เมนูนำทาง
ประเทศอาร์เจนตินา การเมืองระบบการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐประชาธิปไตย มีประธานาธิบดีเป็นประมุข
ลำดับที่ | ชื่อกระทรวงภาษาไทย | ชื่อกระทรวงภาษาอังกฤษ |
---|---|---|
1 | กระทรวงมหาดไทย โยธาธิการและการเคหะ | Ministry of the Interior, Public Works and Housing |
2 | กระทรวงการต่างประเทศและการนมัสการ? | Ministry of Foreign Affairs and Worship |
3 | กระทรวงกลาโหม | Ministry of Defense |
4 | กระทรวงธนารักษ์ | Ministry of the Treasury |
5 | กระทรวงการคลัง | Ministry of Finance |
6 | กระทรวงการผลิต | Ministry of Production |
7 | กระทรวงอุตสาหกรรมการเกษตร | Ministry of Agro-industry |
8 | กระทรวงการท่องเที่ยว | Ministry of Tourism |
9 | กระทรวงคมนาคม | Ministry of Transport |
10 | กระทรวงการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน | Ministry of Justice and Human Rights |
11 | กระทรวงความปลอดภัย | Ministry of Security |
12 | กระทรวงแรงงาน การจ้างงานและประกันสังคม | Ministry of Labour, Employment and Social Security |
13 | กระทรวงการพัฒนาสังคม | Ministry of Social Development |
14 | กระทรวงสุขภาพ | Ministry of Health |
15 | กระทรวงศึกษาธิการ | Ministry of Education |
16 | กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและผลผลิตนวัตกรรม | Ministry of Science, Technology and Productive Innovation |
17 | กระทรวงวัฒนธรรม | Ministry of Culture |
18 | กระทรวงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน | Ministry of Environment and Sustainable Development |
19 | กระทรวงเพื่อความทันสมัย | Ministry of Modernization |
20 | กระทรวงพลังงานและการเหมืองแร่ | Ministry of Energy and Mining |
ฝ่ายนิติบัญญัติ ประกอบด้วย 2 สภา คือ
พรรคการเมืองสำคัญได้แก่
ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมทั้ง การเพิ่มความหลากหลายของสินค้าจากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าด้านเกษตรกรรม ให้มีสินค้าอุตสาหกรรมมากขึ้น และกำลังพิจารณาจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า (center of distribution) 25 เมืองทั่วโลก นอกจากนั้น รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนการส่งออกซึ่งนำไปสู่การกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอาเซียน
ประธานาธิบดี Kirchner ยังคงมีสถานะทางการเมืองที่มั่นคง พรรค Peronist มีเสียงข้างมากในรัฐสภา แต่ประสบปัญหาการแตกแยกภายในพรรค ทำให้นาย Kirshner ต้องบริหารประเทศอย่างยืดหยุ่น เพื่อให้มีการถ่วงดุลอำนาจกับกลุ่มการเมืองของอดีตประธานาธิบดี Carlos Menem และของอดีตประธานาธิบดี Eduardo Duhalde ควบคู่ไปกับการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น การดำเนินนโยบายเสรีทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงระบบการให้บริการของภาครัฐ การปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวง และการโอนอ่อนผ่อนตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงในบางกรณี ทั้งนี้ เพื่อรักษาระดับความนิยมของประชาชนต่อรัฐบาล
อาร์เจนตินาได้จัดการเลือกตั้งกลางวาระของฝ่ายนิติบัญญัติ เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2548 โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนครึ่งหนึ่ง (127 จาก 257 ที่นั่ง) และวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งในสาม (24 จาก 72 ที่นั่ง) มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนร้อยละ 70.99 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยพรรค Frente para la Victoria (Front for Victory) ของนาย Kirchner ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น และจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ นาย Kirchner ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคมากขึ้น โดยมีเสียงข้างมากในวุฒิสภา (42 จาก 72 ที่นั่ง) และเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร (109 จาก 257 ที่นั่ง) ทั้งนี้ นาย Rafael Bielsa รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกรุงบัวโนสไอเรส โดยได้รับคะแนนเสียงเป็นลำดับ 3
การที่พรรค Front for Victory (ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งของพรรค Peronist) ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แสดงถึงการสนับสนุนของประชาชนส่วนใหญ่ต่อนาย Kirchner และนโยบายต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมาในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา เช่น การสนับสนุนรัฐสภาให้กดดันผู้พิพากษาศาลสูงสุด 3-4 คนที่ประธานาธิบดี Menem แต่งตั้งเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองให้ลาออก การปรับเปลี่ยนผู้นำทางทหารที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงที่รัฐบาลทหารปกครองประเทศ รวมทั้งนโยบายการเจรจาอย่างแข็งกร้าวกับ IMF และประเทศเจ้าหนี้
