทอดทรงปกครองดินแดนต่อมาจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2436 โดยไร้รัชทายาท ราชบัลลังก์ดัชชีจึงตกทอดไปสู่พระโอรสในพระอนุชาคือเจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร อย่างไรก็ดี รัฐธรรมนูญของดัชชีทั้งสองไม่อนุญาตให้พระมหากษัตริย์และรัชทายาทแห่งสหราชอาณาจักรสืบทอดราชบัลลังก์ดัชชีได้ ถ้ายังมีรัชทายาทผู้ชายที่เหมาะสมองค์อื่นอยู่ ดังนั้น เจ้าชายอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ จึงทรงสละสิทธิ์การสืบทอดให้แก่พระอนุชาองค์ต่อไปคือ เจ้าชายอัลเฟรด ดยุกแห่งเอดินเบอระ พระโอรสองค์เดียวในเจ้าชายอัลเฟรด ซึ่งมีพระนามเดียวกันคือ เจ้าชายอัลเฟรดแห่งเอดินบะระ ได้ทรงกระทำอัตตวินิบาตกรรมในปี พ.ศ. 2442 เมื่อดยุกอัลเฟรดสิ้นพระชนม์ลงในปี พ.ศ. 2443 ราชบัลลังก์จึงสืบทอดต่อมาโดยเจ้าชายชาลส์ เอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งออลบานี พระโอรสพระชนมายุสิบเจ็ดชันษาในเจ้าชายลีโอโพลด์ พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (เจ้าชายอาร์เธอร์ ดยุกแห่งคอนน็อตและสตราเธิร์น และ[เจ้าชายอาร์เธอร์พระโอรสมิทรงต้องการปกครองดัชชีซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา จึงได้ทรงประกาศการสละสิทธิ์การสืบราชสมบัติ) หลังจากการสืบทอดราชบัลลังก์โดยมีพระนามว่า คาร์ล เอดูอาร์ด และอยู่ภายใต้ระบอบผู้สำเร็จราชการอันนำโดยเจ้าชายรัชทายาทแห่งโฮเอ็นโลเฮ-แล็งเก็นบูร์กจนกระทั่งทรงบรรลุนิติภาวะในปี พ.ศ. 2448 พระองค์ยังคงดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งออลบานี เมื่อพระองค์ทรงต่อสู้ร่วมกับฝ่ายเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงทรงถูกถอดถอนพระอิสริยยศของอังกฤษออกทั้งหมดในปี พ.ศ. 2462

ดยุกคาร์ล เอดูอาร์ดทรงปกครองอยู่จนกระทั่งถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 เมื่อเหล่าสมัชชาแรงงานและทหารแห่งโกธาถอดถอนพระองค์ออกจากราชบัลลังก์ในช่วงการปฏิวัติเยอรมัน รัฐดยุกทั้งสองซึ่งสูญสลายโดยผู้ครองรัฐที่กลายเป็นสามัญชน ได้แยกออกจากกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน รัฐซัคเซิน-โคบวร์คก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาวาเรีย ส่วนรัฐซัคเซิน-โกทาก็ได้รวมเข้ากับรัฐเล็กอื่น ๆ เพื่อก่อตั้งเป็นรัฐใหม่คือรัฐทือริงเงินในสาธารณรัฐไวมาร์ (Weimar Republic) เมื่อปี พ.ศ. 2463

เมืองหลวงของซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา คือ เมืองโคบวร์ค และ เมืองโกทา ในปี พ.ศ. 2457 พื้นที่และประชากรของรัฐดยุกทั้งสองมีรายละเอียดดังนี้

รัฐดยุกพื้นที่ประชากร
ซัคเซิน-โคบวร์ค1415 กม.²74818
ซัคเซิน-โกทา562 กม.²182359
รวมทั้งสิ้น1977 กม.²257177

รัฐซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาเป็นประเทศเดียวในทวีปยุโรปที่ได้แต่งตั้งกงสุลประจำสมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate States of America) ในช่วงระหว่างสงครามกลางเมืองอเมริกา กงสุลท่านนี้มีชื่อว่า แอร์นส์ ราเวน ซึ่งได้รับมอบหมายให้ประจำอยู่ที่มลรัฐเท็กซัส ราเวนขออนุมัติหนังสือรับรองกงสุลจากรัฐบาลของสมาพันธรัฐอเมริกาในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2404 และได้รับการตอบรับ[1]