ซากดึกดำบรรพ์มีชีวิต หรือ
ฟอสซิลที่มีชีวิต (
อังกฤษ: Living fossil) หมายถึง
สิ่งมีชีวิตใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์
ฟังไจ หรือสาหร่าย ที่ยังคงโครงสร้างร่างกายหรือสรีระแบบบรรพบุรุษดั้งเดิมที่เคยมีชีวิตอยู่ใน
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ ซึ่งตรวจสอบได้จากการนำไปเปรียบเทียบกับ
ซากดึกดำบรรพ์ (fossil) หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปน้อยมาก จะถูกจัดว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตโดยบุคคลแรกที่ใช้ศัพท์คำนี้ คือ
ชาลส์ ดาร์วิน ที่กล่าวไว้ในหนังสือ
The Origin of Species ที่ว่าถึง
ทฤษฎีวิวัฒนาการของตนเอง ตอนหนึ่งได้พูดถึง
ตุ่นปากเป็ด และ
ปลาปอดเอาไว้ว่า
ชนิดของสิ่งมีชีวิตใด ซึ่งดูเหมือนจะเป็นชนิดอื่นที่เป็นที่รู้จักกันจากซากฟอสซิลและมีญาติที่อาศัยอยู่ใกล้กัน สิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีชีวิตรอดจากเหตุการณ์สำคัญและโดยทั่วไปยังคงความหลากหลายทางอนุกรมวิธานขั้นต่ำอยู่ ชนิดที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ ได้กลายเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็น "ซากดึกดำบรรพ์มีชีวิต"โดยชนิดของซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด และมีความฮือฮามากเมื่อถูกค้นพบ คือ
ปลาซีลาแคนท์ ที่ถูกค้นพบเมื่อปลายปี ค.ศ. 1938 ที่ชายฝั่ง
แอฟริกาตะวันออก จากเดิมที่เคยเชื่อว่า
สูญพันธุ์ไปแล้ว ตั้งแต่
ยุคครีเทเชียส[1]สิ่งมีชีวิตจำพวก
ปลานับได้ว่า มีจำนวนของซากดึกดำบรรพ์มีชีวิตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากปลาถือเป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกแรกในโลกที่มี
กระดูกสันหลัง และเป็นต้นทางของการวิวัฒนาการจากน้ำมาสู่บก จนกระทั่งกลายเป็นสัตว์บกจำพวกต่าง ๆ เช่นในปัจจุบัน นอกเหนือจากปลาซีลาแคนท์แล้ว ก็ยังมี ปลาปอด
ปลาไบเคอร์[2] ปลาอะโรวาน่า[3] รวมถึง
ปลาฉลามบางชนิด
[4] เป็นต้นสำหรับสัตว์จำพวกอื่น เช่น
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ได้แก่
ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ ที่ยังคงโครงสร้างของสรีระแบบ
ซาลาแมนเดอร์ที่พบในยุคก่อนประวัติศาสตร์อยู่
[5] สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นอกเหนือจากตุ่นปากเป็ดแล้ว ยังมี
หนูหิน ที่มีการค้นพบใน
ประเทศลาว ซึ่งเป็นสัตว์ฟันแทะ ที่ญาติ ๆ ได้สูญพันธุ์ไปจนหมดแล้วเมื่อ 11 ล้านปีก่อน โดยมีหลักฐานเป็นฟอสซิลพบใน
มณฑลซานตง ทางตอนใต้ของประเทศจีน
[6] และ
แพนด้าแดง ที่พบในแถบประเทศจีน, ธิเบต และตอนเหนือของพม่า
[7] เป็นต้น