เมนูนำทาง
น้ำอสุจิ มุมมองทางกายภาพขึ้นอยู่กับสัตว์แต่ละสปีชีส์ ตัวอสุจิอาจจะผสมพันธุ์กับไข่ภายนอกหรือภายในในการผสมพันธุ์ภายนอก ตัวอสุจิจะผสมพันธุ์กับไข่ข้างนอกอวัยวะสืบพันธุ์ของตัวเมียตัวอย่างเช่น ปลา สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกตัวเมียวางไข่ภายในสิ่งแวดล้อมในน้ำและจะได้รับการผสมพันธุ์กับน้ำอสุจิของตัวผู้ในที่นั้น
ส่วนการผสมพันธุ์ภายในเกิดขึ้นภายในอวัยวะสืบพันธุ์ของตัวเมียซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวผู้ฉีดน้ำอสุจิเข้าในช่องคลอดของตัวเมียในระหว่างการร่วมเพศในสัตว์มีกระดูกสันหลังส่วนมาก รวมทั้ง สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ปีก ปลาที่ออกลูกเป็นตัว เช่น ปลาหางนกยูง หรือฉลาม และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอันดับโมโนทรีมการร่วมเพศเกิดที่ทวารร่วม (cloaca[3]) ของทั้งตัวผู้และตัวเมียแต่ในสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องและในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีรก การร่วมเพศจะเกิดขึ้นผ่านช่องคลอด
เพศชายจะเริ่มสร้างตัวอสุจิ ที่ผลิตภายในอัณฑะ ซึ่งอยู่ในถุงหุ้มอัณฑะภายนอกร่างกาย เพื่อรักษาอุณหภูมิให้ต่ำที่ 32 องศาเซลเซียส เพื่อมิให้อสุจิตาย ถุงหุ้มอัณฑะจำขยายเมื่อุณหภูมิสูงทำให้ห้อยยานลงเป็นการเพิ่มพื้นที่ผิวในการระบายความร้อน และหดตัวเล็กเมื่ออากาศหนาว ในท่อที่เรียกว่าหลอดสร้างตัวอสุจิ[4] (seminiferous tubule) เมื่ออายุประมาณ 12 ปี และจะสร้างไปจนตลอดชีวิต
ตัวอสุจิหรือสเปิร์ม ที่มีลักษณะคล้ายลูกอ๊อด ซึ่งเป็นตัวไปเจาะไข่ของเพศหญิงในกระบวนการปฏิสนธิ แบ่งโดยลักษณะออกเป็น 2 ส่วน คือ
เมื่อผู้ชายผ่านการเร้าอารมณ์ทางเพศมาในระดับที่สมควร การหลั่งน้ำอสุจิก็จะเริ่มขึ้นภายใต้การควบคุมของระบบประสาทซิมพาเทติก[5] คือ ตัวอสุจิจะวิ่งออกจากอัณฑะ (scrotum ดูรูป) ผ่านหลอดน้ำอสุจิ (vas deferens) เข้าผสมกับของเหลวจากต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle) และต่อมลูกหมาก (prostate gland) หลังจากนั้นจะวิ่งผ่านท่อฉีดอสุจิ (ejaculatory duct) ผสมน้ำหล่อลื่นจากต่อม bulbourethral gland (หรือต่อมคาวเปอร์) ประกอบกันเป็นน้ำอสุจิ พุ่งผ่านท่อปัสสาวะ ออกนอกกายทางปลายท่อปัสสาวะ (urethral openning) ขับออกโดยกล้ามเนื้อที่หดเกร็งเป็นจังหวะ[6] 6-8 ระรอกซึ่งมักพบว่า 8 ระรอกตามระยะบีบตัวของกล้ามเนื้อที่เกิดการกระตุ้นของกระแสประสาทและใช้เวลาในการพัก (action potential) ทำให้น้ำอสุจิหลั่งออกมา 8 ระรอก ซึ่งระรอกหลัง ๆ จะมีปริมาณน้อยลง
ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิเป็นตัวผลิตของเหลวข้น สีขาวนวล ซึ่งสมบูรณ์ไปด้วยฟรักโทสและองค์ประกอบอื่น ๆ รวมกันเป็นส่วนถึง 70% ของน้ำอสุจิทั้งหมด[7] ส่วนต่อมลูกหมาก ซึ่งอาศัยฮอร์โมนเพศชาย dihydrotestosterone ก็จะหลั่งน้ำ (ไม่เหนียว) ออกมาเป็นสีขาวหรือบางครั้งใสมีเอนไซม์ย่อยโปรตีน (proteolytic enzyme) กรดซิตริก (citric acid) เอนไซม์ phosphatase และลิพิด (ไขมัน) เป็นองค์ประกอบ[7] ส่วนต่อม bulbourethral glands หลั่งน้ำหล่อลื่นมีลักษณะใสออกมาในท่อปัสสาวะโดยตรง[8] โดยไม่เหมือนน้ำส่วนอื่นที่กล่าวมาแล้วซึ่งต้องอาศัยท่อผ่านต่อมลูกหมากเพื่อจะออกมาสู่ท่อปัสสาวะ (ดูรูป)
