พระเจ้าเจมส์ที่ 2[3]แห่งอังกฤษ (พ.ศ. 2228 – พ.ศ. 2232) หรือ
พระเจ้าเจมส์ที่ 7 แห่งสกอตแลนด์ เป็น
พระมหากษัตริย์อังกฤษ พระมหากษัตริย์ไอร์แลนด์ และ
พระมหากษัตริย์สกอตแลนด์ เสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์อังกฤษเมื่อวันที่
6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2228 ถึง
13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2232 นับว่าเป็นพระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์สุดท้ายที่นับถือนิกาย
โรมันคาทอลิกเมื่อเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย พระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งอังกฤษทรงครองราชย์ในเวลาเดียวกันกับระหว่างรัชสมัยของ
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชใน
สมัยกรุงศรีอยุธยาพระเจ้าเจมส์เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ใน
พระเจ้าชาลส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและ
พระนางเฮนเรียตตา มาเรีย ประสูติที่
พระราชวังเซนต์เจมส์ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ในปี พ.ศ. 2176 และทรงขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น
ดยุกแห่งยอร์ก ในปี พ.ศ. 2187 ในระหว่างที่เกิดสงครามกลางเมืองในอังกฤษขึ้นทรงพำนักอยู่ที่เมือง
อ็อกซฟอร์ด ภายในฐานที่มั่นของผู้สนับสนุนระบอบการปกครองภายใต้พระมหากษัตริย์ต่อมาในปี พ.ศ. 2189 เมื่อได้ประกาศยุติสงครามกลางเมืองแล้ว ดยุกแห่งยอร์กทรงถูกกักกันให้อยู่ในเขตพระราชวังเซนต์เจมส์ ภายใต้คำสั่งของรัฐสภาหรือคณะผู้แทนราษฎร และในปี พ.ศ. 2191 ก็ทรงหลบหนีออกมาจากพระราชวังโดยการปลอมพระองค์และไปประทับอยู่ที่เมืองเฮก ซึ่งในปัจจุบันกรุงเฮกคือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศเนเธอร์แลนด์ภายหลังจากที่พระเจ้าชาลส์ที่ 1 ทรงถูกปลงพระชนม์ โดยในข้อหา
กบฏต่อแผ่นดินในปี พ.ศ. 2192 ทางราชสำนักจึงออกประกาศแต่งตั้งให้ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก ซึ่งเป็นพระราฃโอรสของพระเจ้าชาลส์ที่ 1 ขึ้นครองราชสมบัติแทน โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระเจ้าชาลส์ที่ 2พระเจ้าชาลส์ที่ 2 ทรงผ่านการรับรองโดยรัฐสภาแห่งสก็อตแลนด์และรัฐสภาแห่งไอร์แลนด์ และในปี พ.ศ. 2194 ทรงเข้ารับการราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์สกอตแลนด์ด้วย ถึงกระนั้นก็ตามพระองค์ก็ยังทรงไม่วางใจในความมั่นคงและในด้านความปลอดภัยของพระองค์เอง จึงทรงหลบหนีไปยังประเทศฝรั่งเศสในเวลาต่อมาต่อมาพระเจ้าเจมส์ทรงมองหาที่ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศสเช่นเดียวกับพระเชษฐาของพระองค์ และพระองค์ทรงได้รับการช่วยเหลือจากนักรบฝรั่งเศสที่อยู่ภายใต้การนำของ Turenne ซึ่งเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกรแห่งประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2199 เมื่อพระเชษฐาของพระองค์คือพระเจ้าชาลส์ ได้ทรงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับประเทศสเปนซึ่งเป็นศัตรูกับฝรั่งเศสในเวลานั้น พระองค์ทรงได้ทรงเข้าร่วมกับทหารสเปนภายใต้การนำของหลุยส์ที่ 2 Prince of Condé ซึ่งเป็นราชนิกูลของราชงศ์บูร์บง แห่งฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งในนักรบที่เก่งฉกาจที่สุด แห่งศตวรรษที่ 17 ความองอาจทางด้านการทหารทำได้รับสมญานามว่า "The Great Condé" (le Grand Condé) และยังถูกขนานขามว่าเป็น "the French Alexander" หรือพระเจ้าอเล็กซานเดอร์แห่งฝรั่งเศส อีกด้วยในปี พ.ศ. 2203 โอลิเวอร์ ครอมเวลล์ ซึ่งได้ยึดอำนาจและดำรงตำแหน่ง “
เจ้าผู้อารักขา” (Lord Protector) แห่ง
เครือจักรภพแห่งอังกฤษ ได้ถึงแก่อสัญกรรมลงด้วยไข้มาเลเรีย ณ กรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 3 กันยายน พระเจ้าชาลส์ได้ทรงกลับคืนสู่บัลลังก์ แม้ว่าพระเจ้าเจมส์เคยเป็นรัชทายาทโดยการถือสิทธิ์ของพระองค์เอง แต่ดูเหมือนว่าพระองค์ทรงปรารถนาที่จะราชาภิเษกเช่นเดียวกัน ในปี พ.ศ. 2203 พระเจ้าเจมส์ ซึ่งภายหลังได้ถูกแต่งตั้งให้เป็น
ดยุกแห่งออลบานี ในแคว้นสกอตแลนด์ ได้สมรสกับ
แอนน์ ไฮด์ บุตรีของหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของพระเจ้าชาลส์ หรือเอ็ดเวิร์ด ไฮด์ ขุนนางแห่งคราเรนดอในปี พ.ศ. 2208 – พ.ศ. 2210 พระเจ้าเจมส์ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเป็นผู้บัญชาการแห่งกองทัพราชนาวีอังกฤษอีกด้วย ต่อมาในระหว่างปี พ.ศ. 2215 – พ.ศ. 2217 ได้เกิดสงครามชื่อว่า Third Anglo-Dutch Wars ขึ้น ซึ่งสงครามนี้เกิดขึ้นจากการที่ในปี พ.ศ. 2211 อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และสวีเดน ได้ลงนามในสัญญาเข้าร่วมกันเป็นพันธมิตร เพื่อต่อต้านฝรั่งเศส ซึ่งต่อมาภายหลังพระเจ้าชารส์ที่ 2 ได้ทรงไปเซ็นสัญญาลับสุดยอด หรือสนธิสัญญาข้อตกลงว่าด้วยสันติภาพ Treaty of Dove กับฝรั่งเศสอีกในปี พ.ศ. 2213 ยังผลให้เกิดสงคราม The Third Anglo-Dutch War ขึ้นมาในที่สุด และในภายหลังอังกฤษเข้าร่วมกับฝรั่งเศสเพื่อบุกเนเธอร์แลนด์ ในปี พ.ศ. 2215 ผลพวงของการเกิดสงครามนี้ทำให้อังกฤษได้ดินแดนบางส่วนของเนเธอร์แลนด์ไป และตั้งชื่อใหม่ว่า นิวยอร์ก “New York” เพื่อเป็นเกียรติแก่พระองค์ ส่วนพื้นที่ทางริมฝั่งแม่น้ำฮัดสันถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอัลบานี เพื่อเป็นเกียรติแก่พระองค์เช่นเดียวกัน และพระองค์ก็ทรงเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัทเดอะรอยัลแอฟริกันคัมพะนี ซึ่งดำเนินกิจการเกี่ยวกับการค้า
ทาส