ประวัติการแข่งขัน ของ ฟุตบอลทีมชาติสเปน

การแข่งขันครั้งแรก

ฟุตบอลทีมชาติสเปนได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1920 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตัวแทนประเทศสเปนไปแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 7 ที่เมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ทีมชาติสเปนลงสนามอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1920 โดยพบกับทีมชาติเดนมาร์กที่สนามกีฬาในกรุงบรัสเซลส์ และสามารถเอาชนะเดนมาร์ก 1-0 ด้วยการยิงประตูจากปาตรีเซียว ทีมชาติสเปนได้เหรียญเงินเป็นครั้งแรกจากการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้น

การแข่งขันใหญ่ระหว่างปี ค.ศ. 1950-2004

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008

แม้จะทำผลงานครั้งแรก ๆ ได้ไม่ดีนักเมื่อเริ่มต้นแข่งขันรอบคัดเลือกตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 แต่สเปนก็สามารถผ่านเข้ามาในรอบแบ่งกลุ่มของการแข่งขันฟุตบอลยูโรที่ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ได้สำเร็จ ในช่วงนี้เองเกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้จัดการทีมลุยส์ อาราโกเนสกับสื่อมวลชนสเปน ครั้งแรกในเรื่องผลการแข่งขันที่ผ่านมาซึ่งย่ำแย่ และครั้งที่ 2 ในเรื่อง "ข่าว" ความขัดแย้งกับอดีตกัปตันทีมชาติราอุล กอนซาเลซ[9]

ในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มสเปนอยู่ในกลุ่ม D ร่วมกับสวีเดน กรีซ และรัสเซีย ในนัดแรกที่พบกับรัสเซียนั้นผลออกมาคือสเปนชนะไป 4-1 โดยได้ 3 ประตูจากดาบิด บียา และอีก 1 ประตูจากเซสก์ ฟาเบรกัส ส่วนในนัดที่ 2 ที่พบกับสวีเดน สเปนก็ยังเอาชนะได้ด้วยคะแนน 2-1 จากการยิงของเฟร์นันโด ตอร์เรสและบียา และในนัดสุดท้ายที่พบกับแชมป์เก่ากรีซ สเปนสามารถเอาชนะได้เช่นกันด้วยคะแนน 1-2 โดยได้ประตูจากรูเบน เด ลา เรด และดานี กวีซา

ด้วยชัยชนะทั้งสามครั้งรวดทำให้สเปนอยู่ในอันดับที่ 1 ของกลุ่ม และต้องไปพบกับอิตาลีในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งสเปนสามารถยิงจุดโทษเอาชนะไปได้ 4-2 หลังจากต่อเวลาพิเศษแล้วยังเสมอกัน 0-0 ในนัดนี้อีเกร์ กาซียัส ผู้รักษาประตูฝ่ายสเปนสามารถหยุดลูกยิงจากฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ 2 ลูก ส่วนผู้ทำประตูให้กับสเปนในนัดนี้ได้แก่ บียา, กาซอร์ลา, เซนนา และฟาเบรกัส

สเปนลงแข่งในรอบรองชนะเลิศกับรัสเซียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน และเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 3-0 ซึ่งเป็นประตูที่ยิงได้ในครึ่งหลังทั้งหมดจากชาบี อาร์นันดัส, ดานี กวีซา และดาบิด ซิลบา ทำให้สเปนผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี อย่างไรก็ตาม สเปนก็ต้องขาดบียากองหน้าคนสำคัญไปเพราะได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาจากการเตะลูกฟรีคิกในนัดที่แข่งกับรัสเซีย

ในวันที่ 29 มิถุนายน สเปนพบกับเยอรมนีซึ่งชนะตุรกีมาได้ด้วยคะแนน 3-2 ในนัดนี้ เฟร์นันโด ตอร์เรสทำประตูให้สเปนขึ้นนำเยอรมนีได้ในนาทีที่ 33 โดยไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มอีกในครึ่งหลัง เกมจึงสิ้นสุดลงด้วยคะแนน 1-0 ทำให้ทีมชาติสเปนได้ครองแชมป์การแข่งขันใหญ่อีกครั้งหลังจากว่างเว้นไปถึง 44 ปี

ฟุตบอลโลก 2010

ในฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ก่อนการแข่งขันสเปนถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ได้ แต่เมื่อได้แข่งนัดแรกแล้ว สเปนกลับเป็นฝ่ายพลิกล็อกแพ้สวิตเซอร์แลนด์ไป 0-1 แต่หลังจากนั้นสเปนก็ทำผลงานกระเตื้องขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ[10]