ค่าความเป็นกรดด่างของน้ำอสุจิ อยู่ที่ประมาณ 7.5 คือเป็นด่างเล็กน้อย หากมากกว่านี้ จะทำให้ตัวอสุจิตาย และเมื่อมีอุณหภูมิสูง จะทำให้เคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น ภายในมี Metabolic rate สูงขึ้น แต่ก็ทำให้ตัวอสุจิมีอายุน้อยลงด้วยเช่นกัน
แสดงลูกอัณฑะของมนุษย์ ป้าย A, B, C, D เน้นหลอดเก็บตัวอสุจิ (epididymis)การขับเคลื่อนตัวอสุจิออกจากอัณฑะเริ่มที่เซลล์ Sertoli ซึ่งพยาบาลรักษา spermatocyte อันเป็นชื่อของตัวอสุจิช่วงพัฒนาโดยเซลล์จะหลั่งน้ำออกมาภายในหลอดสร้างตัวอสุจิ (seminiferous tubule) ซึ่งช่วยนำพาตัวอสุจิไปในท่อส่งตัวอสุจิส่วนท่อ Efferent ducts ซึ่งมีเซลล์ลูกบาศก์ที่มี microvilli[9] และไลโซโซมก็จะเปลี่ยนน้ำในท่อโดยดูดซึมน้ำกลับเป็นบางส่วนเมื่อน้ำอสุจิไปถึงหลอดเก็บตัวอสุจิ (epididymis) เซลล์หลักในที่นั้น ซึ่งมีถุงพิโนไซโทซิส (pinocytotic vesicles[10]) อันแสดงถึงกระบวนการดูดซึมน้ำกลับก็จะหลั่งสารประกอบ glycerophosphocholine ซึ่งน่าจะมีหน้าที่ห้ามไม่ให้ capacitation[11] เกิดก่อนเวลาส่วนต่อมอื่น ๆ เช่นต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ ต่อมลูกหมาก และ bulbourethral glandเป็นอวัยวะที่ผลิดองค์ประกอบของน้ำอสุจิที่มีปริมาณมากที่สุด
พลาสมาของน้ำอสุจิ (Seminal plasma) ซึ่งหมายถึงน้ำอสุจิที่เหลือนอกจากตัวอสุจิ มีองค์ประกอบอินทรีย์และอนินทรีย์ที่ซับซ้อนมีหน้าที่ให้สารอาหารและเป็นสื่อป้องกันสำหรับตัวอสุจิที่กำลังเดินทางไปในช่องสืบพันธุ์ของหญิงสิ่งแวดล้อมโดยปกติของช่องคลอดจะเป็นปรปักษ์กับตัวอสุจิเพราะว่า มีฤทธิ์เป็นกรด (เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติที่ผลิดกรดแล็กติก) มีความเหนียว และมีการดูแลโดยเซลล์ภูมิคุ้มกันองค์ประกอบต่าง ๆ ของพลาสมาน้ำอสุจิเป็นส่วนที่ช่วยแก้ไขความเป็นปรปักษ์คือ สารประกอบอินทรีย์ (amine) มีฤทธิ์ด่างต่าง ๆ เช่น putrescine[12], spermidine[13] และ cadaverine[14]ทำให้น้ำอสุจิมีกลิ่นและมีรสชาติเช่นที่มันเป็นสารมีสภาพด่างเหล่านี้ เข้าไปแก้ความเป็นกรดในช่องคลอดและป้องกันดีเอ็นเอของตัวอสุจิจากการกัดกร่อนจากกรด
น้ำอสุจิมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์จากอวัยวะต่าง ๆ คือ
ต่อม | % (โดยประมาณ) | รายละเอียด |
อัณฑะ | 2–5% | ตัวอสุจิประมาณ 200-500 ล้านตัวเกิดที่ลูกอัณฑะ มีการปล่อยออกเมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิ แต่ถ้าชายคนนั้นได้ผ่านการตัดหลอดน้ำอสุจิ (vasectomy) ออกแล้ว (เพื่อประโยชน์ในการทำหมันเป็นต้น) น้ำอสุจิก็จะไม่มีตัวอสุจิ |
ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ | 65–75% | กรดอะมิโน, กรด citrate, เอนไซม์ต่าง ๆ, สารประกอบ flavins, น้ำตาลฟรักโทส (2–5 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร[15] ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของตัวอสุจิ ที่ต้องอาศัยน้ำตาลจากพลาสมาเพื่อพลังงานเพียงแหล่งเดียว), phosphorylcholine[16], โพรสตาแกลนดิน (มีหน้าที่ระงับการตอบโต้ของภูมิต้านทานผู้หญิงต่อน้ำอสุจิที่เป็นสิ่งแปลกปลอม), โปรตีน, และวิตามินซี |
