การเขียนเพลง ของ ดูกี

เนื้อหาส่วนใหญ่ของอัลบัมนี้แต่งโดยอาร์มสตรอง เว้นเพลง "อีเมเนียสสลีปัส" (Emenius Sleepus) ที่แต่งโดยมือเบสของวง ไมก์ เดินต์ และเพลงซ่อน "ออลบายมายเซลฟ์" (All by Myself) ที่ประพันธ์ทำนองและเนื้อเพลงโดยมือกลอง เทร คูล อัลบัมเกี่ยวพันกับประสบการณ์ที่หลากหลายของสมาชิกวง และมีเนื้อหาอย่างเรื่อง ความวิตกกังวล อาการแพนิกกำเริบ การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง รสนิยมทางเพศ ความเบื่อหน่าย การสังหารหมู่ การหย่า และอดีตเพื่อนสาว[11]

เพลงที่ 1–7

อาร์มสตรองเขียนเพลง "แฮฟวิงอะบลาสต์" (Having a Blast) ตอนเขาอยู่ที่คลีฟแลนด์ในปี 1992[16] ซิงเกิล "ลองวิว" มีเส้นเบสที่เป็นลายเซ็นโดยมือเบส เดินต์แต่งขณะอยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลเอสดี[17] "เวลคัมทูพาราไดส์" ซิงเกิลที่ 2 ของ ดูกี เดิมทีบรรจุอยู่ในสตูดิโออัลบัมชุด 2 เคอร์พลังก์ เพลงได้รับการบันทึกเสียงใหม่โดยลดเสียงแตกเพื่อบรรจุในอัลบัม ดูกี[10] เพลงนี้ไม่เคยมีมิวสิกวิดีโออย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ดีมีการนำใช้ภาพแสดงสดของเพลงนี้มาใช้เป็นมิวสิกวิดีโอบ่อยครั้ง วิดีโอนี้มีอยู่ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกรีนเดย์[18]

ซิงเกิลฮิต "บาสเกตเคส" ติดบนชาร์ตซิงเกิลทั่วโลกหลายชาร์ต[19][20] เป็นเพลงได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องส่วนตัวของอาร์มสตรอง เพลงพูดถึงภาวะวิตกกังวลของอาร์มสตรองและความรู้สึก "บ้า" ก่อนที่จะหาสาเหตุของโรคตื่นตระหนกนี้ได้[15] ท่อนเวิร์สที่ 3 "บาสเกตเคส" เอ่ยถึง การค้าประเวณีชาย อาร์มสตรองกล่าวว่า "ผมต้องการท้าทายตัวเองหรือคนฟังใครก็ตามที่อาจจะเป็นเช่นนี้ เหมือนเป็นการมองดูที่โลกใบนี้แล้วพูดว่า 'มันไม่ดำและไม่ขาวอย่างที่คุณคิด นี่ไม่ใช่คุณตัวของปู่คุณ หรืออาจจะเป็นก็ได้'"[21] มิวสิกวิดีโอถ่ายทำที่สถาบันด้านจิตที่ทิ้งร้าง เพลงนี้ถือเป็นหนึ่งในเพลงที่ได้รับความนิยมที่สุดของวง[22]

เพลงที่ 8–14

ซิงเกิลเฉพาะทางวิทยุ "ชี" แต่งโดยอาร์มสตรอง มีเรื่องราวเกี่ยวกับแฟนเก่าที่ได้แสดงบทกวีแนวนิยมสตรีที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อเพลงเขา[15] เพื่อเป็นการตอบกลับ อาร์มสตรองจึงได้แต่งเนื้อเพลง "ชี" แล้วแสดงให้เธอเห็น[15] ต่อมาเธอย้ายไปยังเอกวาดอร์ นั่นกระตุ้นให้อาร์มสตรองใส่เพลง "ชี" ไว้ในอัลบัม แฟนเก่าคนนี้ยังได้รับการเอ่ยถึงในเพลง "ซัสซาฟรัสรูตส์" (Sassafras Roots) และ "ชัมป์" (Chump) อีกด้วย[15]

ซิงเกิลสุดท้าย "เวนไอคัมอะราวด์" ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้หญิง แต่ครั้งนี้เกี่ยวกับภรรยาเก่าของอาร์มสตรอง เอเดรียน หลังจากที่ทั้งคู่ได้ทะเลาะกัน อาร์มสตรองได้ทิ้งเอเรียนมาอยู่คนเดียวในบางครั้ง[10] มิวสิกวิดีโอมีสมาชิกวง 3 คน เดินไปมาในยามค่ำคืนที่เบิร์กลีย์ และซานฟรานซิสโก จนตอนจบกลับมายังสถานที่เดิม สมาชิกในภายภาคหน้าของวงกรีนเดย์ เจสัน ไวต์ ปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอนี้ด้วยกับแฟนสาวเขาตอนนั้น[11] เพลงนี้เป็นซิงเกิลแรกของวงที่ติดท็อป 10 โดยติดอันดับ 6 บนชาร์ตฮอต 100 แอร์เพลย์ และขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตมอเดิร์นร็อกแทร็กส์เป็นเวลา 7 อาทิตย์ (นานกว่า "บาสเกตเคส" 2 อาทิตย์) ยังขึ้นอันดับ 2 ทั้งชาร์ตเมนสตรีมร็อก และเมนสตรีมท็อป 40 เพลง "คัมมิงคลีน" (Coming Clean) พูดเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องรักร่วมสองเพศของเขาเมื่อตอนอายุ 16 และ 17 ปี[23] ในการสัมภาษณ์กับนิตยสาร ดิแอดโวเคต เขากล่าวว่า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีความสัมพันธ์กับผู้ชาย แต่เพศสภาพของเขา "เป็นอะไรที่เขาต้องต่อสู้กับตัวเอง" บิลลี โจ อาร์มสตรอง เขียนเพลง "อินดิเอนด์" (In the End) ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของเขาและสามีของเธอ เขาพูดไว้ว่า "เพลงนี้เกี่ยวกับสามีของแม่ผม เพลงนี้ค่อนข้างไม่เกี่ยวกับผู้หญิง หรือใครบางคนที่ไม่เกี่ยวกับผมโดยตรงในด้านความสัมพันธ์ อินดิเอนด์จึงเป็นเรื่องราวของแม่ผม"[24]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ดูกี http://www.capif.org.ar/Default.asp?PerDesde_MM=0&... http://www.ifpi.at/?section%3Dgoldplatin http://www.aria.com.au/pages/httpwww.aria.com.aupa... http://www.collectionscanada.gc.ca/rpm/028020-119.... http://www.collectionscanada.gc.ca/rpm/028020-119.... http://www.collectionscanada.gc.ca/rpm/028020-119.... http://90srock.about.com/od/Reviews/fl/The-Offspri... http://top40.about.com/od/artistsdk/gr/greendaydoo... http://www.advocate.com/html/stories/822/822_green... http://allmusic.com/cg/amg.dll?p=amg&sql=green-day...