ธนบัตร
ธนบัตร

ธนบัตร

ธนบัตร เป็นสิ่งที่เป็นตัวแทนในการแลกเปลี่ยน ซึ่งสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ธนบัตรจะใช้ควบคู่ไปกับเหรียญกษาปณ์ แต่โดยทั่วไปแล้วธนบัตรมักใช้สำหรับเงินจำนวนมาก ส่วนเหรียญกษาปณ์ใช้กับเงินจำนวนน้อย หรือเศษสตางค์ในสมัยก่อน ค่าของเงินจะวัดโดยวัตถุที่นำมาใช้เป็นเงิน เช่น เบี้ย, เงิน หรือ ทอง แต่การถือวัตถุมีค่าเหล่านี้ออกไปจำนวนมากย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สะดวกและเป็นอันตราย จึงใช้ธนบัตรเพื่อเป็นสื่อแลกเปลี่ยนแทน ธนบัตรเป็นเหมือนสัญญาว่าจะให้เงินไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งภายหลังสามารถนำไปแลกคืนเป็นเงินหรือทองได้ ภายหลังจึงเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อสิ่งของและบริการ ไม่ต้องแลกเป็นเงินหรือทองอีกการใช้ธนบัตรแทนเงินแท่งและทองคำธนบัตรฉบับแรกในประวัติศาสตร์การเงินของโลก ฮ่องเต้ซ่งไท่จู่หรือจ้าวกวนยิ่น 宋太祖趙匡胤 ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ซ่งเหนือ 北宋(ค.ศ.927-976)มีรับสั่งให้เรียกคืนเงินตราโลหะ เงินและทองคำ แล้วให้ผลิตเงินตราที่ทำด้วยเหล็กหล่อทดแทน และทรงห้ามนำเข้าเงินตราประเภททองแดง เงินโลหะเหล็ก กลายเป็นสิ่งที่ซื้อขายแลกเปลื่ยนสินค้าในตลาดได้ แต่เงินตราเหล็กหล่อดังกล่าวมีน้ำหนักมากและมีอัตราแลกเปลื่ยน 1000 เหวิน ต่อ น้ำหนักโลหะเหล็ก 25 กก. แต่พกติดตัวไม่สะดวก ในการซื้อขายสิ้นค้าถึงกับต้องใช้รถม้าบรรทุก จึงเกิดสำนักงาน รับฝากเงินตราโลหะที่เรียกว่าเจี้ยวจื่อปู้ “交子铺" ขึ้น เพื่อบริการบรรดาพ่อค้าที่ต้องพกพาเงินจำนวนมาก ๆ ที่รับฝากนี้จะออกใบรับฝากเงินให้ที่เรียกว่า ตั๋วเงิน ตั๋วเงินนี้ แรกเริ่มเป็นเอกสารรับฝากเงิน โดยระบุจำนวนเงินฝากไว้บนหน้าตั๋วเมื่อผู้ทรงตั๋วเงินมาเบิกเงินจะถูกคิดค่าธรรมนเนียมฝากเงินอัตราร้อยละ 3. ที่เมืองเฉินตู เมืองเอกของมณฑลเสฉวน ปรากฏมีการใช้ธนบัตรกระดาษขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเงินตราโลก มีชื่อเรียกว่าเจียวจื่อ (交子, jiāozǐ) ในขณะที่ระบบซื้อขายกันในตลาด ยังมีการใช้ เงินตรา ที่เป็นโลหะอยู่ ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนักสะสมเงินตรายอมรับและถือว่าเจียวจื่อ (交子) นี้เป็นธนบัตรกระดาษรุ่นแรกที่สุดในประวัติศาสตร์เงินตรา ภายหลังจากที่ราชสำนักซ่งได้ก่อตั้งหน่วยงานเจียวจื่อ (交子)ขึ้นแล้ว ก็มีการออกธนบัตรใช้เหมือนกัน ธนบัตรเจี้ยวจื่อจึงมี 2 ประเภทคือ ธนบัตรราชการ “官交子” เป็นธนบัตรที่พิมพ์ออกใช้โดยราชสำนักซ่ง ภายใต้การกำกับของหน่วยงานจัดการธนบัตรในราชสำนัก และ อีกชนิดหนึ่งคือ ธนบัตรเอกชน “私交子”เป็นธนบัตรที่นิยมใช้ในหมู่ราษฎร