ประวัติตัวละคร ของ ซูเปอร์แมน

ดูบทความหลักที่: ประวัติของซูเปอร์แมน

ในโลกแห่งหนังสือการ์ตูน ซูเปอร์แมนนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน อีกทั้งยังสามารถพัฒนาความสามารถของตัวเองตามเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เผชิญ [68]รูปแบบดั้งเดิมของซูเปอร์แมนนั้น สังเกตได้ว่าพลังความสามารถและอุปนิสัยใจคอจะเป็นไปในลักษณะรูปแบบตัวละครในยุค โกลเด้น เอจออฟคอมิคส์ บุ๊ค จนถึงยุค โมเดิร์น เอจส่วนเหล่าวายร้ายที่มาต่อกรกับซูเปอร์แมนนั้นก็มีการพัฒนาความสามารถอย่างต่อเนื่องจนถึงปีช่วงหลังปี ค.ศ. 1940 จึงมีการการพัฒนาความสามารถของซูเปอร์แมนให้บินได้ ส่งผลให้มีการสร้างตัวละครฝ่ายอธรรมชุดใหม่ในปี ค.ศ. 1941.[69] ซูเปอร์แมนนั้นต้องเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตในรูปแบบของมนุษย์โลกหลังจากที่เดินทางมาจากดาวคริปตันในปีค.ศ. 1949 ส่วนรูปแบบการดำเนินเนื้อเรื่องยังคงยึดตามรูปแบบเดิมในปี ค.ศ. 1939 ที่เคยจัดทำเป็นการ์ตูนในหนังสือพิมพ์ [70]

ในช่วงค.ศ. 1960 มีการเปิดตัว ซูเปอร์แมนตัวที่สอง โดยดีซีได้ทำการสร้างผลงาน จักรวาลคู่ขนาน ซึ่งเป็นการรวมตัวละครของดีซีโดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก และมีการตีพิมพ์ในช่วงปีค.ศ. 1940 จนถึงช่วงปีค.ศ. 1960 จึงได้มีการพิมพ์ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มนักอ่านนั้นเข้าใจถึงการมีตัวตน 2 รูปแบบของซูเปอร์แมนที่เป็นเหมือน จักรวาลคู่ขนานของกันและกัน ซูเปอร์แมนตัวที่สองนั้นได้รับบทบาทให้เป็นผู้นำของ 2 กลุ่มซูเปอร์ฮีโร คือ ในช่วงปีค.ศ. 1940 คือกลุ่ม จัสทิส โซไซตี้ออฟอเมริกา และในช่วงปีค.ศ. 1960 ได้แก่กลุ่ม จัสทิส ลีกออฟอเมริกา

ซูเปอร์แมนเสียชีวิตภายในอ้อมกอดของ ลูอิส เลน ใน: ซูเปอร์แมน ฉบับที่ 75 (ตอนที่ 2 จัดพิมพ์ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1993) ; วาดภาพ โดย แดน เจอร์เก้นส์ และ เบรทท์ บรีดดิ้ง

ในช่วงปี ค.ศ. 1980 มีการออกแบบรูปแบบใหม่ให้ซูเปอร์แมนโดยเพิ่มความรุนแรงเข้าไปในเนื้อเรื่อง ทาง ดีซี จึงได้ตัดสินใจถอดเรื่องจักรวาลคู่ขนานออกไปเพื่อปรับให้เนื้อเรื่องให้มีความเข้าใจง่ายกว่าเดิม สิ่งนี้ส่งผลให้ต้องมีการแต่ง เบื้องหลัง ความเป็นมาของตัวละครของ ดีซี ใหม่ทั้งหมดรวมถึงซูเปอร์แมนด้วย จอห์น ไบรอันจึงได้ทำการแต่งเรื่องซูเปอร์แมนใหม่โดยได้ทำการถอดบทบาทหลายๆบทที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงแรกออก เช่น ซูเปอร์บอย และ ซูเปอร์เกิร์ล นอกจากนั้นไบรอันยังได้นำตัวละครดั้งเดิมอย่างพ่อ-แม่ บุญธรรมของซูเปอร์แมนกลับมาตีความใหม่[71]ซึ่งบทบาทเดิมของทั้งคู่นั้นถูกกำหนดให้เสียชีวิตในช่วงต้นเรื่องของซูเปอร์แมน (ช่วงเวลาที่คลาร์ก เคนต์จบการศึกษาในระดับมัธยมปลาย)

