ประวัติศาสตร์ ของ ประเทศสโลวาเกีย

ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์สโลวาเกีย

ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 5

ในช่วงเวลาประมาณ 450 ปีก่อนคริสต์ศักราช บริเวณดินแดนที่เป็นประเทศสโลวาเกียทุกวันนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของพวกเคลต์ซึ่งเป็นผู้สร้างออปปีดา (oppida - ชุมชนขนาดใหญ่ในช่วงปลายยุคเหล็ก มีลำน้ำล้อมรอบ) ที่บราติสลาวาและฮาฟรานอค เหรียญเงินที่มีชื่อของกษัตริย์เคลต์จารึกไว้ ที่เรียกว่า ไบอะเท็ก (Biatec) เป็นสิ่งแสดงถึงการใช้ตัวอักษรเป็นครั้งแรกในดินแดนแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 6 (ประมาณ พ.ศ. 549) จักรวรรดิโรมันอันกว้างใหญ่ได้จัดตั้งและบำรุงแนวกองรักษาด่านรอบ ๆ แม่น้ำดานูบ ต่อมาราชอาณาจักรวานนีอุสได้ปรากฏขึ้นในสโลวาเกียตอนกลางและตะวันตก โดยการจัดตั้งของพวกอนารยชนเผ่าควอดี ซึ่งเป็นชนเผ่าเยอรมันสาขาหนึ่ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 20-50 (ประมาณปี พ.ศ. 563-593)

กลุ่มรัฐสลาฟ

ชาวสลาฟเข้ามาตั้งหลักแหล่งในดินแดนสโลวาเกียในคริสต์ศตวรรษที่ 5 และภาคตะวันตกของสโลวาเกียกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิกษัตริย์ซาโมในคริสต์ศตวรรษที่ 7 ต่อมารัฐสโลวักที่ชื่อ ราชรัฐนีตรา (Principality of Nitra) ก็ได้ก่อตัวขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 8 และเมื่อถึงปี ค.ศ. 828 (พ.ศ. 1371) เจ้าชายพรีบีนาสร้างโบสถ์คริสต์แห่งแรกขึ้นในสโลวาเกีย ราชรัฐนี้ได้เข้าร่วมกับแคว้นโมเรเวียเป็นบริเวณศูนย์อำนาจของจักรวรรดิเกรตโมเรเวีย (Great Moravian Empire) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 833 (พ.ศ. 1376) จุดสูงสุดของราชรัฐสโลวักแห่งนี้ได้มาถึงพร้อมกับการเข้ามาของนักบุญซีริลและนักบุญเมโทดีอุสในปี ค.ศ. 863 (พ.ศ. 1406) อยู่ในสมัยของเจ้าชายราสตีสลาฟ และอีกช่วงหนึ่งคือช่วงขยายดินแดนในสมัยพระเจ้าสเวตอพลุคที่ 1

ราชอาณาจักรฮังการี

ปราสาทออราวา (Orava Castle)

ภายหลังการกระจัดกระจายของจักรวรรดิเกรตโมเรเวียในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10 ชาวแมกยาร์ (ชาวฮังการี) ก็ค่อย ๆ เข้าครอบครองดินแดนสโลวาเกียปัจจุบัน ภายในศตวรรษเดียวกัน สโลวาเกียตะวันตกเฉียงใต้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชรัฐฮังการี (Hungarian principality) ซึ่งมีฐานะเป็นราชอาณาจักรฮังการี (Kingdom of Hungary) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1000 (พ.ศ. 1543) พื้นที่ส่วนใหญ่ของสโลวาเกียถูกผนวกเข้ากับราชอาณาจักรแห่งนี้เมื่อถึงปี ค.ศ. 1100 (พ.ศ. 1643) และพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อถึงปี ค.ศ. 1400 (พ.ศ. 1943)

เนื่องจากเศรษฐกิจระดับสูงและการพัฒนาทางวัฒนธรรมที่มากขึ้น สโลวาเกียจึงยังคงมีความสำคัญในรัฐใหม่แห่งนี้ เป็นเวลาเกือบสองศตวรรษที่ราชรัฐนีตรามีการปกครองตนเองภายในราชอาณาจักรฮังการี การตั้งถิ่นฐานของชาวสโลวักได้ขยายเข้าไปในตอนเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของฮังการีในปัจจุบัน ในขณะที่ชาวแมกยาร์ก็เริ่มตั้งหลักแหล่งทางใต้ของสโลวาเกีย การผสมผสานทางชาติพันธุ์มีความหลากหลายมากขึ้นหลังจากการเข้ามาของชาวเยอรมันคาร์เพเทียนในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาววลาคในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และชาวยิว

การสูญเสียประชากรขนานใหญ่เกิดขึ้นเมื่อพวกมองโกลจากเอเชียกลางเข้ามารุกรานในปี ค.ศ. 1241 (พ.ศ. 1784) ซึ่งก่อให้เกิดทุพภิกขภัยตามมา อย่างไรก็ตาม เมืองต่าง ๆ สโลวาเกียในยุคกลางก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีการก่อสร้างปราสาทหลายแห่ง รวมทั้งมีการพัฒนาศิลปะ ในปี ค.ศ. 1467 (พ.ศ. 2010) มัตตีอัส กอร์วีนุสได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกขึ้นในบราติสลาวา แต่สถาบันแห่งนี้ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน

