ประวัติ ของ ซูว็อน

เมื่อครั้งชนเผ่าโบราณซูว็อนเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ โมซูกุก (ฮันกึล: 모수국) ระหว่างยุคราชอาณาจักรทั้งสาม พื้นที่เมืองซูว็อนและฮวาซ็องในปัจจุบันถูกเรียกว่า แมโฮลกุน (매홀군)

ในปี พ.ศ. 1300 ในสมัยพระเจ้าคย็องด็อกแห่งซิลลาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ซูซ็องกุน (수성군) ต่อมาในปี พ.ศ. 1483 ในสมัยราชวงศ์โครยอได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น ซูชู (수주) และในที่สุดพระเจ้าแทจงแห่งราชวงศ์โชซ็อนได้เปลี่ยนชื่อเมืองนี้เป็น ซูว็อน ในปี พ.ศ. 1956[3]

ในปี พ.ศ. 2135 ระหว่างสงครามการบุกครองเกาหลีของญี่ปุ่น ผู้บัญชาการอีควังได้พยายามปฏิบัติการให้กองกำลังของเขาเข้าสู่เมืองหลวง โซล (ในเวลานั้นเรียกว่าฮันซ็อง)[4] กองกำลังถูกถอนออกไป อย่างไรก็ตามภายหลังจากข่าวว่าเมืองหลวงถูกยึดถึงผู้บัญชาการ[4] กองทัพก็โตขึ้นไดยมีกำลัง 50,000 นายพร้อมทั้งมีกองกำลังอาสาสมัครอีกจำนวนหนึ่ง โดยอีควังและผู้บัญชาการที่ไม่ได้ประจำการอีกจำนวนหนึ่งได้พิจารณาเป้าหมายที่จะกอบกู้เมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง และได้รวบรวมกำลังไว้ทางตอนเหนือของซูว็อน[4][5]

การก่อสร้างป้อมฮวาซ็อง

ต่อมาในสมัยราชวงศ์โชซ็อน พระเจ้าซ็องโจ ได้ประสบความล้มเหลวในท้ายที่สุดในความพยายามที่จะให้ซูว็อนเป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ. 2339 ส่วนหนึ่งของโครงการย้ายเมืองหลวงคือป้อมฮวาซ็อง ป้อมปราการกำแพงที่ล้อมรอบทั้งทั้งเมือง โดยเหตุผลบางส่วนมีความตั้งใจที่จะให้เป็นป้อมปราการเพื่อปกป้องสุสานของพระบิดาพระองค์ เจ้าชายรัชทายาทซาโด[6]

การก่อสร้างกำแพงเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรกๆของเกาหลีที่จ่ายค่าแรงให้กับแรงงาน (ปกติก่อนหน้านี้จะใช้วิธีเกณฑ์แรงงาน โดยกำแพงยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่ากำแพง(รวมทั้งป้อม)จะได้รับความเสียหายอย่างมากจากสงครามเกาหลี

เริ่มแรกการก่อสร้างป้อมฮวาซ็องได้ก่อสร้างโดยคำแนะนำของนักปราชญ์ช็อง ยัก-ย็อง ภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าซ็องโจไม่นาน (พ.ศ. 2343) กระดาษขาวที่แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างได้ถูกตีพิมพ์ เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้เพราะถูกนำมาใช้เป็นแบบในการก่อสร้างใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 1970

ครั้งหนึ่งกำแพงของป้อมปราการเคยล้อมเมืองซูว็อนทั้งเมืองไว้ แต่เมืองซูว็อนในยุคปัจจุบันได้ขยายไปไกลกว่าตัวกำแพงป้อมมาก ในปัจจุบันกำแพงป้อมฮวาซ็องได้ถูกกำหนดให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก[6] และป้อมฮวาซ็องได้ถูกนำมาใช้ในการประชาสัมพันธ์เมืองเสมอ

สงครามเกาหลี

รถถังที-34ของเกาหลีเหนือติดอยู่บนสะพานทางตอนใต้ของซูว็อนในการโจมทีทางอากาศของกองทัพสหรัฐอเมริกาในสงครามเกาหลี

สงครามเกาหลีได้สร้างผลกระทบอย่างมากต่อเมืองซูว็อน โดยเมืองเปลี่ยนผู้ยึดครองระหว่างสงครามถึงสี่ครั้ง ภายหลังการปะทุของสงครามเพียงไม่นานหน่วยเครื่องบินขับไล่ที่ 49ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้ถูกส่งจากญี่ปุ่นไปยังเกาหลี โดยภารกิจแรกคือเคลื่อนย้ายพลเรือนจากซูว็อนและคิมโพ แต่หลังจากนั้นไม่นานกองทัพเกาหลีเหนือก็เคลื่อนมาถึงเมืองซูว็อน ก่อนหน้ายุทธการโอซันไม่นาน การสู้รบระหว่างกองกำลังของสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือก็ได้เริ่มขึ้นครั้งแรก ในวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 สิ่งป้องกันได้สร้างขึ้นบนถนนระหว่างซูว็อนและรอบๆโอซัน (ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายใต้) ในวันต่อมากองกำลังของฝ่ายเหนือได้มุ่งหน้ามายังทางใต้ ตามมาด้วยการปะทะกันยาวนาน 3 ชั่วโมงครึ่ง โดยทหารอเมริกาสูญเสียไป 142 นาย และทหารเกาหลีเหนือ 42 นาย ทำให้กองกำลังของสหรัฐจำต้องล่าถอยไป การปะทะกันครั้งนี้ทำให้กองกำลังของฝ่ายเหนือเคลื่อนพลลงไปยังโอซันช้ากว่ากำหนดการ 7 ชั่วโมง

ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2493 กองกำลังกรีก ได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่ซูว็อนอยู่ติดกับกองพลทหารม้าที่ 1 ของกองทัพสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 แกบบี้ กาเบรียสกี ยอดนักบินของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาได้มาประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศ เค-13 เมืองซูว็อน โดยตอนสิ้นสุดของสงครามเมืองซูว็อนอยู่กับเกาหลีใต้

ประวัติยุคใหม่