คำว่า
ปรัชญา (มีที่มาจาก
ภาษาสันสกฤต प्रज्ञा ปฺรชฺญา) หมายถึง "ความรู้" (ซึ่งเป็นคำเดียวกันใน
ภาษาบาลี คือคำว่า
ปัญญา) เป็น
ศัพท์บัญญัติแทนคำว่า philosophy ในภาษาอังกฤษ (ที่มีรากศัพท์มาจากคำ
กรีกโบราณ: Φιλοσοφία ฟีโลโซเฟีย) ซึ่งอาจเป็นไปได้ที่
้ไพธากอรัสเป็นผู้บัญญัติไว้ เมื่อราวปี 570-495 ก่อนค.ศ. โดยเกิดจากการสมาสคำว่า φιλος พีลอส แปลว่า
ความรัก และ σοφία โซเฟีย แปลว่า
ความรู้ เมื่อรวมกันจึงมีความหมายว่า
ความรักในความรู้ หรือ
ความปรารถนาจะเข้าถึงความรู้ปรัชญา ตาม
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า วิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และหลักแห่งความจริง โดยในบรรดาความรู้ทั้งหลายของมนุษยชาตินั้น อาจแบ่งได้เป็นสองเรื่องใหญ่ ๆ เรื่องที่หนึ่ง คือ
เรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น
ฟิสิกส์ มีเป้าหมายในการศึกษาเพื่อหาความจริงต่าง ๆ และเข้าใจในธรรมชาติมากกว่าสิ่งรอบตัวเพราะรวมไปถึงจักรวาลทั้งหมดอย่างลึกซึ้ง
ชีววิทยา มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย
เคมี มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับธาตุและองค์ประกอบของธาตุ เป็นต้น นับแต่สมัยกรีกโบราณมาจนถึงศตวรรษที่ 19 การศึกษาวิชาดาราศาสตร์ การแพทย์ และฟิสิกส์ เคยถูกรวมอยู่สาขา
ปรัชญาธรรมชาติ (Natural philosophy) จนกระทั่งการเติบโตของมหาวิทยาลัยสมัยใหม่ ส่งผลให้นักวิชาการหันไปพัฒนาศาสตร์เฉพาะทางขึ้นมา เรื่องที่สอง คือ
เรื่องเกี่ยวกับสังคม เช่น
เศรษฐศาสตร์ มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจของสังคม
รัฐศาสตร์ มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับระบบการเมืองการปกครองของสังคม
นิติศาสตร์ มีเป้าหมายในการศึกษาเกี่ยวกับระบบกฎหมายของสังคม เป็นต้นเป้าหมายในการศึกษาของปรัชญา คือการครอบคลุมความรู้และความจริงในทุกศาสตร์และในทุกสาขาความรู้ของมนุษย์ รวมทั้งชีวิตประจำวันของตนด้วย ผลจากการศึกษาของปรัชญาก็สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้ ผู้ที่มีความรู้ อุทิศตนเพื่อการศึกษาและการผลิตองค์ความรู้ในทางด้านนี้ เรียกกันว่า
นักปรัชญา ปราชญ์ หรือ
นักปราชญ์