อันตราย ของ น้ำมันปลา

งานปริทัศน์เป็นระบบปี 2013 สรุปว่า โอกาสเกิดปัญหาในผู้สูงอายุที่ทานน้ำมันปลา อย่างแย่ที่สุดก็เพียงน้อยจนถึงปานกลาง และไม่น่าจะมีนัยสำคัญทางคลินิก[55]

การทานมากสุด

องค์กรอาหารและยาสหรัฐแนะนำไม่ให้ผู้บริโภคทาน EPA และ DHA รวมกันเกิน 3 กรัมต่อวัน โดยไม่ควรได้เกิน 2 กรัมจากอาหารเสริม[56]แต่นี่ก็ไม่ได้เท่ากับน้ำมันปลา 3,000 มก.ยาขนาด 1,000 mg ปกติจะมีกรดไขมันโอเมกา-3 แค่ 300 มก.ยา 10 เม็ดจึงจะมีกรดไขมันโอเมกา-3 ถึง 3,000 มก.แต่ตามองค์การความปลอดภัยอาหารยุโรป (EFSA) อาหารเสริมที่มี EPA และ DHA รวมกัน 5 กรัมไม่สร้างปัญหาความปลอดภัยแก่ผู้ใหญ่[57]

งานศึกษาปี 1987 พบว่า ชาวอินูอิต (Inuits) ในกรีนแลนด์ที่มีสุขภาพดีได้ EPA โดยเฉลี่ย 5.7 กรัมต่อวัน ซึ่งมีผลหลายอย่างรวมทั้งเลือดออกนาน คือเลือดจับเป็นลิ่มช้า[58]

วิตามิน

ตับและผลิตภัณฑ์ตับ (เช่น น้ำมันปลาคอด) ของปลาและสัตว์หลายอย่างอื่น ๆ (เช่น แมวน้ำและวาฬ) มีกรดไขมันโอเมกา-3 แต่ก็มีวิตามินเอในรูปแบบที่มีฤทธิ์ด้วยและในระดับสูง วิตามินในรูปแบบนี้อาจมีอันตราย (เป็นภาวะวิตามินเอเกิน [Hypervitaminosis A])[59]

สารพิษปนเปื้อน

ผู้บริโภคปลาไขมันสูงควรรู้ถึงโอกาสการมีโลหะหนักและมลพิษที่ละลายในไขมันได้ เช่น PCB และ dioxin ซึ่งจะสะสมแบบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามขึ้นโซ่อาหาร (เป็นกระบวนการ biomagnification)หลังจากทบทวนเป็นการใหญ่ นักวิจัยจากคณะสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รายงานในวารสารแพทย์ JAMA ว่า ประโยชน์ที่ได้จากปลามีน้ำหนักยิ่งกว่าโอกาสเสี่ยงมาก

อาหารเสริมคือน้ำมันปลาตกเป็นปัญหาในปี 2006 เมื่อสำนักงานมาตรฐานอาหาร (Food Standards Agency) แห่งสหราชอาณาจักร และองค์การความปลอดภัยอาหารแห่งไอร์แลนด์ (Food Safety Authority of Ireland) ได้รายงานระดับ PCB ในน้ำมันปลาหลายยี่ห้อที่เกินจุดจำกัดสูงสุดของยุโรป[60][61]ซึ่งทำให้บริษัทต้องเรียกคืนสินค้าเพื่อแก้ปัญหาความปนเปื้อนน้ำมันปลาที่เป็นอาหารเสริม บริษัท Nutrasource Diagnostics จึงได้เริ่มโปรแกรมมาตรฐานน้ำมันปลานานาชาติ (IFOS) ซึ่งเป็นโปรแกรมทดสอบและรับรองผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาโดยบุคคลภายนอกภายในรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา[62]

ในปี 2010 กลุ่มสิ่งแวดล้อมแคลิฟอร์เนียได้ฟ้องศาลว่า อาหารเสริมเป็นน้ำมันปลา 8 ยี่ห้อมีระดับ PCB เกิน (รวมยี่ห้อ CVS/pharmacy, Nature Made, Rite Aid, GNC, Solgar, Twinlab, Now Health, Omega Protein และ Pharmavite)โดยส่วนมากเป็นน้ำมันตับปลาคอดหรือปลาฉลามโจทก์ร่วมฟ้องได้อ้างว่า เพราะตับเป็นอวัยวะขับกรองและล้างพิษหลัก ปริมาณ PCB ในน้ำมันตับจึงสูงกว่าในน้ำมันที่แปรรูปมาจากปลาทั้งตัว[63][64]

งานวิเคราะห์ที่ได้ข้อมูลจากงานศึกษา Norwegian Women and Cancer Study (NOWAC) เกี่ยวกับอันตรายของการได้สารมลพิษอินทรีย์ที่คงยืน (persistent organic pollutant, POP) ในตับปลาคอดได้สรุปว่า ในหญิงชาวนอร์เวย์ การบริโภคตับปลาไม่สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่สูงขึ้นของมะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ตรงกันข้ามกลับพบว่า ความเสี่ยงมะเร็งทั้งหมดลดลง[65]

คณะแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ศึกษาน้ำมันปลาที่นิยม 5 ยี่ห้อรวมทั้ง Nordic Ultimate, Kirkland และ CVS แล้วรายงานในปี 2003 ว่า ยี่ห้อทั้งหมดมี "ปริมาณปรอทที่น้อยมาก ซึ่งแสดงว่าได้กำจัดปรอทเมื่อผลิตน้ำมันปลาบริสุทธิ์ หรือปลาซึ่งเป็นแหล่งที่ใช้ในการแปรรูปทางพาณิชย์เหล่านี้ค่อนข้างปลอดปรอท"[66]

น้ำมันสาหร่ายเซลล์เดียว (Microalgae/Microphyte) อาจใช้แทนน้ำมันปลาสำหรับผู้ทานอาหารปลอดเนื้อสัตว์อาหารเสริมที่ได้มาจากสาหร่ายเซลล์เดียวมีอัตราส่วนกรดไขมันโอเมกา-3 เช่นเดียวกับน้ำมันปลาแต่ก็เสี่ยงมีมลพิษน้อยลง[67]

แหล่งที่มา

WikiPedia: น้ำมันปลา http://www.nutrasource.ca/ifos/ http://www.consumerlab.com/news/fish_oil_supplemen... http://www.consumerlab.com/results/index.asp http://www.fatsoflife.com http://www.foodproductiondaily.com/news/ng.asp?n=6... http://abcnews.go.com/GMA/ConsumerNews/truth-fish-... http://www.ifosprogram.com/IFOS/default.aspx http://archinte.jamanetwork.com/article.aspx?artic... http://well.blogs.nytimes.com/2015/03/30/fish-oil-... http://www.omega-3centre.com/sources_long_chain.ht...