วัฒนธรรม ของ มนุษย์

ดูบทความหลักที่: วัฒนธรรม และ สังคม

มนุษย์เป็นสัตว์สังคมอย่างสูงและมีแนวโน้มอาศัยอยู่ในกลุ่มสังคมซับซ้อนขนาดใหญ่ มนุษย์ถนัดในการใช้ระบบการสื่อสารเพื่อแสดงความรู้สึกของตน แลกเปลี่ยนความคิด และการจัดระเบียบ เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใด และฉะนั้นจึงได้สร้างโครงสร้างทางสังคมซับซ้อนซึ่งประกอบด้วยหลายกลุ่มทั้งที่ร่วมมือและแข่งขันกัน กลุ่มมนุษย์มีตั้งแต่ครอบครัวไปจนถึงชาติ อันตรกิริยาทางสังคมระหว่างมนุษย์ได้สร้างค่านิยม จารีตสังคม และพิธีกรรมอันหลากหลายกว้างขวางมาก ซึ่งทั้งหมดร่วมกันสร้างรากฐานของสังคมมนุษย์

วัฒนธรรมในที่นี้นิยามว่า รูปแบบของพฤติกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน คือ ทุกพฤติกรรมที่ไม่ได้มีมาโดยกำเนิดแต่ต้องเรียนรู้ผ่านอันตรกิริยาทางสังคมกับผู้อื่น เช่น การใช้วัตถุต่าง ๆ และระบบสัญลักษณ์ รวมถึงภาษา พิธีกรรม การจัดระเบียบสังคม ประเพณี ความเชื่อและเทคโนโลยี

ภาษา

ดูบทความหลักที่: ภาษา

ขีดความสามารถของมนุษย์ในการแลกเปลี่ยนข้อสนเทศและความคิดผ่านการพูดและการเขียนไม่พบเหมือนในสปีชีส์อื่น ภาษามนุษย์นั้นเปิด คือ นำเสียงและคำจำนวนจำกัดมารวมกันสามารถสร้างเป็นความหมายได้ไม่สิ้นสุด ไม่เหมือนกับรับบสัญลักษณ์ปิดของไพรเมตอื่นซึ่งมีเสียงเป็นได้อย่างเดียวและคู่กับความหมายหนึ่ง ๆ เท่านั้น ภาษามนุษย์ยังมีความสามารถในการแทนที่ คือ การใช้คำเพื่อแทนสิ่งของและปรากฏการณ์ที่มิได้เกิดขึ้นในปัจจุบันหรือในท้องถิ่น แต่มีอยู่ในจินตนาการร่วมของคู่สนทนา[62] การแทนที่เบื้องต้นอาจพบในสปีชีส์อื่นด้วย แต่ในมนุษย์จะพบซับซ้อนเป็นพิเศษ ทำให้สัญลักษณ์และภาษาสามารถหมายถึงสภาพนามธรรมหรือแม้แต่จินตภาพล้วน ๆ ได้ และสนับสนุนวัฒนธรรมเชิงสัญลักษณ์ซับซ้อนของมนุษย์ ภาษามนุษย์ยังมีเอกลักษณ์เป็นระบบสัญลักษณ์ที่ไม่ขึ้นกับวิธี คือ ความหมายเดียวกันสามารถถ่ายทอดได้ผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น ด้วยการฟังในคำพูด ด้วยการมองเห็นโดยสัญลักษณ์ท่าทาง หรือแม้แต่สื่อกายสัมผัสอย่างอักษรเบรลล์ ความสามารถทางภาษาเป็นลักษณนิยามแห่งมนุษยชาติ และเป็นวัฒนธรรมสากล ภาษาเป็นจุดรวมการสื่อสารระหว่างมนุษย์ และสำนึกแห่งอัตลักษณ์ซึ่งรวมชาติ วัฒนธรรมและกลุ่มชาติพันธุ์เป็นหนึ่ง การคิดค้นระบบภาษาเมื่ออย่างน้อยห้าพันปีก่อนทำให้ภาษาสามารถเก็บรักษาเป็นรูปธรรม และเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ ภาษาศาสตร์อธิบายโครงสร้างและหน้าที่ของภาษาและความสัมพันธ์ระหว่างภาษา ปัจจุบันมีประมาณหกพันภาษาใช้กันอยู่ รวมทั้งภาษามือ และภาษาสูญพันธุ์อีกหลายพัน[110]

