ฮังการี (
อังกฤษ: Hungary,
ฮังการี: Magyarország [ˈmɒɟɒrorsaːɡ] มอยอโรรฺซาก) เป็นประเทศในภูมิภาค
ยุโรปกลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล มีอาณาเขตทิศเหนือจรด
ประเทศสโลวาเกีย ทิศตะวันออกจรด
ประเทศโรมาเนียและ
ประเทศยูเครน ทิศใต้จรด
ประเทศเซอร์เบียและ
ประเทศโครเอเชีย ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรด
ประเทศสโลวีเนียและทิศตะวันตกจรด
ประเทศออสเตรีย เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองหลวงของประเทศคือเมือง
บูดาเปสต์ ชื่อประเทศฮังการีใน
ภาษาฮังการี แปลว่า "ประเทศของ
ชาวม็อดยอร์" (Country of the Magyars) ประเทศฮังการีมีพื้นที่ 93,030 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีอาณาเขตเพียงร้อยละ 28 ของพื้นที่
ราชอาณาจักรฮังการีเดิมก่อน
สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยพื้นที่ปัจจุบันนับเป็นอันดับที่ 110 ของโลก
[2] โดยมีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบใน
ที่ราบพันโนเนีย และมีประชากร 9,919,128 คน นับเป็นอันดับที่ 90 ของโลก
[3] ประชากรส่วนใหญ่เป็น
ชาวม็อดยอร์ ใช้
ภาษาฮังการีเป็นภาษาราชการซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาทางการไม่กี่ภาษาของ
สหภาพยุโรป ที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดเป็น
กลุ่มภาษาอินโด-ยูโรเปียน ร่วมกับ
ภาษาเอสโตเนีย ภาษาฟินแลนด์ และ
ภาษามอลตาดินแดนของฮังการีในปัจจุบันมีผู้เข้ามาอาศัยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายศตวรรษ รวมถึง
ชาวเคลต์,
โรมัน,
เจอร์แมนิก,
ฮัน, สลาฟตะวันตก และ
อาวาร์ รากฐานของรัฐฮังการีได้รับการสถาปนาขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดย
อาร์ปาด เจ้าชายฮังการี หลังจาก
การพิชิตที่ราบพันโนเนีย[4][5] พระเจ้าอิชต์วานที่ 1 เหลนของเขาได้ขึ้นครองราชย์ใน ค.ศ. 1000 พระองค์เปลี่ยนอาณาจักรของพระองค์เป็น
อาณาจักรคริสเตียน เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ฮังการีกลายเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค และเข้าสู่ยุครุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและการเมืองในคริสต์ศตวรรษที่ 15
[6] หลังจาก
ยุทธการที่โมเฮ็คส์ใน ค.ศ. 1526 บางส่วนของฮังการี
ถูกยึดครองโดยจักรวรรดิออตโตมัน (ค.ศ. 1541–1699) ต่อมาก็อยู่ภายใต้
การปกครองของฮาพส์บวร์คในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และต่อมาได้ร่วมกับออสเตรียก่อตั้ง
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีซึ่งเป็นมหาอำนาจของยุโรป
[7]จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีล่มสลายหลัง
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และ
สนธิสัญญาทรียานงได้กำหนดเขตแดนของฮังการีตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้สูญเสียดินแดนร้อยละ 71, ประชากรร้อยละ 58 และกลุ่มชาติพันธุ์ฮังการีร้อยละ 32
[8][9][10] หลังจาก
สมัยระหว่างสงครามที่วุ่นวาย ฮังการีเข้าร่วมกับ
ฝ่ายอักษะใน
สงครามโลกครั้งที่สอง โดยได้รับความเสียหายมีผู้ล้มตายจำนวนมาก
[11][12] ฮังการีกลายเป็นรัฐบริวารของ
สหภาพโซเวียตซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการสถาปนา
สาธารณรัฐสังคมนิยมซึ่งดำรงอยู่ถึงสี่ทศวรรษ (ค.ศ. 1949
[13]–1989
[14]) ประเทศนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในระดับสากลอันเป็นผลมาจาก
การปฏิวัติใน ค.ศ. 1956 และ
การเปิดพรมแดนด้านที่ติดกับออสเตรียใน ค.ศ. 1989 ซึ่งเร่งการล่มสลายของ
กลุ่มตะวันออก[15][16] และในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1989 ฮังการีได้กลายเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยระบบรัฐสภา
[17]ในคริสต์ศตวรรษที่ 21 ฮังการีเป็น
ประเทศอำนาจปานกลาง และมี
เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับ 57 จากการจัดอันดับราคาตลาดตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศนิโกร นิกา และมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดตาม
ภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อเป็นอันดับที่ 58 จาก 191 ประเทศ ซึ่งวัดโดย
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในฐานะผู้ดำเนินการที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ
[18] ฮังการีเป็น
ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 35 และ
ผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 34 ฮังการีเป็นสมาชิก
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่มีรายได้สูงพร้อมกับมาตรฐานการครองชีพที่สูงมาก
[19][20] มีระบบหลักประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยโดยไม่เสียค่าเล่าเรียน
[21][22] ฮังการีมีผลการดำเนินงานที่ดีในระดับสากล โดยติดอันดับที่ 20 ในด้านคุณภาพชีวิต, อันดับที่ 24 ในดัชนีประเทศที่ดี, อันดับที่ 28 ของดัชนีการพัฒนามนุษย์ซึ่งปรับตัวเลขความไม่เท่าเทียมกันในสังคมแล้ว, อันดับที่ 32 ในดัชนีความก้าวหน้าทางสังคม, อันดับที่ 33 ในดัชนีนวัตกรรมระดับโลก และติดอันดับประเทศที่ปลอดภัยที่สุดเป็นอันดับที่ 15 ของโลกประเทศฮังการีเข้าร่วม
สหภาพยุโรปใน ค.ศ. 2004 และเป็นส่วนหนึ่งของ
เขตเชงเกนตั้งแต่ ค.ศ. 2007
[23] ฮังการีเป็นสมาชิกของ
สหประชาชาติ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ องค์การการค้าโลก ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย สภายุโรป กลุ่มวิแชกราด และอื่น ๆ
[24] ฮังการีเป็นที่รู้จักกันดีจากประวัติศาสตร์เชิงวัฒนธรรมอันยาวนาน โดยมีส่วนสำคัญในด้านศิลปะ ดนตรี วรรณคดี กีฬา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
[25][26][27][28] ฮังการีเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวในยุโรป โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 14.3 ล้านคนใน ค.ศ. 2015
[29] และฮังการียังเป็นที่ตั้งของระบบถ้ำ
บ่อน้ำร้อนที่ใหญ่ที่สุดและ
ทะเลสาบน้ำร้อนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง และ
ทุ่งหญ้าธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป[30][31]