ภาวะหัวใจวาย หรือ
ภาวะหัวใจล้มเหลว (
อังกฤษ: Heart Failure (HF)) มักใช้หมายถึง
ภาวะหัวใจวายเรื้อรัง (
อังกฤษ: chronic heart failure (CHF)) เกิดเมื่อ
หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดเพียงพอเพื่อคงการไหลของเลือดเพื่อสนองความต้องการของร่างกาย
[1][2][3] คำว่า
โรคหัวใจเลือดคั่ง (
อังกฤษ: Congestive heart failure (CHF) หรือ congestive cardiac failure (CCF)) มักใช้แทนคำว่า หัวใจวายเรื้อรัง ได้
[4] อาการและอาการแสดงโดยทั่วไปมีหายใจกระชั้น เหนี่อยเกิน และขาบวม
[5] การหายใจกระชั้นมักเลวลงเมื่อออกกำลังกาย เมื่อนอนราบและเมื่อกลางคืนขณะหลับ
[5] มักมีข้อจำกัดปริมาณการออกกำลังกายที่ผู้ป่วยทำได้ แม้รักษาอย่างดีแล้ว
[6]สาเหตุทั่วไปของภาวะหัวใจวาย ได้แก่
โรคหลอดเลือดหัวใจซึ่งรวม
กล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด (อาการหัวใจล้ม) ก่อนหน้านี้,
ความดันโลหิตสูง,
หัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว (atrial fibrillation), โรคลิ้นหัวใจ (valvular heart disease), และโรคกล้ามเนื้อหัวใจ (cardiomyopathy)
[5][7] สาเหตุเหล่านี้ทำให้เกิดอาการหัวใจล้มโดยเปลี่ยนโครงสร้างหรือการทำหน้าที่ของหัวใจ
[5] มีอาการหัวใจล้มสองประเภทหลัก คือ อาการหัวใจล้มจากการทำหน้าที่ผิดปรกติของหัวใจห้องล่างซ้ายและอาการหัวใจล้มโดยมี
เศษส่วนการสูบฉีดปกติแล้วแต่ว่าหัวใจห้องล่างซ้ายมีความสามารถหดตัวหรือไม่ หรือความสามารถคลายตัวของหัวใจ
[5] ปกติจัดลำดับความรุนแรงของโรคจากความสามารถการออกกำลังกายที่ลดลง
[8] ภาวะหัวใจวายมิใช่อย่างเดียวกับกล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือดหรือ
หัวใจหยุด (ซึ่งเลือดหยุดไหลทั้งหมด)
[9][10] ฦโรคอื่นซึ่งอาจมีอาการคล้ายกับภาวะหัวใจวาย เช่น
โรคอ้วน ปัญหาไต ปัญหาตับ
โลหิตจาง และโรคไทรอยด์ เป็นต้น
[8]การวินิจฉัยภาวะนี้อาศัยประวัติของอาการและการตรวจร่างกาย ยืนยันด้วย
การบันทึกภาพหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (echocardiography)
[11] การตรวจเลือด การบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจและการฉายรังสีทรวงอกอาจมีประโยชน์เพื่อตัดสินสาเหตุเบื้องหลัง
[11] การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของโรค
[11]. ในผู้ที่ป่วยเรื้อรังอยู่แล้วในสถานการณ์คงตัว โดยทั่วไปการรักษาประกอบด้วยมาตรการวิถีชีวิตอย่างการหยุดสูบบุหรี่
[12] การออกกำลังกาย
[13] และการเปลี่ยนแปลงอาหาร ตลอดจนยารักษาโรค
[12] ในผู้ทีมีภาวะหัวใจวายเนื่องจากการทำหน้าที่ผิดปรกติของห้องล่างซ้าย แนะนำยา
ยับยั้งเอนไซม์เปลี่ยนแองจิโอเทนซิน (angiotensin converting enzyme inhibitor) และ
บีตาบล็อกเกอร์ (beta blockers)
[11] สำหรับผู้ที่มีโรครุนแรง, อาจใช้สารต้านแอลโดสเตอโรน (aldosterone antagonists),
ตัวยับยั้งตัวรับแองจิโอเทนซิน (angiotension receptor blocker) หรือไฮดราลาซีน (hydralazine) ร่วมกับไนเตรต
[11] หากมีเศษส่วนการสูบฉีดปกติ ควรรักษาปัญหาสุขภาพที่สัมพันธ์
[11] ยาขับปัสสาวะมีประโยชน์ป้องกันการคั่งของของไหลและแนะนำให้ใช้
[12] แล้วแต่สาเหตุ บางครั้งเครื่องมือฝังอย่างตัวคุมจังหวะหรือเครื่องรักษาหัวใจเต้นแผ่วระรัวแบบฝังได้ (implantable cardiac defibrillator) อาจเป็นประโยชน์
[11] อาจแนะนำเครื่องช่วยหัวใจห้องล่างหรือในบางโอกาส การปลูกถ่ายหัวใจ ในผู้ที่เป็นโรครุนแรงและรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล
[12]ภาวะหัวใจวายเป็นภาวะที่พบทั่วไป เสียค่าใช้จ่าย และทำให้เสียชีวิตได้
[7] ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประมาณ 2% ของผู้ใหญ่มีภาวะหัวใจวาย และในผู้อายุมากกว่า 65 ปี ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6-10%
[7][14] หนึ่งปีหลังการวินิจฉัย ความเสี่ยงการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 35% แล้วลดลงไปต่ำกว่า 10% ในแต่ละปี
[5] เลขนี้คล้ายกับความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิด
[5] ในสหราชอาณาจักร โรคนี้เป็นสาเหตุการรับเข้าโรงพยาบาลฉุกเฉิน 5%
[5] มนุษย์รู้จักภาวะหัวใจวายมาแต่โบราณกาล โดย
พาไพรัสเอแบส์ออกความเห็นเมื่อประมาณ 1550 ปีก่อนคริสตกาล
[6].