บทบาทประจำเพศ

ดูบทความหลักที่: บทบาทประจำเพศ

การแบ่งเพศมนุษย์ออกเป็นชายกับหญิงถูกแสดงทางวัฒนธรรมโดยการแบ่งบทบาท จารีต การปฏิบัติ เครื่องแต่งกาย พฤติกรรม สิทธิ หน้าที่ เอกสิทธิ์ สถานภาพและอำนาจที่ต้องกัน ความแตกต่างทางวัฒนธรรมโดยเพศเชื่อว่าเกิดตามธรรมชาติจากการแบ่งแรงงานผลิตซ้ำ (reproductive labor) คือ ข้อเท็จจริงทางชีววิทยาที่ว่าหญิงให้กำเนิดนำไปสู่ความรับผิดชอบทางวัฒนธรรมของหญิงในการเลี้ยงดูและเอาใจใส่บุตรต่อไป บทบาทประจำเพศมีหลากหลายในประวัติศาสตร์ และการคัดค้านจารีตทางเพศที่ครอบงำอยู่เกิดขึ้นในหลายสังคม

ความเป็นญาติ

ดูบทความหลักที่: ความเป็นญาติ และ การสมรส

ทุกสังคมมนุษย์จัดระเบียบ ยอมรับและแบ่งประเภทความสัมพันธ์ทางสังคมโดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างบิดาหรือมารดาและบุตร (การร่วมสายโลหิต) และความสัมพันธ์ผ่านการสมรส (ความเกี่ยวดอง) ความสัมพันธ์เหล่านี้โดยทั่วไปเรียกว่า ความสัมพันธ์แบบเครือญาติ ในสังคมส่วนมาก ความเป็นญาติตั้งความรับผิดชอบและการคาดหวังความเป็นปึกแผ่นซึ่งกันและกันต่อปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันเช่นนั้น และผู้ที่ยอมรับอีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นหมู่ญาติ (kinsman) จะมาตั้งเครือข่ายซึ่งสถาบันทางสังคมอื่นสามารถวางระเบียบผ่านได้ การทำหน้าที่ของความเป็นญาติอันหนึ่ง คือ ความสามารถในการตั้งกลุ่มการสืบเชื้อสาย (descent group) คือ กลุ่มบุคคลที่มีสายการสืบสกุลเดียวกัน ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นหน่วยการเมืองได้ เช่น ตระกูล (clan) ความเป็นญาติยังทำหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง คือ รวมครอบครัวผ่านการสมรส ตั้งเป็นความเกี่ยวดองเป็นญาติกันระหว่างกลุ่มผู้รับภรรยา (wife-taker) กับผู้ให้ภรรยา (wife-giver) ความสัมพันธ์แบบเครือญาติมักรวมระเบียบที่ปัจเจกบุคคลควรหรือไม่ควรสมรสกับผู้ใด ทุกสังคมมีกฎข้อห้ามการร่วมประเวณีกับญาติ (incest taboo) ซึ่งห้ามการสมรสระหว่างความสัมพันธ์แบบญาติบางอย่าง กฎนี้มีหลากหลายตามวัฒนธรรม บางสังคมยังมีกฎการสมรสสิทธิพิเศษ (preferential marriage) กับความสัมพันธ์แบบญาติบางอย่าง บ่อยครั้งกับลูกพี่ลูกน้องแบบข้ามหรือขนาน (cross or parallel cousin) กฎและจารีตของการสมรสและพฤติกรรมทางสังคมในวงศ์วานมักสะท้อนในระบบอภิธานศัพท์ความเป็นญาติในหลายภาษาทั่วโลก ในหลายสังคม ความสัมพันธ์แบบเครือญาติสามารถสร้างได้ผ่านการอยู่อาศัยร่วมกัน การรับบุตรบุญธรรม การเลี้ยงดูหรือมิตรภาพ ซึ่งยังมีแนวโน้มสร้างความสัมพันธ์อันมีความเป็นปึกแผ่นที่คงทน

