สัทวิทยา ของ ภาษาสเปน

การออกเสียงคำส่วนใหญ่ในภาษาสเปนจะสามารถทราบได้จากตัวสะกดอยู่แล้ว เนื่องจากพยัญชนะ/สระหนึ่งตัวส่วนใหญ่จะแทนเสียงเพียงเสียงเดียว ไม่ว่าจะปรากฏอยู่ในตำแหน่งใดหรือกับพยัญชนะ/สระใดก็ตาม ยกเว้นบางหน่วยเสียง (phoneme) ที่หากปรากฏในตำแหน่งที่ต่างกันจะมีเสียงแปร (allophone) เกิดขึ้น ซึ่งยังมีลักษณะการออกเสียงใกล้เคียงกับหน่วยเสียงหลัก แต่นอกจากเสียงสระและพยัญชนะแล้ว การลงน้ำหนักพยางค์ (accentuation) และการใช้ทำนองเสียง (intonation) แบบต่าง ๆ ให้เหมาะสมก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อการออกเสียงเพื่อสื่อสาร ในภาษาสเปนมีจำนวนคำที่ต้องลงน้ำหนักที่พยางค์รองสุดท้ายมากที่สุด[70] รองลงมาเป็นคำที่ต้องลงน้ำหนักที่พยางค์สุดท้ายและคำที่ต้องลงน้ำหนักที่พยางค์ที่สาม (นับจากพยางค์สุดท้าย) ตามลำดับ

ลักษณะเฉพาะตัวทางสัทวิทยาของภาษาสเปนที่เปลี่ยนแปลงไปจากภาษาละตินได้แก่ การกลายเสียงพยัญชนะไม่ก้องระหว่างสระเป็นเสียงก้อง[71] (เช่น ละติน vīta > สเปน vida; ละติน lupus > สเปน lobo; ละติน lacus > สเปน lago), การกลายเสียงสระเดี่ยว e และ o ในพยางค์เน้นเป็นสระประสม[72] (เช่น ละติน terra > สเปน tierra; ละติน novus > สเปน nuevo) และการกลายเสียงพยัญชนะที่ซ้ำเสียงกันต่อเนื่องเป็นเสียงพยัญชนะเพดานแข็ง[71] (เช่น ละติน annus > สเปน año /ˈaɲo/; ละติน caballus > สเปน caballo /kaˈbaʎo/) เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงทางเสียงทำนองนี้ก็เกิดขึ้นเช่นกันในภาษากลุ่มโรมานซ์ภาษาอื่น ๆ หลังจากการสถาปนาราชบัณฑิตยสถานสเปนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ระบบการเขียนของภาษาสเปนจึงได้รับการดัดแปลงให้ง่ายขึ้นโดยอิงรูปแบบทางสัทศาสตร์เป็นหลัก

เสียงสระ

หน่วยเสียงสระสเปน[73]    

ประเภทสระหน้าสระ
กลางลิ้น
สระหลัง
สระลิ้นยกสูง (ปิด)   i
      u
สระลิ้นระดับกลาง      e  o
สระลิ้นลดต่ำ (เปิด)
     a

ภาษาสเปนมีหน่วยเสียงสระ 5 หน่วยเสียง ได้แก่ /i/, /u/, /e/, /o/ และ /a/ สระทุกตัวสามารถปรากฏทั้งในตำแหน่งที่รับและไม่ได้รับการลงเสียงหนักในพยางค์[73] โดยปกติเสียงสระ /e/ และ /o/ เป็นสระลิ้นระดับกลาง (mid vowel) กล่าวคือ ลิ้นไม่ยกสูงขึ้นไปใกล้เพดานปากและไม่ลดต่ำลงจนห่างจากเพดานปากมากเกินไป แต่ในการออกเสียงจริง บางครั้งลิ้นอาจลดต่ำลงอีกจากตำแหน่งปกติจนทำให้สระทั้งสองเกือบกลายเป็นสระ [ɛ] [เอะ+แอะ] และ [ɔ] [เอาะ] ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของสระรวมทั้งพยัญชนะที่นำหน้าและ/หรือตามหลังมันในคำต่าง ๆ [74] แต่เราไม่ถือว่าเสียงสระเหล่านี้เป็นหน่วยเสียงหลักต่างหากในภาษาสเปน เนื่องจากไม่ทำให้ความหมายของคำแตกต่างไปจากหน่วยเสียงสระเดิม นั่นหมายความว่าเสียงเหล่านี้ยังคงเป็นเสียงย่อย (allophone) ของหน่วยเสียง /e/ และ /o/ ตามลำดับ ต่างจากภาษาพี่น้องอย่างกาตาลา โปรตุเกส ฝรั่งเศส และอิตาลีที่มี /ɛ/ และ /ɔ/ เป็นหน่วยเสียงเอกเทศ[74][75][76] เพราะทั้งหมดมีความสำคัญต่อการจำแนกความหมายของคำ