ในปี ค.ศ. 1993 ซูเปอร์แมนนั้นได้เสียชีวิตลงจากฝีมือของอาชญากรในนิตยสาร ดูมส์เดย์,[72] แต่หลังจากนั้นไม่นานก็มีการแต่งเรื่องให้ซูเปอร์แมนฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง [73] ซูเปอร์แมนได้แต่งงานกับลูอิส เลน ในปี ค.ศ. 1996 และมีทายาทด้วยกันในปี ค.ศ. 2004 [74] ในปี ค.ศ. 2006 ซูเปอร์แมนได้ทำการสละพลังความสามารถทั้งหมดออกจากร่างกาย [75] อย่างไรก็ตาม1ปีให้หลังพลังเหล่านั้นก็กลับคืนมาสู่ซูเปอร์แมนอีกครั้ง [76]

หลังจากเผชิญหน้ากับ ไบรนิแอค ศัตรูผู้สังหารบิดาบังเกิดเกล้า ซูเปอร์แมนได้ค้นพบเมืองที่สาบสูญไปอย่าง กันดอร์ สถานที่ซึ่งมีชาวคริปตันอพยพมาอาศัยอยู่ 10,000 คน นอกจากนั้นชาวคริปตันยังได้พยายามทำการสร้างดาวคริปตันดวงใหม่ โดยภายหลังชาวคริปตันเหล่านั้นได้มีการทำสงครามกับมนุษย์โลกส่งผลทั้งสองฝ่ายมีผู้บาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะชาวคริปตัน ดังนั้นภารกิจครั้งใหม่ของซูเปอร์แมนคือหาวิธีกลับมายังโลกอีกครั้งหนึ่ง

บุคลิกภาพ

ในเรื่องราวแรกเริ่มของ ซีเกล และ ชูสเตอร์นั้น บุคลิกของซูเปอร์แมนนั้นจะมีอารมณ์รุนแรงและก้าวร้าว เห็นได้จากการที่ตัวละครเข้าไปต่อสู้อย่างรุนแรงต่อ ไวฟ์ บีทเตอร์, โปรฟิเทียร์, ลินช์ ม๊อบ และ กลุ่มผู้มีอิทธิพลต่างๆ ซึ่งจะเป็นการใช้ความรุนแรงข่มขู่คู่ศัตรูให้กลัวมากกว่าใช้เหตุผล [33] หลังจากนั้นบรรดานักเขียนจึงได้ปรับอารมณ์ของซูเปอร์แมนให้เย็นลงและเพิ่มจินตนาการทางความคิดกับจิตใจที่ดีงามเข้าไป ทำให้ซูเปอร์แมนไม่ได้มีลักษณะนิสัยเลือดเย็นเหมือ แบทแมนในช่วงแรกๆ ซูเปอร์แมนที่ปรากฏตัวในหนังสือในยุค ค.ศ. 1930 นั้นไม่ใส่ใจต่อการใช้พลังของตัวเองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายที่ตามมา ซูเปอร์แมนในยุคนั้นมักจะจัดการเหล่าร้ายด้วยความรุนแรงจนถึงขั้นปางตาย แม้ว่าการกระทำอันป่าเถื่อนนี้นานๆจะเกิดขึ้นในเนื้อเรื่องก็ตาม แต่พฤติกรรมทั้งหมดนี้ก็หมดลงไปในปี ค.ศ. 1940 เมื่อผู้อำนวยการผลิตคนใหม่ วิทนีย์ เอลล์เวิร์ธ ได้กำหนดบุคลิกรูปแบบใหม่ให้กับซูเปอร์แมนนั่นคือซูเปอร์แมนนั้นจะมีหลักการณ์ที่จะไม่ทำการสังหารผู้คนไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม [70] หลักการณ์นี้มีผลสะท้อนต่อเนื้อเรื่องขึ้นมาทันที โดยในเนื้อเรื่องซูเปอร์แมนนั้นได้ปฏิญาณเอาไว้ว่าจะไม่ทำการสังหารผู้คนอย่างเด็ดขาด หากเขาผิดคำพูดเขาจะถอนตัวจากการเป็นซูเปอร์แมนทันที[ต้องการอ้างอิง]