อาร์เจนตินาประสบกับวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดเมื่อปี 2543 - 2545 หลังจากเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุสำคัญมาจากภาวะชะงักงันของเงินทุนต่างประเทศ การขาดดุลการคลัง และดุลการค้า และความพยายามของรัฐบาลที่จะรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ที่ระดับ 1 เปโซ ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้นเศรษฐกิจของอาร์เจนตินายังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา รวมทั้งการระงับการจ่ายหนี้สินต่างประเทศ และการลดค่าเงินเปโซ
เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 2545 จนถึงปัจจุบัน โดยมีการขยายตัวของการส่งออกและการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ ทั้งนี้ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการส่งออกนับตั้งแต่ปี 2546 เป็นผลจากการลดค่าเงินเปโซ ซึ่งทำให้อาร์เจนตินาได้เปรียบดุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการที่รัฐบาลอาร์เจนตินาสามารถผลักดันนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งนำไปสู่การลดลงของอัตราการว่างงาน และการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินค้าภายในประเทศ ล่าสุดนิตยสารด้านการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสาขาของธนาคารโลก ได้จัดลำดับให้อาร์เจนตินาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดีที่สุดอันดับ 77 ของโลก
สำหรับประเด็นการชำระหนี้ IMF เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2548 ประธานาธิบดีเนสเตอร์ เคิร์ชเนอร์ ได้ตัดสินใจชำระหนี้ที่มีอยู่ต่อ IMF ทั้งหมด โดยใช้เงินคงคลัง (reserves) ซึ่งมีอยู่ประมาณ 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมาชำระหนี้ที่มีต่อ IMF ซึ่งประธานาธิบดีได้แถลงว่าการได้ดุลบัญชีเงินคงคลังและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้อาร์เจนตินาสามารถชำระหนี้ได้ก่อนกำหนด และการชำระหนี้ได้ทั้งหมดจะทำให้อาร์เจนตินามีอิสรภาพที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่ IMF กำหนดไว้ในการเจรจาชำระหนี้ครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งการประกาศดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 สำนักงานตรวจสอบสุขอนามัยพืชและสัตว์ (SENASA) ของอาร์เจนตินาได้ประกาศการตรวจพบวัวจำนวน 70 ตัวติดเชื้อโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยในฟาร์มแห่งหนึ่งที่เมืองซานลุยส์เดลปัลมาร์ (San Luis del Palmar) ในรัฐกอร์เรียนเตสที่ตั้งทางตอนเหนือของอาร์เจนตินา โดยผู้เชี่ยวชาญของ SENASA คาดว่าจะมีวัว 3,000 ตัวในบริเวณดังกล่าวที่อาจได้รับเชื้อโรค ทั้งนี้ วัวทั้ง 70 ตัวที่ติดเชื้อจะถูกกำจัดและ SENASA กำลังเร่งดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว อย่างไรก็ดี การประกาศดังกล่าวได้สร้างความกังวลให้กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยทางการชิลีและบราซิลได้ประกาศยกเลิกการนำเข้าเนื้อวัวจากอาร์เจนตินาชั่วคราว และเร่งดำเนินมาตรการป้องการการแพร่ระบาดของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบราซิลและอุรุกวัยซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกเนื้อวัวที่สำคัญ ทั้งนี้ ได้เคยเกิดการแพร่ระบาดของโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อยในอาร์เจนตินาเมื่อปี 2544 ส่งผลให้อาร์เจนตินาซึ่งเป็นผู้ส่งออกเนื้อวัวรายสำคัญของโลกต้องสูญเสียการส่งออกจำนวนมาก แต่หลังจากที่ได้พยายามควบคุมโรคและฉีดวัคซีนป้องกันโรคในวัว อาร์เจนตินาสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ ทำให้มูลค่าการส่งออกเนื้อวัวของอาร์เจนตินาในปี 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 เท่าของมูลค่าการส่งออกในปี 2544
เมนูนำทาง
ประเทศอาร์เจนตินา การเมืองใกล้เคียง
ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศจีน ประเทศฝรั่งเศส ประเทศเยอรมนี ประเทศเกาหลีใต้ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศอินเดีย ประเทศรัสเซีย ประเทศไต้หวันแหล่งที่มา
WikiPedia: ประเทศอาร์เจนตินา http://200.51.91.231/censo2010/ http://www.en.argentina.ar/ http://ucblibraries.colorado.edu/govpubs/for/argen... http://www.ifs.du.edu/ifs/frm_CountryProfile.aspx?... http://lanic.utexas.edu/la/argentina/ //th.wikibooks.org/wiki/Special:Search/%E0%B8%9B%E... //commons.wikimedia.org/wiki/Category:Argentina //th.wikiquote.org/wiki/ //th.wikisource.org/wiki/Special:Search/%E0%B8%9B%... //th.wikiversity.org/wiki/Special:Search/%E0%B8%9B...