เสียงพยัญชนะ

ปัจจุบันระบบเสียงในหลายสำเนียงของภาษาสเปนประกอบด้วยหน่วยเสียงพยัญชนะอย่างน้อย 17 หน่วยเสียง ได้แก่ /m, n, ɲ, p, b, t̪, d̪, k, ɡ, t͡ʃ, ɟ͡ʝ, f, s, x, ɾ, r, l/ แต่ในแถบเทือกเขาแอนดีสในทวีปอเมริกาใต้จะปรากฏหน่วยเสียง /ʎ/[77] เพิ่มขึ้นเป็น 18 หน่วยเสียง และในหลายพื้นที่ของประเทศสเปนจะปรากฏหน่วยเสียง /ʎ/ และ /θ/[77][78] เพิ่มขึ้นอีกรวมเป็น 19 หน่วยเสียง รายการหน่วยเสียงพยัญชนะสเปนในตารางข้างล่างนี้แสดงหน่วยเสียงที่ปรากฏเฉพาะในสำเนียงดังกล่าวไว้ด้วยโดยมีเครื่องหมายดอกจันกำกับอยู่ ตัวสัทอักษรที่ปรากฏในวงเล็บคือเสียงย่อยที่สำคัญ ส่วนตัวสัทอักษรที่ปรากฏเป็นคู่ในช่องเดียวกันแสดงว่า ทั้งสองมีตำแหน่งเกิดเสียงและลักษณะการออกเสียงร่วมกัน แต่ตัวซ้ายจะเป็นเสียงไม่ก้อง ตัวขวาจะเป็นเสียงก้อง

หน่วยเสียงพยัญชนะสเปน[79]
ริมฝีปากริมฝีปาก
กับฟัน
ลิ้น
ระหว่างฟัน
ฟันปุ่มเหงือกเพดานแข็งเพดานอ่อน
เสียงนาสิกm    n     ɲ     (ŋ)    
เสียงกักp      bt̪       d̪k      ɡ
เสียงกักเสียดแทรกt͡ʃ      ɟ͡ʝ
เสียงเสียดแทรกf        θ*      s             x
เสียงเปิด(β̞)    (ð̞)   ( ʝ̞ )    (ɣ̞)    
เสียงลิ้นกระทบɾ      
เสียงรัวr      
เสียงข้างลิ้นl      ʎ*    

การลงน้ำหนักพยางค์

ภาษาสเปนเป็นภาษาหนึ่งที่มีการลงน้ำหนักพยางค์และการใช้ทำนองเสียง ในคำสเปนส่วนใหญ่ น้ำหนักจะตกอยู่ที่พยางค์ใดพยางค์หนึ่งในสามพยางค์สุดท้ายของคำ แต่มีข้อยกเว้นคืออาจจะตกที่พยางค์ที่สี่หรือห้านับจากพยางค์สุดท้ายซึ่งเป็นกรณีพบไม่บ่อยนัก โดยแนวโน้มในการลงน้ำหนักพยางค์ของคำสเปนมีดังต่อไปนี้[80] (ลงน้ำหนักที่พยางค์ที่เป็นตัวหนา)