ในปัจจุบัน ซูเปอร์แมนจะมีลักษณะเป็นวีรบุรุษที่กล้าหาญ มีจิตใจที่ดีงามใช้ รักความยุติธรรม และคอยช่วยเหลือผู้คนจากเหตุการณ์ต่างๆ ซูเปอร์แมนสร้างชื่อเสียงจากการช่วยเหลือผู้คนใน แถบมิดเวสต์ ด้วยนิสัยที่ยึดมั่นต่อคุณธรรมและจิตใจที่ดีงาม ซูเปอร์แมนนั้นจะปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบของกฎหมายซึ่งกลายเป็นตัวอย่างให้ซูเปอร์ฮีโรอื่นๆแต่ก็มีซูเปอร์ฮีโรบางคนที่หงุดหงิดกับการกระทำที่เถรตรงเกินไปของซูเปอร์แมนโดยมักจะล้อเลียนตัวเขาว่าเป็น "คุณลูกเสือสีฟ้า" ซูเปอร์แมนนั้นจะจริงจังต่อเรื่องคุณธรรมเป็นอย่างมากจนทำให้บางครั้งเกิดผิดใจกับเหล่าซูเปอร์ฮีโร เช่น วันเดอร์วูแมน (หนึ่งในเพื่อนสนิทของซูเปอร์แมน) โดยซูเปอร์แมนเคยตัดความสัมพันธ์กับวันเดอร์วูแมนหลังจากที่วันเดอร์วูแมน ได้ทำการสังหาร แม็กเวลล์ ลอร์ด, และ บูสเตอร์ โกลด์[77]

หลังจากดาวคริปตันอันเป็นบ้านเกิดได้ถูกทำลายลง ซูเปอร์แมนได้อุทิศชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องโลก โดยเฉพาะครอบครัวและเพื่อนๆของเขา บางครั้งซูเปอร์แมนก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นโดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ แม้ว่าเขาจะมีเพื่อนฝูง ภรรยา และพ่อแม่ แต่การที่มีพลังพิเศษซึ่งแตกต่างจากคนอื่นทำให้เขาต้องแบกรับหน้าที่อันยิ่งใหญ่เอาไว้ ในสมัยที่เป็นวัยรุ่นนั้นซูเปอร์แมนเคยคิดที่จะออกตามหาชาวคริปโตเนี่ยน จนได้พบเจอกับ พาวเวอร์ เกิร์ลl (ชาวคริปตันในเนื้อเรื่องซูเปอร์แมนฉบับ เอิร์ธ-ทู) และ มอน-เอลแต่ทั้งคู่นั้นกลับไม่ใช่ชาวคริปตันที่อาศัยอยู่บนดาวดวงเดียวกับซูเปอร์แมน จนกระทั่งการปรากฏตัวของ ซูเปอร์เกิร์ล ผู้ซึ่งทำให้ซูเปอร์แมนนั้นแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่ชาวคริปตันเพียงคนเดียวอีกต่อไป โดยซูเปอร์เกิร์ลนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับซูเปอร์แมน

ในนิตยสาร "ซูเปอร์แมน/แบทแมน" ฉบับที่ 3 (ธันวาคม ค.ศ. 2003) แบทแมน นั้นคิดว่า "คลาร์กนั้นมีพลังความสามารถที่เหนือกว่าพวกเราทุกคน เขาสามารถปล่อยพลังได้จากบนฟ้า มันจึงเป็นเรื่องยากในการที่พวกเราจะไม่คิดว่าเขานั้นมีพลังใกล้เคียงกับพระเจ้าและพวกเราจะดูดีกว่านี้มากหากพลังเหล่านั้นไม่ได้เป็นของ"คลาร์ก" รวมถึงในผลงานชุด อินฟิไนท์ คริซิส แบทแมนได้เตือนซูเปอร์แมนว่า "หน้าที่หลักของพวกเราคือช่วยเหลือและปกป้องผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่ใช่มัวแต่หลงชื่นชมอยู่กับพลังความสามารถของตัวเอง"

