214 °C, 487 K, 417 °F
พิวรีน (
อังกฤษ: purine)เป็น
สารประกอบอินทรีย์ประเภทเฮเตอโรไซคลิกและอะโรมาติก ที่มีวงแหวนไพริมิดีน (pyrimidine) เชื่อมกับวงแหวน
อิมิดาโซลและให้ชื่อของมันกับกลุ่ม
โมเลกุลที่เรียกว่า พิวรีน ซึ่งรวมพิวรีนที่มีการแทนที่โครงสร้างและเทาโทเมอร์
[upper-alpha 1]ต่าง ๆ ของพิวรีน
[4]เป็นสารประกอบเฮเตอโรไซคลิกแบบมี
ไนโตรเจนที่มีมากที่สุดใน
ธรรมชาติและละลายน้ำได้พิวรีนพบอย่างเข้มข้นใน
เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อ โดยเฉพาะเครื่องในรวมทั้ง
ตับไตโดยทั่วไปแล้ว พืชผักจะมีพิวรีนต่ำ
[5]ตัวอย่างของอาหารที่มีพิวรีนสูงรวมทั้ง
ต่อมไทมัส ตับอ่อน ปลาแอนโชวี่ ปลาซาร์ดีน ตับ ไตของวัวควาย
สมอง สารสกัดจากเนื้อ
ปลาเฮร์ริง ปลาแมกเคอเรล หอยเชลล์ เนื้อสัตว์ที่ล่าเพื่ออาหารหรือเพื่อ
การกีฬา เบียร์ (โดยได้จาก
ยีสต์) และน้ำ
เกรวีอาหารที่มีพิวรีนกลาง ๆ รวมทั้ง เนื้อ
วัวควาย เนื้อ
หมู ปลาและอาหารทะเล ผักแอสพารากัส ต้นกะหล่ำดอก
ผักโขมจีน เห็ด ถั่วลันเตา ถั่วเล็นทิล ถั่ว
ข้าวโอ๊ต รำข้าวสาลี และจมูกข้าวสาลี
[6]พิวรีนและไพริมิดีนเป็นกลุ่มสองกลุ่มของเบสไนโตรเจน (nitrogenous base) และก็เป็นกลุ่มสองกลุ่มของเบสนิวคลีโอไทด์ (nucleotide base/nucleobase) ด้วยdeoxyribonucleotide 2 อย่างใน 4 อย่าง คือ deoxyadenosine และ guanosine, ribonucleotide 2 อย่างใน 4 อย่าง คือ adenosine/adenosine monophosphate (AMP) และ guanosine/guanosine monophosphate (GMP) ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานของ
ดีเอ็นเอและ
อาร์เอ็นเอตามลำดับ ก็เป็นพิวรีนเพื่อจะสร้างดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอ เซลล์จำเป็นต้องใช้พิวรีนและไพรมิดีนเป็นจำนวนพอ ๆ กันทั้งพิวรีนและไพริมิดีนต่างก็เป็นสารยับยั้งและสารก่อฤทธิ์ต่อพวกตนเองคือ เมื่อพิวรีนก่อตัวขึ้น มันจะยับยั้งเอนไซม์ที่ใช้สร้างพิวรีนเพิ่มพร้อมกับก่อฤทธิ์ของเอนไซม์ที่ใช้สร้างไพริมิดีนและไพริมิดีนก็ทั้งยับยั้งตนเองและออกฤทธิ์ให้สร้างพิวรีนในลักษณะเช่นเดียวกันเพราะเหตุนี้ จึงมีสารทั้งสองอยู่ในเซลล์เกือบเท่า ๆ กันตลอดเวลา
[7]