พระเจ้าสุทโธทนะ (
บาลี: สุทฺโธทน;
สันสกฤต: ศุทฺโธทน (शुद्धोदन);
อักษรโรมัน: Suddhodana) มักเรียกว่า
พระเจ้าสิริสุทโธทน์สุทรรศน์[3] มีพระนามราชสกุลว่า
โคตมะ เป็นพระมหากษัตริย์
แคว้นสักกะ (ซึ่งมีนครหลวงคือกรุง
กบิลพัสดุ์) เป็นพุทธบิดาของพระโคตมพุทธเจ้า พระองค์เป็นพระราชโอรสของ
พระเจ้าสีหหนุกับ
พระนางกัญจนา มีพระอนุชาและพระกนิษฐาร่วมพระชนกชนนีอีก 6 พระองค์ ได้แก่
พระเจ้าสุกโกทนะ พระเจ้าอมิโตทนะ โธโตทนะ ฆนิโตทนะ ปมิตา และ
อมิตา พระเจ้าสุทโธทนะมีพระอัครมเหสีนามว่า
พระนางสิริมหามายา เจ้าหญิงโกลิยวงศ์จากกรุง
เทวทหะ และมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งคือ
เจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งต่อมาตรัสรู้เป็น
พระโคตมพุทธเจ้า และหลังจากเจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ 7 วัน พระนางสิริมหามายาก็สวรรคต พระเจ้าสุทโธทนะจึงอภิเษกสมรสใหม่กับ
พระนางมหาปชาบดีโคตมี ซึ่งเป็นพระกนิษฐาร่วมชนนีกับ
พระนางสิริมหามายา และมีพระโอรสคือ
เจ้าชายนันทะ และพระธิดาคือ
เจ้าหญิงรูปนันทาพระเจ้าสุทโธทนะเป็นกษัตริย์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมและยึดมั่นในราชประเพณีอย่างเคร่งครัดในการปกครองบ้านเมือง[
ต้องการอ้างอิง] ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขตลอดรัชสมัยของพระองค์[
ต้องการอ้างอิง] ทรงมุ่งหวังที่จะให้พระโอรสโดยเฉพาะสิทธัตถะได้รับเลือกจากสภาศากยะให้เป็นราชาสืบต่อจากตน แต่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวช และพอทราบว่า เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระโคตมพุทธเจ้าแล้ว จึงเชิญพระโคตมพุทธเจ้ากลับมาที่กรุงกบิลพัสดุ์เมื่อพระโคตมพุทธเจ้าเสด็จมายังกรุงกบิลพัสดุ์คราวนี้ พระเจ้าสุทโธทนะได้สดับรับฟัง
พระธรรมเทศนา ทรงเกิดความเลื่อมใสศรัทธาใน
พระพุทธศาสนา บรรลุพระโสดาบันเป็น
อุบาสกในพรรษาที่ 5 ของพระโคตมพุทธเจ้า พระเจ้าสุทโธทนะประชวรหนัก พระโคตมพุทธเจ้าจึงเสด็จจากกูฎาคาร ป่ามหาวัน เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี มายังเมืองกบิลพัสดุ์ แสดงธรรมโปรดพระเจ้าสุทโธทนะ 7 วัน ในวันสุดท้าย พระเจ้าสุทโธทนะได้บรรลุพระอรหัตผลและนิพพาน