บางครั้งซูเปอร์แมนก็ถูกนับรวมให้เป็นพวกมังสวิรัติ ในขณะที่ผู้คนอื่นๆนั้นเลือกที่จะรับประทานทั้งเนื้อสัตว์และผัก แต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าซูเปอร์แมนนั้นจำเป็นต้องกินอาหารหรือไม่ เช่นในตอน ซูเปอร์แมน: พีซ ออน เอิร์ธ เนื้อหาแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ซูเปอร์แมนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องทานอาหารเพราะไม่มีความรู้สึกหิวและจะทานก็ต่อเมื่อมีงานเลี้ยงที่สำคัญเท่านั้น ส่วนในตอน ซูเปอร์แมน: เบิร์ธไรท์ ซูเปอร์แมนแสดงท่าทางว่าตัวเองนั้นเป็นมังสวิรัติที่เข้มงวดมาก แต่ถึงอย่างนั้นในผลงานของสตราซินสกี้ที่มีชื่อตอนว่า "ซูเปอร์แมน: กราวด์" ซูเปอร์แมนได้ทำการสั่ง "ฟิลลี่ ชีส สเต็ค" และ แซนด์วิช มารับประทาน ในปีค.ศ. 1966 ได้มีการแสดงบทละคร เรื่อง "ซูเปอร์แมน" ที่โรงละครบรอดเวย์ (บทเพลงที่ใช้ในการแสดง ประพันธ์โดยบ๊อบ ฮอลิเดย์) โดยเนื้อเพลงมีใจความว่า นั่นคือนก...นั่นคือเครื่องบิน...นั่นคือ "ซูเปอร์แมน" "โอ้ ฉันหิวเหลือเกิน...ฉันต้องการ ที-โบน สเต็ค"[78] นอกจากนั้นก็ยังมีฉากที่ซูเปอร์แมนกินทั้งเนื้อสัตว์และผักอยู่บ่อยครั้งในฉบับภาพยนตร์การ์ตูน เช่นฉากที่ไปปิกนิคกับลูอิสในเรื่อง จัสติสลีก อันลิมิต และฉากที่สั่งพายมารับประทานใน ยัง จัสทิส

รูปแบบต่างๆ

ดูบทความหลักที่: ซูเปอร์แมนในรูปแบบต่างๆ

สำนักพิมพ์ได้ทำการเปิดตัวซูเปอร์แมนซึ่งมีการเปลี่ยนรูปแบบออกไปจากเดิมในผลงานชุด "จักรวาลคู่ขนาน" ทั้งสองจักรวาลซึ่งมีการจัดพิมพ์ในช่วงปี ค.ศ. 1960 และ ค.ศ. 1989 โดยฝีมือของนักเขียนการ์ตูนหลายๆคน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ ชาติกำเนิด ถิ่นที่อยู่ และ นิสัยใจคอ ของตัวละครเปลี่ยนแปลงไปด้วย มีผลงานมากมายที่ได้คิดบุคลิกขึ้นมาใหม่ให้กับซูเปอร์แมน ยกตัวอย่างเช่น ผลงานที่ชื่อว่า "เดอะ เดธออฟซูเปอร์แมน" ซึ่งซูเปอร์แมนได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาหลังจากได้ตายไปแล้วในสภาพที่มีถึง 4 บุคลิก จากนั้นแต่ละบุคลิกได้ทำการต่อสู้กันเพื่อพิสูจน์ว่าใครเหมาะสมที่จะได้เป็นซูเปอร์แมน[79] นอกเหนือจากนี้ ในกรณีของตัวละคร ไบซาร์โร่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาในปี ค.ศ. 1958 ก็เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อล้อเลียนซูเปอร์แมน [80] สมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวของซูเปอร์แมนนั้นก็จะมีคำว่า "ซูเปอร์" นำหน้าชื่ออยู่เสมอ เช่น ซูเปอร์เกิร์ล, ซูเปอร์ด๊อก และ ซูเปอร์วูแมน นอกจากผลงานของสำนักพิมพ์ดีซี นักเขียนชาวเยอรมัน "อูเบอร์เมนไช" ก็โด่งดังจากผลงานที่นำบุคลิกของซูเปอรแมนมานำเสนอในรูปแบบใหม่ ซึ่งการนำแนวคิดเกี่ยวกับซูเปอร์แมนมาใช้ในผลงานต่างๆก็ยังมีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เช่น ผลงานของ รอย โธมัส ที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ มาร์เวล คอมิคส์' ตัวละครที่ชื่อว่าไฮเพอร์เรี่ยน นั้นก็ได้แนวคิดมาจาก ซูเปอร์แมน[81][82][83][84]

