ประวัติศาสตร์ ของ นกอัลบาทรอส

การสังเกตการณ์

ภาพนกอัลบาทรอสในวารสาร "O Panorama" ในปี ค.ศ. 1837

นกอัลบาทรอสปรากฏอยู่ในศิลปะ บทกวี และวรรณกรรมหลายเรื่องในสมัยก่อน โดยส่วนมากนกอัลบาทรอสจะถูกสังเกตโดยกะลาสีเรือ โดยในปี ค.ศ. 1593 ริชาร์ด ฮอว์กินส์ ได้อธิบายการเห็นนกทะเลชนิดหนึ่งในการเดินทางของเขาว่า เขาได้เห็นหงส์หลายตัว มีรูปร่างใหญ่ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และบินไปไกลประมาณ 2 ฟาทอม ต่อมาในปี ค.ศ. 1672 จอห์น ไฟรเออร์ ได้บันทึกเกี่ยวกับนกอัลบาทรอสที่มีชื่อบันทึกว่า "albetrosses" ในระหว่างการเดินทางไปยังประเทศอินเดียว่า "เราได้พบกับประกาศกแห่งคาบสมุทรผู้ซึ่งล้วนแล้วไปด้วยขน...พวกอัลบาทรอส สัตว์เหล่านี้มีร่างกายอันใหญ่โต แต่ก็ยังไม่เท่าปีกของพวกมันซึ่งเมื่อกางแล้วจักทวีความยาวขึ้นเป็นสองเท่า" และต่อมาในปี ค.ศ. 1747 จอร์จ เอ็ดเวิร์ด นักประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนก ได้วาดภาพนกอัลบาทรอสที่ถูกต้องตามลักษณะ[7]

ตำนาน

ในปี ค.ศ. 1798 แซมมวล เทย์เลอร์ คอเลริดจ์ ได้ประพันธ์และตีพิมพ์ บทกวีของกะลาสีชรา แต่โคเลอริดจ์เองก็ไม่เคยเห็นนกอัลบาทรอสมาก่อน ในบทกวีกล่าวถึงนกอัลบาทรอสใจอารีที่ช่วยโบกลมให้เรือแล่น แต่เมื่อกะลาสีคนหนึ่งฆ่านกตายโดยไม่ทันคิด กะลาสีคนอื่น ๆ ก็หวาดกลัวได้ลงโทษกะลาสีคนนั้นด้วยการเอาซากนกแขวนไว้รอบคอเขา จากบทกวีนี้ได้สร้างความเชื่อที่ว่า การฆ่านกอัลบาทรอสจะนำความโชคร้ายมาให้ แต่ในความเป็นจริงกะลาสีเรือชาวอังกฤษฆ่าและกินเนื้อนกอัลบาทรอสอยู่เป็นประจำ รวมทั้งไข่นกด้วย ที่มีขนาดใหญ่กว่าไข่ห่าน น้ำหนักได้ถึงครึ่งกิโลกรัม กล่าวกันว่ามีรสชาติอร่อย แถมยังเอากระดูกมาทำกล้องยาสูบและเอาเท้ามาทำกระเป๋าเงินอีกด้วย[3][7]

แหล่งที่มา

WikiPedia: นกอัลบาทรอส http://www.acap.aq/ http://explore2013.blogspot.com/2012/11/albatross.... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/12596/al... http://edition.cnn.com/2005/WORLD/europe/09/01/dia... http://news.discovery.com/animals/birds-flying-fas... http://funny.hunsa.com/article/93257/%E0%B8%99%E0%... http://ibc.lynxeds.com/family/albatrosses-diomedei... http://www.nationalgeographic.com/search/?frontend... http://www.nextsteptv.com/?p=1432 http://www.ryt9.com/s/bmnd/864170