มหาวิหารเซนต์อลิซาเบธ (St. Elizabeth's Cathedral) ในเมืองคอชีตเซ (Košice)

ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันได้เริ่มขยายอาณาเขตเข้ามาในฮังการีและสามารถยึดครองเมืองสำคัญ คือ บูดา (Buda) และแซแคชแฟเฮร์วาร์ (Szekesfehérvár) ไว้ได้ ศูนย์กลางของอาณาจักรฮังการี (ภายใต้ชื่อ รอแยลฮังการี) ได้ย้ายขึ้นไปสู่สโลวาเกีย บราติสลาวา (ขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ เพรสส์บูร์ก โพโชนย์ เพรชพอรอค หรือ โปโซนีอุม) ได้กลายเป็นเมืองหลวงของรอแยลฮังการีในปี ค.ศ. 1536 (พ.ศ. 2079) แต่สงครามออตโตมันและการจลาจลต่อต้านราชวงศ์ฮับสบูร์กที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งได้ก่อให้เกิดการทำลายล้างที่ใหญ่หลวงโดยเฉพาะในเขตชนบท ความสำคัญของสโลวาเกียภายในฮังการีลดลงเมื่อพวกเติร์กได้ล่าถอยออกไปจากอาณาจักรในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่บราติสลาวายังคงสถานะเป็นเมืองหลวงของฮังการีจนกระทั่งปี ค.ศ. 1848 (พ.ศ. 2391) จึงย้ายเมืองหลวงกลับไปที่บูดาเปสต์

ระหว่างการปฏิวัติในปี 1848-1849 (พ.ศ. 2391-2392) ชาวสโลวักให้การสนับสนุนจักรพรรดิออสเตรียด้วยความหวังที่จะแยกตัวจากฮังการี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในยุคสมัยของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1867-1918 (พ.ศ. 2410-2461) ชาวสโลวักต้องประสบกับการกดขี่ทางวัฒนธรรมอย่างเข้มงวดจากนโยบายทำให้เป็นแมกยาร์ที่รัฐบาลฮังการีเป็นผู้ส่งเสริม

คริสต์ศตวรรษที่ 20

ในปี ค.ศ. 1918 (พ.ศ. 2461) สโลวาเกียได้ร่วมกับแคว้นโบฮีเมีย (Bohemia) และแคว้นโมเรเวีย (Moravia) ซึ่งเป็นดินแดนข้างเคียงเพื่อก่อตั้งประเทศเชโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia) เป็นอิสระจากจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี โดยได้รับการรับรองจากสนธิสัญญาแซงแชร์แมงและสนธิสัญญาตรียานง ในปีถัดมา คือ ค.ศ. 1919 (พ.ศ. 2462) เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายที่ตามมาหลังการแตกแยกของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ดินแดนสโลวาเกียได้ถูกโจมตีจากสาธารณรัฐโซเวียตฮังการี (Hungarian Soviet Republic) พื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของสโลวาเกียได้ถูกยึดครองและตั้งเป็นสาธารณรัฐโซเวียตสโลวัก (Slovak Soviet Republic) อยู่ไม่ถึงหนึ่งเดือน จึงถูกกองทัพเชโกสโลวักยึดพื้นที่คืนมาได้

ในปี ค.ศ. 1939 ประธานาธิบดียอเซฟ ตีซอ ผู้นิยมนาซีเยอรมนี ได้ประกาศให้สาธารณรัฐสโลวักที่ 1 (First Slovak Republic) เป็นเอกราชจากเชโกสโลวาเกีย จึงเกิดขบวนการต่อต้านนาซีขึ้นซึ่งได้ก่อการประท้วงที่รู้จักกันในชื่อ การลุกฮือของชาวสโลวัก (Slovak National Uprising) ในปี ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) แม้ว่ากลุ่มผู้ก่อการจลาจลจะถูกปราบปรามลงได้ แต่การสู้รบแบบกองโจรก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งกองทัพโซเวียต (ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพโรมาเนีย) เข้ามาขับไล่นาซีออกไปจากสโลวาเกียในปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488)

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เชโกสโลวาเกียได้รับการจัดตั้งเป็นประเทศขึ้นใหม่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียตและสนธิสัญญาวอร์ซอตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488) เป็นต้นมา ต่อมาในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) ประเทศนี้ได้กลายเป็นรัฐสหพันธ์ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเช็ก (Czech Socialist Republic) และสาธารณรัฐสังคมนิยมสโลวัก (Slovak Socialist Republic)

การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ในเชโกสโลวาเกียสิ้นสุดลงเมื่อถึงปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) ซึ่งอยู่ในช่วงการปฏิวัติเวลเวต (Velvet Revolution) อันเป็นไปอย่างสันติ ตามมาด้วยการสลายตัวของประเทศออกเป็นรัฐสืบสิทธิ์สองรัฐ นั่นคือ สโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็กได้แยกออกจากกันหลังวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) เหตุการณ์นี้บางครั้งเรียกว่าการแยกทางเวลเวต (Velvet Divorce) อย่างไรก็ตาม สโลวาเกียยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาธารณรัฐเช็กเช่นเดียวกับประเทศยุโรปกลางอื่น ๆ ในกลุ่มวีเซกราด สโลวาเกียได้เข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)