พลังและความสามารถ

พลังและความสามารถของซูเปอร์แมนนั้นเป็นต้นแบบให้กับซูเปอร์ฮีโรต่างๆมากมาย ซูเปอร์แมนนั้นมีความสามารถหลายอย่าง จะเห็นได้จากประโยคที่ว่า "รวดเร็วกว่ากระสุนปืน ทรงพลังยิ่งกว่าหัวรถจักร และสามารถกระโดดข้ามตึกสูงระฟ้าได้อย่างสบาย" ซึ่งกล่าวโดย เจย์ มอร์ตัน ถูกนำมาใช้ครั้งแรกใน ซูเปอร์แมน โดยเป็นการออกอากาศทางวิทยุ และ ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องสั้นของ แมกซ์ เฟล๊ชเชอร์ ในช่วง ค.ศ. 1940[85] รวมถึงละครโทรทัศน์ในช่วง ค.ศ 1950 ซูเปอร์แมนจะปรากฏตัวพร้อมกับพลังต่างๆซึ่งมีมากมาย เช่น การบิน, ความแข็งแกร่งขั้นสุดยอด, ร่างกายคงกระพัน ซึ่งไม่มีเวทมนตร์ใดๆสามารถทำร้ายได้, ความเร็วเหนือเสียง, พลังจากดวงตา (เช่น เอ็กซ์-เรย์, การปล่อยรังสีความร้อน, สามารถมองเห็นจากระยะไกล, ยิงเลเซอร์สีแดง, และสามารถมองเห็นสิ่งที่มีขนาดเล็กมากๆ),พลังแห่งการฟัง, และ พลังการหายใจ ที่สามารถทำให้สภาพอากาศเยือกแข็งได้ รวมถึง สามารถเป่าสิ่งต่างๆได้ด้วยลมที่มีความเร็วสูง [86]

ตามเนื้อเรื่องนั้นซูเปอร์แมนจะมีนิยามจำกัดความในพลังของตัวเอง เช่น มีพละกำลังเหนือมนุษย์ที่สามารถยกรถขึ้นมาได้, สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงและกระโดดได้ไกลถึง 8 ไมล์ และ มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งที่แม้แต่ลูกปืนใหญ่ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้[86] โดยชีเกล และ ชูสเตอร์ได้เปรียบเทียบความแข็งแกร่งและการกระโดดของซูเปอร์แมนว่าเหมือนกับมดและตั๊กแตน ในตอนที่ซูเปอร์แมนถูกนำมาทำเป็นตัวการ์ตูน สองพี่น้อง เฟลิสเชอร์ บราส์เธอร์ เจอปัญหาออกแบบท่าเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการกระโดดไกลของซูเปอร์แมนในการทำภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องสั้นจึงได้ทำการร้องขอไปยัง ดีซีคอมิกส์ ว่าให้เปลี่ยนความสามารถนี้เป็นการบินแทน ซึ่งน่าจะเป็นอีกทางเลือกให้กับ คลาร์ก เค้นท์ ตัวเอกของเรื่องสามารถเคลื่อนย้ายไปยังที่ต่างๆได้รวดเร็วยิ่งขึ้น [87] ในยุค ซิลเวอร์ เอจ นักเขียนหลายๆคน พยายามเพิ่มความสามารถต่างๆเข้าไปให้กับซูเปอร์แมน เช่น ซูเปอร์แมนนั้นสามารถบินออกไปนอกโลก เพื่อทำการติดต่อไปยังดวงดาวที่อยู่ต่างกาแลคซี่ออกไปได้ [86] ซูเปอร์แมนนั้นบินออกไปในชั้นบรรยากาศอยู่บ่อยครั้งเพื่อปกป้องโลกจากการพุ่งชนของดาวตก หรือไม่ก็เป็นการผ่อนคลายตัวเองจากความเครียด นักเขียนหลายๆคนพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะวาดเรื่องราวของซูเปอร์แมนโดยให้ตัวละครนั้นสามารถพัฒนาความสามารถได้อยู่ตลอดเวลา [88] ดังนั้นทาง ดีซี จึงได้ทดลองจัดทำเนื้อเรื่องที่กำหนดความสามารถที่แน่นอนของซูเปอร์แมนไว้ โดยเริ่มจากผลงานของผลงานที่ถูกนำกลับมาทำใหม่ ในปีค.ศ. 1986 ของ จอห์น ไบรอัน ที่ได้กำหนดความสามารถที่แน่นอนของซูเปอร์แมนเอาไว้ โดยซูเปอร์แมนนั้นสามารถทนทานต่อนิวเคลียร์ต่างๆ และการบินในอวกาศนั้นถูกกำหนดโดยความสามารถในการกลั้นหายใจของซูเปอร์แมน [89] หลังจากนั้นไม่นานพลังความสามารถของซูเปอร์แมนก็ได้ถูกเพิ่มเติมเข้าไปอีกครั้ง โดยครั้งนี้ซูเปอร์แมนนั้นสามารถย้ายภูเขาทั้งลูกได้, สามารถต้านทานพลังนิวเคลียร์ได้, สามารถบินไปยังดวงอาทิตย์โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ, และสามารถอยู่ในห้วงจักรวาลได้โดยไม่จำเป็นต้องหายใจ