ต่อมลูกหมาก | 25–30% | เอนไซม์ acid phosphatase, กรด citric, เอนไซม์ fibrinolysin, เอนไซม์ prostate specific antigen[17], เอนไซม์ย่อยโปรตีน (proteolytic enzyme) ต่าง ๆ, ธาตุสังกะสี (มีระดับประมาณ 135±40 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตรสำหรับชายมีสุขภาพดี[18] มีหน้าที่ช่วยดำรงเสถียรภาพให้กับโครมาตินซึ่งมีตัวดีเอ็นเอในเซลล์ตัวอสุจิ การขาดธาตุสังกะสี อาจจะทำให้ความเจริญพันธุ์เสื่อมลงเพราะตัวอสุจิจะอ่อนแอ และสามารถมีผลลบต่อการสร้างสเปิร์ม) |
bulbourethral glands | < 1% | น้ำตาลกาแลกโตส, เมือก (มีหน้าที่เพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิในช่องคลอดและในปากมดลูก โดยทำทางของตัวอสุจิให้เหนียวน้อยลง และป้องกันการแพร่ของตัวอสุจิออกจากน้ำอสุจิ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่น้ำอสุจิเมื่อหลั่งออกใหม่ ๆ มีลักษณะเหมือนวุ้น), น้ำหล่อลื่น, และกรด sialic |
ในปี พ.ศ. 2535 มีรายงานขององค์การอนามัยโลกว่า น้ำอสุจิมนุษย์โดยปกติจะมีปริมาตร 2 มิลลิลิตรหรือมากกว่านั้นมีค่าพีเอชระหว่าง 7.2-8.0 มีความเข้มข้นของตัวอสุจิที่ 20 ล้านตัวต่อมิลลิลิตรหรือยิ่งกว่านั้นมีตัวอสุจิถึง 40 ล้านตัวต่อการหลั่งน้ำอสุจิหรือยิ่งกว่านั้น50% ของตัวอสุจิหรือยิ่งกว่านั้น (ประเภท a และ b) มีการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า และ 25% หรือยิ่งกว่านั้น (ประเภท a) มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วภายใน 60 นาทีหลังการหลั่งน้ำอสุจิ[19]
บทความปริทัศน์งานวิจัยต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2548 พบค่าเฉลี่ยต่าง ๆ ของน้ำอสุจิในมนุษย์ดังนี้[20]
องค์ประกอบ | ค่าต่อ 100 mL | ค่ารวมที่ปริมาณเฉลี่ยที่ 3.4 mL |
---|---|---|
แคลเซียม (mg) | 27.6 | 0.938 |
ไอออนคลอไรด์ (mg) | 142 | 4.83 |
กรด Citrate (mg) | 528 | 18.0 |
ฟรักโทส (mg) | 272 | 9.25 |
กลูโคส (mg) | 102 | 3.47 |
กรด Lactic (g) | 62 | 2.11 |
แมกนีเซียม (mg) | 11 | 0.374 |
โพแทสเซียม (mg) | 109 | 3.71 |
โปรตีน (g) | 5.04 | 0.171 |
โซเดียม (mg) | 300 | 10.2 |
Urea (g) | 45 | 1.53 |
สังกะสี (mg) | 16.5 | 0.561 |
ความสามารถในการบัฟเฟอร์ (β) | 25 | |
Osmolarity (mOsm) | 354 | |
ค่าพีเอช | 7.7 | |
ความหนืด (Centipoise) | 3–7 | |
ปริมาตร (mL) | 3.4 | |
● ค่ารวมต่าง ๆ สำหรับปริมาตรเฉลี่ยเป็นค่าโดยคำนวณที่ปัดเศษให้เป็น 3 จุดค่าอื่น ๆ เป็นค่าที่มาในบทความปริทัศน์ |
น้ำอสุจิมักจะดูขุ่น ๆ ออกทางสีขาว ๆ หรือแม้แต่เหลือง ๆถ้ามีเลือดก็จะมีสีชมพูหรืออกแดง ๆ เป็นภาวะที่เรียกว่า hematospermiaซึ่งอาจจะชี้ว่ามีปัญหาสุขภาพและควรจะปรึกษาหมอถ้าไม่หายเอง[21]
