ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง เป็นปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยผู้ประสบภัย 13 ชีวิต ที่ติดภายในถ้ำหลวง
วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย[11] ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม 2561 ประกอบด้วยสมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชนในท้องถิ่น 12 คน และผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน ที่เข้าไปสำรวจและหายตัวไป
[12][13] ทั้งหมดได้เข้าไปในถ้ำหลวงและไม่สามารถกลับออกมาได้เนื่องจาก หลังจากทั้ง 13 คนเข้าไปในถ้ำหลวงในขณะนั้นมีฝนตกหนัก และทำให้น้ำฝนไหลเอ่อเข้าท่วมถ้ำตามเส้นทางน้ำภายในถ้ำ จากทั้ง
ดอยผาหมี จากปากทางเข้าถ้ำ รวมไปถึงรอยแยกบนเขาและสันเขาจนท่วมเอ่อบริเวณที่เป็นเหวหรือจุดต่ำสุดของถ้ำที่ทั้ง 13 คนต้องเดินทางผ่าน และน้ำได้ท่วมปิดทางออก จึงทำให้ทั้ง 13 คนออกมาไม่ได้ โดยเริ่มปฏิบัติการค้นหาโดยทันทีตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2561
[14] เป็นการรวมผู้เชี่ยวชาญด้าน
การกู้ภัย การดำน้ำ การขุดเจาะ นักภูมิศาสตร์ นักปีนเขา ตำรวจ ทหาร เอกชนจากทุกภาคส่วนทั้งใน
ประเทศไทยและต่างประเทศ
[15] ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ได้รับความสนใจจากสังคมเป็นวงกว้าง
[16][17][18]ปฏิบัติการนี้มีผู้เข้าร่วมในการช่วยชีวิตกว่า 10,000 คน ซึ่งรวมถึงนักดำน้ำกว่า 100 คน, นักกู้ภัยจำนวนมาก, ตัวแทนจากหน่วยงานของรัฐประมาณ 100 แห่ง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ 900 คน และทหาร 2,000 คน รวมทั้งจำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ตำรวจสิบลำ, รถพยาบาลตำรวจเจ็ดคัน, ถังดำน้ำมากกว่า 700 ถัง และสูบน้ำมากกว่าหนึ่งพันล้านลิตรออกจากถ้ำกระทั่งเวลาประมาณ 22.33 น. ของวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ทาง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้แถลงอย่างเป็นทางการว่า พบผู้ประสบเหตุแล้วทั้ง 13 ชีวิต อยู่บริเวณที่เรียกว่า "เนินนมสาว" ซึ่งอยู่เลยพัทยาบีชไปอีกประมาณ 300-400 เมตร ซึ่งในตอนแรกกู้ภัยคาดว่าทั้ง 13 คนจะอยู่บริเวณนั้น รวมเวลาการปฏิบัติภารกิจจนพบตัวเป็นเวลา 9 วัน 5 ชั่วโมง 41 นาที ซึ่งพบว่าทั้ง 13 ชีวิตปลอดภัย
[19] และระหว่างวันที่ 8 ถึง 10 กรกฎาคม 2561 ได้เริ่มมีการลำเลียงผู้ติดถ้ำออกมาจนครบหมดทุกคนได้สำเร็จ รวมระยะเวลาปฏิบัติภารกิจทั้งสิ้น 17 วัน 4 ชั่วโมง 29 นาที
[20]