ในรอบชิงชนะเลิศ สเปนเป็นฝ่ายเอาชนะเนเธอร์แลนด์ ที่ชนะมาทุกรอบได้ ไป 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังจากเสมอมาในเวลาปกติ 0-0 จากการยิงประตูของอันเดรส อีเนียสตา ในนาทีที่ 116 ทำให้สเปนได้ครองแชมป์โลกเป็นครั้งแรก และเป็นทีมจากทวีปยุโรปทีมแรกที่คว้าแชมป์โลกได้นอกทวีปของตนเอง และเป็นทีมแรกที่แพ้ก่อนในนัดแรกแต่พลิกกลับๅ/มาเป็นแชมป์ได้ในที่สุด[11][12]

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ที่โปแลนด์และยูเครนเป็นเจ้าภาพ สเปนในฐานะแชมป์เก่าสามารถป้องกันแชมป์เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันได้สำเร็จ โดยในรอบชิงชนะเลิศสามารถระเบิดฟอร์มถล่มอิตาลีไปอยางขาดลอยถึง 4-0[13]

ฟุตบอลโลก 2014

ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ สเปนในฐานะแชมป์เก่าอยู่กลุ่ม B ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นคู่ชิงชนะเลิศเมื่อคราวที่แล้ว, ชิลี และออสเตรเลีย ในนัดแรก สเปนเป็นฝ่ายแพ้เนเธอร์แลนด์ไปมากถึง 1-5 ซึ่งนับเป็นผลการแข่งขันที่สเปนแพ้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ทีมชาติอีกด้วย[14] และในนัดถัดมา สเปนก็เป็นฝ่ายแพ้ต่อ ชิลี 0-2 ทำให้ตกรอบแรกไปทันที โดยไม่ต้องรอผลการแข่งขันนัดที่ 3 กับออสเตรเลีย อีกทั้งถือว่า สเปนเป็นทีมแชมป์เก่าที่ตกรอบแรกฟุตบอลโลกเป็นทีมที่ 4 ต่อจาก อิตาลี ในฟุตบอลโลก 1950, บราซิล ในฟุตบอลโลก 1966 และ ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 2002[15]

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016

สเปนในฐานะแชมป์เก่า และแชมป์ 2 สมัยติดต่อกัน ได้ลงเล่นในกลุ่ม D ร่วมกับโครเอเชีย, สาธารณรัฐเช็ก และตุรกี โดยก่อนการแข่งขันถูกยกให้เป็นทีมเต็ง 3 ที่จะได้แชมป์ในคราวนี้[16] ผลปรากฏว่าในรอบแรก สเปนได้ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายหรือรอบที่ 2 ด้วยการเป็นที่ 2 ของกลุ่ม เนื่องจากนัดสุดท้ายแพ้ต่อ โครเอเชียไป 1-2[17] แต่ต้องตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อเป็นฝ่ายแพ้ต่อ อิตาลี ซึ่งเป็นคู่ชิงชนะเลิศเมื่อ 4 ปีก่อน ไป 2-0 [18] ทำให้ บีเซนเต เดล โบสเก หัวหน้าผู้ฝึกสอนประกาศลาออกจากตำแหน่ง[19] ซึ่งราชสหพันธ์ฟุตบอลสเปนได้ประกาศแต่งตั้งยูเลน โลเปเตกี ที่เคยพาทีมชาติสเปนรุ่นอายุไม่เกิน 19 และ 21 ปีคว้าแชมป์ยุโรปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่[20]

ใกล้เคียง

ฟุตบอลทีมชาติไทย ฟุตบอลโลก ฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้ ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ฟุตบอล ฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ฟุตบอลทีมชาติบราซิล ฟุตบอลทีมชาติอิตาลี ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย – รอบที่ 2

แหล่งที่มา

WikiPedia: ฟุตบอลทีมชาติสเปน http://www.diariocordoba.com/noticias/noticia.asp?... http://www.fifa.com/associations/association=esp/ http://www.fifa.com/tournaments/archive/confederat... http://www.fifa.com/worldcup/matches/round=249721/... http://www.fun78.com/th-TH/Bliss/Articles/euro-201... http://www.furiaroja.com/ http://www.furiaroja.com/cronica.htm http://www.rsssf.com/miscellaneous/span-recintlp.h... http://www.rsssf.com/tabless/span-intres.html http://www.sefutbol.com/oficial-lista-convocados-e...