หลังจากการหลั่งน้ำอสุจิ ส่วนสุดท้าย ๆ ที่หลั่งจะเกาะกันเป็นก้อนทันที[22] โดยออกเป็นก้อนกลม ๆ[23] แม้ว่า ส่วนที่หลั่งออกมาก่อนมักจะไม่เป็นเช่นนั้น[24] และจากนั้นอีกสักระยะหนึ่งประมาณ 15-30 นาทีแอนติเจน[25]ต่อมลูกหมาก (prostate-specific antigen[17] หรือ PSA) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของน้ำอสุจิก็จะทำให้เกิดการละลายกลายเป็นน้ำ[26] สันนิษฐานกันว่า การจับเป็นก้อนเช่นนั้นช่วยรักษาน้ำอสุจิไว้ในช่องคลอด[22] ในขณะที่การละลายช่วยตัวอสุจิให้ว่ายเข้าไปหาไข่ได้[22]
งานปริทัศน์ในปี พ.ศ. 2548 พบว่าความหนืดโดยเฉลี่ยของน้ำอสุจิที่พบในงานวิจัยต่าง ๆ อยู่ที่ 3-7 Centipoise[20]
คุณภาพของน้ำอสุจิเป็นค่าที่วัดความสามารถของน้ำอสุจิในการผสมพันธุ์ดังนั้น จึงเป็นค่าวัดภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชายตัวอสุจิในน้ำอสุจิเป็นองค์ประกอบหลักในการผสมพันธุ์และดังนั้น คุณภาพของน้ำอสุจิจึงหมายถึงทั้งจำนวนทั้งคุณภาพของตัวอสุจิ
ปริมาณของน้ำอสุจิที่หลั่งออกมามีความแตกต่างกันไปงานปริทัศน์ต่องานวิจัย 30 งานพบว่า ปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 3.4 มิลลิลิตรโดยมีงานวิจัยบางงานพบมากถึง 4.99 มิลลิลิตร และบางงานพบน้อยถึง 2.3 มิลลิลิตร[20] ในงานวิจัยในคนสวีเดนและคนเดนมาร์กความมีระยะที่ห่างระหว่างการหลั่งน้ำอสุจิทำให้ตัวอสุจิมีจำนวนสูงขึ้นแต่ไม่ได้ทำปริมาณน้ำอสุจิให้เพิ่มขึ้น[27]
มีบริษัทบางบริษัทที่โฆษณาอาหารเสริมที่เพิ่มปริมาณน้ำอสุจิแต่ก็เหมือนกับอาหารเสริมประเภทอื่น ๆ อาหารเสริมพวกนี้ไม่ได้มีการอนุมัติหรือการควบคุมดูแลจากองค์กรควบคุมยาและอาหาร (เหมือนกับยาแผนปัจจุบันมี)และคำโฆษณาเหล่านั้นก็ไม่ได้มีการยืนยันโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์มีคำโฆษณาคล้าย ๆ กันอย่างนี้เกี่ยวกับพวกอาหารเสริมที่เป็นยาเร้าความกำหนัดอีกด้วย ซึ่งก็ขาดการยืนยันทางวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน
น้ำอสุจิสามารถเก็บไว้ได้ในสารละลายบางอย่างเช่น Illini Variable Temperature (ตัวย่อ IVT)ซึ่งประกอบด้วยเกลือหลายชนิด น้ำตาลหลายชนิด ยาฆ่าเชื้อโรค และอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์[28]และมีรายงานว่าสามารถรักษาคุณภาพของน้ำอสุจิโดยวิธีนี้เป็นเวลาถึง 7 วัน[28]
สำหรับการเก็บระษาไว้ในระยะยาว สามารถใช้วิธีแช่แข็ง (Semen cryopreservation)สำหรับอสุจิมนุษย์ รายงานระยะการเก็บรักษาที่ยาวที่สุดที่ใช้การได้ด้วยวิธีนี้ก็คือ 21 ปี[29]
เมนูนำทาง
น้ำอสุจิ มุมมองทางกายภาพใกล้เคียง
น้ำอสุจิแหล่งที่มา
WikiPedia: น้ำอสุจิ http://fxylib.znufe.edu.cn/wgfljd/%B9%C5%B5%E4%D0%... http://urbanlegends.about.com/od/medical/a/Fellati... http://www.chikung.com/wp-content/files/chikungbib... http://www.clinicrak.com/webboard/infertile/00048.... http://www.gettingit.com/article/56 http://books.google.com/?id=QBW1LBr-gpUC&pg=PP1&lp... http://books.google.com/?id=TxCYKEtShewC&pg=PA152&... http://books.google.com/books?id=dciuj1-F3fYC&pg=P... http://www.healthcentral.com/prostate/question-ans... http://www.hunyuantaijiacademy.com/Articles/On%20Q...