ความเสี่ยงต่อโรคและการตั้งครรภ์ ของ น้ำหล่อลื่น

งานวิจัยต่าง ๆ พบเชื้อเอชไอวี (HIV) ในน้ำหล่อลื่นของชายผู้มีเชื้อโดยมาก[1][9][10] และการติดเชื้อเอชไอวีนั้น สามารถนำไปสู่โรคเอดส์

ความเชื่อสามัญที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 เพราะอาศัยงานวิจัยของทีมนักวิจัยทางเพศที่มีชื่อเสียงคือมาสเตอร์และจอห์นสัน[11] ก็คือ น้ำหล่อลื่นอาจมีตัวอสุจิที่สามารถให้เกิดตั้งครรภ์ได้และมีการใช้ความเชื่อนี้เป็นฐานในการไม่ให้ใช้การดึงออก (ก่อนการหลั่งน้ำอสุจิ) เป็นวิธีคุมกำเนิดแต่ว่า ก็มีงานวิจัยบางงานที่พบว่า การดึงออกมีผลสำเร็จเท่ากับถุงยางอนามัยในการป้องกันการตั้งครรภ์[12] มีงานวิจัยงานเล็ก ๆ หลายงาน (ได้ตัวอย่างจากชายตั้งแต่ 4 ถึง 23 คน)[5] ที่สรุปว่า ไม่มีตัวอสุจิและดังนั้น น้ำหล่อลื่นจึงไม่มีผลในการให้เกิดตั้งครรภ์[1][2][3][4]

แต่ว่า มีข้อจำกัดสำคัญในงานวิจัยเหล่านั้นคือ การวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำหล่อลื่นได้ทำหลัง 2 นาที "วิกฤติ" ที่หลั่งออกมา คือว่า การหาตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวได้ในน้ำหล่อลื่นที่มีปริมาณเพียงเล็กน้อยที่แห้งผ่าน 2 นาทีไปแล้วด้วยกล้องจุลทรรศน์ เป็นสิ่งที่ "ทำได้ยากยิ่ง"[5] ดังนั้น ในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2011 นักวิจัยกลุ่มหนึ่งได้รวบรวมอาสาสมัครชาย 27 คน เพื่อวิเคราะห์น้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกภายใน 2 นาทีและพบว่า ชาย 11 คนใน 27 คน (41%) มีตัวอสุจิและใน 10 คน (37%) มีตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวได้ "มีจำนวนพอสมควร"(คือตั้งแต่ 1 ล้านจนถึง 35 ล้านตัว)[5] เพื่อการเปรียบเทียบ มีงานวิจัยหนึ่งที่พบว่า ในจำนวนคู่ครองที่ตั้งครรภ์ภายใน 1 ปีหลังเริ่มพยายาม มีเพียง 2.5% เท่านั้นที่ฝ่ายชายมีจำนวนตัวอสุจิ (ต่อการหลั่งแต่ละครั้ง) น้อยกว่า 23 ล้านตัวหรือน้อยกว่านั้น[13] ถึงกระนั้น จำนวนตัวอสุจิทั้งหมด (เหมือนกับคุณสมบัติหรือค่าวัดอื่น ๆ ของน้ำอสุจิและตัวอสุจิ)ไม่ใช่เป็นตัวพยากรณ์ที่ดีว่า ใครมีโอกาสเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์[14]

เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า การปัสสาวะหลังจากการหลั่งน้ำอสุจิจะล้างท่อปัสสาวะกำจัดตัวอสุจิที่เหลือ[15] ดังนั้น ผู้ที่รับการทดลองในงานวิจัยในปี ค.ศ. 2011 ที่มีตัวอสุจิในน้ำหล่อลื่นก็ได้ทำการปัสสาวะ (บางครั้งมากกว่าหนึ่งครั้ง) ก่อนที่จะหลั่งน้ำหล่อลื่นเพื่อการวิเคราะห์ (แต่ก็ยังพบตัวอสุจิ)[5] แต่ว่า มีประเด็น 2 ข้อที่ควรพิจารณาประเด็นแรกก็คือ นักวิจัยเสนอว่า ชายบางคนอาจจะขับตัวอสุจิไปผสมกับน้ำหล่อลื่น(แม้ว่า นักวิจัยจะไม่ได้เสนอกระบวนการที่จะให้เกิดการณ์นี้ได้)และประเด็นที่สองก็คือ นักวิจัยยอมรับว่า จริง ๆ แล้ว ผู้รับการทดลองบางคนอาจจะส่งตัวอย่างน้ำอสุจิ (ไม่ใช่น้ำหล่อลื่น)เพราะอายว่า ไม่สามารถผลิตน้ำหล่อลื่นออกมาให้เป็นตัวอย่าง[5]

แหล่งที่มา

WikiPedia: น้ำหล่อลื่น http://informahealthcare.com/doi/abs/10.3109/14647... http://www.plannedparenthood.com/health-topics/bir... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1440560 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3564677 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11364482 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12286905 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/12762415 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/1360583 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/1360584 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15811067