  • คำที่ลงน้ำหนักที่พยางค์รองสุดท้าย ได้แก่ คำที่ลงท้ายด้วยสระหรือพยัญชนะ ‹n› และ ‹s›[81] เช่น copa, cine, todo, luchan, gracias เป็นต้น ทั้งนี้ ยกเว้นในกรณีที่ ‹s› มีพยัญชนะอื่นนำหน้าอยู่ คำนั้นจะลงน้ำหนักที่พยางค์สุดท้าย[82]
  • คำที่ลงน้ำหนักที่พยางค์สุดท้าย ได้แก่ คำที่ลงท้ายด้วยพยัญชนะตัวอื่น ๆ นอกเหนือจาก ‹n› และ ‹s›[81] เช่น Madrid, igual, llamar, virrey, veraz เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมถึงคำที่ลงท้ายด้วย ‹s› แต่มีพยัญชนะอื่นนำหน้า ‹s› ตัวนั้นอยู่ด้วย เช่น robots, zigzags เป็นต้น[82]

คำที่มีการลงน้ำหนักที่พยางค์อื่น ๆ นอกเหนือจากสองพยางค์สุดท้าย หรือมีการลงน้ำหนักที่พยางค์ใดพยางค์หนึ่งในสองพยางค์นี้แต่ไม่เป็นไปตามกฎข้างบน จะมีเครื่องหมายลงน้ำหนักเด่นชัด (acute accent) กำกับไว้บนสระของพยางค์นั้น[83] เช่น ca, clímax, bil, fórceps, razón, quey, veintitrés, bado เป็นต้น

  • คำที่ลงน้ำหนักที่พยางค์ที่สามจากท้ายคำ เช่น game, rrafo, helicóptero เป็นต้น
  • คำที่ลงน้ำหนักที่พยางค์ที่สี่หรือห้าจากท้ายคำ มักจะเป็นคำที่ในรูปประโยคคำสั่ง (imperative) หรือรูปกริยาเป็นนาม (gerund) ที่สร้างขึ้นโดยนำรูปติด (clitic) ซึ่งเป็นสรรพนามกรรมตรงและกรรมรองมาต่อท้ายรูปกริยาแท้โดยไม่เว้นวรรค แต่ตำแหน่งลงเสียงหนักจะอยู่ในคำกริยาเหมือนเดิม ไม่เลื่อนไปอยู่ที่กรรมตรงหรือกรรมรองไม่ว่าจะลงท้ายด้วยสระหรือพยัญชนะตัวใดก็ตาม เช่น metelo, guardándoselos, llévesemela เป็นต้น หรือเกิดกับคำกริยาวิเศษณ์บางคำที่สร้างขึ้นโดยใช้หน่วยคำเติมหลัง -mente ต่อท้ายคำคุณศัพท์ที่มีตำแหน่งลงเสียงหนักผิดปกติอยู่แล้ว เช่น dicil > dicilmente, pido > pidamente เป็นต้น

นอกจากข้อยกเว้นต่าง ๆ ของแนวโน้มในการลงน้ำหนักพยางค์แล้ว ยังมีคู่เทียบเสียง (minimal pair) อีกเป็นจำนวนมากที่มีความแตกต่างกันในเรื่องการลงน้ำหนักพยางค์เท่านั้น เช่น bana (‘ผ้าปูที่นอน’) และ sabana (‘ทุ่งหญ้าสะวันนา’) หรือ mite (‘เขตแดน’), limite (‘[ที่] เขา/เธอจำกัด’) และ limi (‘ฉันจำกัด’) เป็นต้น

แหล่งที่มา

WikiPedia: ภาษาสเปน http://www.argentina.gov.ar/argentina/portal/pagin... http://www.indec.mecon.ar/nuevaweb/cuadros/2/proye... http://www.turismobolivia.bo/loader_es.php?n1=1&n2... http://www.mre.gov.br/portugues/imprensa/nota_deta... http://www.governmentofbelize.gov.bz/ab_people.htm... http://www12.statcan.ca/francais/census06/data/top... http://www.mainframe.cl/diccionario/diccionario.ph... http://www.sernatur.cl/internacional/?lang=1 http://www.cna.gov.co/cont/documentos/legislacion/... http://www.dane.gov.co/reloj/reloj_animado.php