บูดาเปสต์ หรือ
บูดอแป็ชต์ (
อังกฤษ: Budapest;
ฮังการี: Budapest, [ˈbudɒpɛʃt]) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีประชากรมากที่สุดใน
ฮังการี[10]และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 9 ใน
สหภาพยุโรปตามจำนวนประชากรในเขตเมือง
[11] เมืองนี้มีประชากรประมาณ 1,752,286 บนพื้นที่ประมาณ 525 ตารางกิโลเมตร (203 ตารางไมล์)
[12] บูดาเปสต์เป็นทั้งเมืองและมณฑลและเป็นศูนย์กลางของเขตเมืองบูดาเปสต์ซึ่งมีพื้นที่ 7,626 ตารางกิโลเมตร (2,944 ตารางไมล์) และมีประชากร 3,303,786 ซึ่งประกอบด้วย 33% ของประชากรฮังการี
[13] [14]บูดาเปสต์กลายเป็นเมืองที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของ
แม่น้ำดานูบหลังจากการรวมกันของเมือง 3 เมือง ใน
พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) โดยทางฝั่งขวา (ฝั่งตะวันตก) ได้แก่ เมือง
บูดอ (Buda) และโอบูดอ (Óbuda) เข้ากับเมือง
แป็ชต์ (Pest) ทางฝั่งซ้าย (ฝั่งตะวันออก) ประวัติความเป็นมาของบูดาเปสต์
[15]เริ่มต้นเมื่อการตั้งถิ่นฐานของ
ชาวเคลต์ในยุคแรก แล้วเปลี่ยนเป็นเมืองอาควินคัม (Aquincum)
[16][17] ของ
โรมัน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแพนโนเนียตอนล่าง
[16] ชาวฮังการีเข้ามาในดินแดนในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ในการพิชิตที่ราบพันโนเนียของชาวฮังการี หลังจากนั้น พื้นที่ของบูดาเปสต์ในปัจจุบันถูกพวก
มองโกลปล้นสะดม ระหว่างปี ค. ศ. 1241–42 หลังการถอยร่นทัพมองโกล กรุงบูดาที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของวัฒนธรรม
มนุษยนิยม ใน
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาช่วงศตวรรษที่ 15
[18][19][20] หลังการพ่ายแพ้ของ
ราชอาณาจักรฮังการี ณ
ยุทธการที่โมเฮ็คส์ ในปี ค.ศ.1526 ตามมาด้วยการปกครองของ
ออตโตมันเกือบ 150 ปี
[21] หลังจาก
การยึดบูดาคืนในปี ค.ศ.1686 ภูมิภาคนี้ได้เข้าสู่ยุคใหม่แห่งความรุ่งเรืองโดยเมืองบูดาเปสต์กลายเป็นเมืองที่เจริญระดับโลก หลังจากการรวมกันของเมืองบูดอ เมืองโอบูดอ และ เมืองแป็ชต์ ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ค.ศ.1873 บูดาเปสต์ยังกลายเป็นเมืองหลวงร่วมของ
จักรวรรดิออสเตรีย - ฮังการี[22] ซึ่งเป็นมหาอำนาจในยุโรปที่สลายไปในปี ค.ศ.1918 หลัง
สงครามโลกครั้งที่ 1 เมืองนี้เป็นจุดโฟกัสของการปฏิวัติฮังการีในปี ค.ศ.1848 การรบที่บูดาเปสต์ในปี ค.ศ.1945 และการปฏิวัติฮังการี ในปึ ค.ศ.1956 จากสหภาพโซเวียต
[23][24]บูดาเปสต์เป็นเมืองระดับโลกอัลฟ่า
[25]ที่มีจุดแข็งในด้านการค้า การเงิน สื่อ ศิลปะ แฟชั่น การวิจัย เทคโนโลยีการศึกษา และ ความบันเทิง
[26] [27] เป็นศูนย์กลางทางการเงินของฮังการีและได้รับการจัดอันดับให้เป็นนครที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองเร็วเป็นอันดับ 2 ในยุโรป
[28] บูดาเปสต์เป็นสำนักงานใหญ่ของสถาบันนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยุโรป (European Institute of Innovation and Technology), European Police College และสำนักงานต่างประเทศแห่งแรกของสำนักงานส่งเสริมการลงทุนของจีน (
China Investment Promotion Agency) วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยกว่า 40 แห่งตั้งอยู่ในบูดาเปสต์ รวมถึง
มหาวิทยาลัยเอิตเวิช โลรานด์ (ELTE) มหาวิทยาลัย Semmelweis และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและเศรษฐศาสตร์บูดาเปสต์ (BME)
รถไฟใต้ดินบูดาเปสต์ซึ่งเปิดให้บริการในปี ค.ศ.1869 ให้บริการผู้โดยสารกว่า 1.27 ล้านคนต่อวัน ในขณะที่รถรางให้บริการผู้โดยสาร 1.08 ล้านคนต่อวัน พื้นที่ตอนกลางของบูดาเปสต์ริมแม่น้ำดานูบได้รับการจัดให้เป็น
มรดกโลกโดย
องค์การยูเนสโก และมีอนุสรณ์สถานที่โดดเด่นหลายแห่งรวมถึงรัฐสภาฮังการี (
Hungarian Parliament) และ ปราสาทบูดา (
Buda Castle)
[29] เมืองนี้ยังมีน้ำพุร้อนใต้พิภพราว 80 แห่ง
[30] ระบบถ้ำน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุด
[31] โบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสอง และ อาคารรัฐสภาที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
[32] บูดาเปสต์ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 12 ล้านคนต่อปี ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในยุโรป
[33] เมืองนี้ได้รับเลือกให้เป็นจุดหมายปลายทางของยุโรปที่ดีที่สุดประจำปี 2019 ซึ่งเป็นผลสำรวจสำคัญที่จัดทำโดย EBD ซึ่งเป็นองค์กรการท่องเที่ยวที่เป็นพันธมิตรกับ
คณะกรรมาธิการยุโรป[34] นอกจากนี้ยังติดอันดับ Best European Destinations 2020 โดย Big7Media บูดาเปสต์ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ดีที่สุดอันดับ 3 ของยุโรปในแบบสำรวจที่คล้ายกันซึ่งจัดทำโดย นิตยาสาร Which?
[35]