สาเหตุที่ทำให้ซูเปอร์แมนนั้นมีพลังอันมหาศาล ได้มีการแก้ไขอยู่หลายครั้ง จากเรื่องราวดั้งเดิมความสามารถทั้งหมดของซูเปอร์แมนนั้นถูกถ่ายทอดมาจากชาวคริปตันซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่ามนุษย์โลก[70] ซึ่งภายหลังได้มีการแก้ไขให้เป็น เพราะแรงโน้มถ่วงของดาวคริปตันที่มีมากกว่าโลกจึงส่งผลให้ซูเปอร์แมนนั้นมีพลังมหาศาลเมื่ออยู่บนโลก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเนื้อเรื่องของ จอห์น คาร์เตอร์ผลงานของเอ็ดการ์ ไรซ์ เบอร์โรส์ ถ้าซูเปอร์แมนนั้นมีพลังอันมหาศาลนั่นก็หมายความว่าชาวคริปตันคนอื่นๆก็จะมีพลังเช่นเดียวกันกับซูเปอร์แมน ส่งผลให้นักเขียนหลายๆคนประสบปัญหาในการดำเนินเนื้อเรื่อง จึงได้ทำการแต่งเนื้อเรื่องเพิ่มเข้าไปว่าซูเปอร์แมนนั้นคือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการระเบิดของดาวคริปตัน จากเนื้อเรื่องดังกล่าวทำให้นักเขียนได้กำหนดให้ชาวคริปตัน คือ ผู้ซึ่งมีพลังอันมหาศาลภายใต้แสงสาดส่องจากดวงอาทิตย์ โดยอาศัยอยู่บนดวงดาวที่เปล่งประกายสีแดง [90]

ซูเปอร์แมนนั้นจะมีอาการแพ้ต่อหิน คริปโตไนท์ สีเขียวอย่างรุนแรง คริปโตไนท์นั้นก็คือสะเก็ดหินที่แปรสภาพมาจากกัมมันตรังสีของขุมพลังที่เข้าทำลายดาว คริปตัน ดาวบ้านเกิดของซูเปอร์แมน คริปโตไนท์สีเขียวจะทำให้ซูเปอร์แมนนั้นรู้สึกเจ็บปวด หมดเรี่ยวแรง วิงเวียน และ ไม่สามารถใช้พลังได้ ซึ่งถ้าได้รับในปริมาณที่มากอาจส่งผลถึงขั้นเสียชีวิต สิ่งเดียวบนโลกที่สามารถปกป้องซูเปอร์แมนจากรังสีคริปโตไนท์สีเขียวนั่นก็ คือ แผ่นตะกั่ว ซึ่งตะกั่วยังเป็นสิ่งเดียวที่สายตาเอ็กซ์-เรย์ของซูเปอร์แมนไม่สามารถมองทะลุผ่านได้ คริปโตไนท์ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกปีค.ศ.1943 ใน[เนื้อเรื่อง]]ของซีรีส์ทางวิทยุโดย บัด คอลล์เยอร์[68] แม้เนื้อเรื่องในภายหลังเหล่านักเขียนจะสร้างหินคริปโตไนท์สีต่างๆขึ้นมามากมาย เช่น แดง, ทอง, น้ำเงิน, ขาว และ ดำ โดยแต่ละสีก็มีผลที่แตกต่างกันออกไป แต่หินคริปโตไนท์สีเขียวก็ยังคงเป็นหินที่มีความสำคัญมากที่สุดในเนื้อเรื่องของซูเปอร์แมน [91]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ซูเปอร์แมน http://www.amazon.com/Bird-Plane-Superman-Original... http://www.azreporter.com/entertainment/television... http://www.bartleby.com/61/ http://www.blackwell-synergy.com/doi/abs/10.1111/1... http://www.blackwell-synergy.com/doi/full/10.1111/... http://www.cbgxtra.com/default.aspx?tabid=42&view=... http://www.citybeat.com/cincinnati/article-20359-t... http://www.cnn.com/SPECIALS/2002/emmys/print.ballo... http://www.comicbookdb.com/character.php?ID=190 http://www.comicbookdb.com/character.php?ID=296