กลุ่มชาติพันธุ์

ดูบทความหลักที่: กลุ่มชาติพันธุ์

มนุษย์มักตั้งกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักมีขนาดใหญ่กว่าเครือข่ายญาติและจัดระเบียบโดยอัตลักษณ์ร่วมกันที่นิยามหลากหลายในแง่ของบรรพบุรุษและประวัติศาสตร์ร่วมกัน จารีตวัฒนธรรมและภาษาร่วมกัน หรือฟีโนไทป์ทางชีววิทยาร่วมกัน อุดมการณ์คุณลักษณะร่วมกันเช่นนี้มักถูกทำให้ถาวรในรูปของการบรรยายอันทรงพลังและบังคับที่ให้ความชอบด้วยกฎหมายและความต่อเนื่องแก่ชุดค่านิยมร่วมกันนี้ การจัดกลุ่มชาติพันธุ์มักสอดคล้องกับองค์กรการเมืองระดับหนึ่ง ๆ เช่น กลุ่มคน เผ่า นครรัฐหรือชาติ แม้การจัดกลุ่มชาติพันธุ์จะปรากฏขึ้นและหายไปตลอดประวัติศาสตร์ สมาชิกกลุ่มชาติพันธุ์มักสร้างกรอบความคิดว่ากลุ่มของตนมีประวัติศาสตร์สืบย้อนไปไกล อุดมการณ์ดังนี้ทำให้ชาติพันธุ์มีบทบาททรงพลังในการนิยามอัตลักษณ์ทางสังคมและในการสร้งความเป็นปึกแผ่นระหว่างสมาชิกของหน่วยชาติพันธุ์การเมือง คุณสมบัติรวมของชาติพันธุ์นี้ผูกพันใกล้ชิดกับการเจริญของรัฐชาติเป็นรูปแบบองค์กรการเมืองที่มีอิทธิพลในคริสต์ศตวรรษที่ 19 และ 20[111][112][113][114][115][116]

สังคม รัฐบาลและการเมือง

ดูบทความหลักที่: รัฐบาล, การเมือง และ รัฐ

สังคมเป็นระบบองค์การและสถาบันที่เกิดขึ้นจากอันตรกิริยาระหว่างมนุษย์ รัฐเป็นชุมชนการเมืองที่มีการจัดระเบียบโดยครอบครองดินแดนที่แน่นอน มีรัฐบาล และครอบครองอธิปไตยทั้งภายในและภายนอก การรับรองการประกาศเอกราชของรัฐโดยรัฐอื่น ทำให้รัฐสามารถเข้าสู่ความตกลงระหว่างประเทศได้นั้น มักสำคัญในการสถาปนาความเป็นรัฐ "รัฐ" ยังสามารถนิยามในแง่ของสภาพภายในประเทศโดยเจาะจง ดังกรอบความคิดของมักซ์ เวเบอร์ "รัฐเป็นชุมชนมนุษย์ที่ (ประสบความสำเร็จในการ) อ้างการผูกขาดการใช้กำลังอำนาจโดยตรง 'โดยชอบด้วยกฎหมาย' ภายในอาณาเขตหนึ่ง ๆ"[117]

รัฐบาลสามารถนิยามได้ว่าเป็นวิธีการทางการเมืองในการสร้างและบังคับใช้กฎหมาย โดยทั่วไปผ่านลำดับขั้นระบบราชการประจำ การเมืองเป็นขบวนการซึ่งกระทำการตัดสินใจภายในกลุ่ม ขบวนการนี้มักเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งเช่นเดียวกับการประนีประนอม แม้คำนี้มักใช้กับพฤติกรรมภายในรัฐบาล แต่การเมืองยังพบในอันตรกิริยาทุกกลุ่มมนุษย์ รวมทั้งบริษัท สถาบันวิชาการและศาสนา มีระบบการเมืองหลากหลาย เนื่องจากมีหลายทางที่จะทำความเข้าใจระบบการเมืองเหล่านี้ และหลายนิยามก็ซ้อนทับกัน ตัวอย่างระบอบการปกครองรวมถึงราชาธิปไตย รัฐคอมมิวนิสต์ เผด็จการทหาร เทวาธิปไตย และเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเสรีประชาธิปไตยนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นใหญ่อยู่ในเวลานี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวทั้งหมดล้วนมีความสัมพันธ์โดยตรงกับเศรษฐศาสตร์

การค้าและเศรษฐศาสตร์

ดูบทความหลักที่: การค้า และ เศรษฐศาสตร์

การค้าเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการด้วยใจสมัคร และเป็นเศรษฐศาสตร์รูปแบบหนึ่ง กลไกที่ทำให้เกิดการค้าเรียกว่า ตลาด รูปแบบการค้าดั้งเดิม คือ การแลกเปลี่ยนสินค้าที่ใช้สินค้าและบริการแลกเปลี่ยนกันโดยตรง ผู้ค้าสมัยใหม่โดยทั่วไปเจรจาผ่านสื่อกลางการแลกเปลี่ยนแทน เช่น เงิน ผลคือ การซื้อสามารถแยกจากการขาย หรือรายได้ การคิดค้นเงิน (และเครดิต เงินกระดาษและเงินที่จับต้องไม่ได้ภายหลัง) ทำให้การค้าง่ายขึ้นมากและเป็นการสนับสนุนการค้า เพราะการมีความชำนัญพิเศษและการแบ่งแรงงาน บุคคลส่วนมากจึงกระจุกอยู่ในมุมเล็ก ๆ ของการผลิตหรือบริการ โดยแลกแรงงานของตนกับผลิตภัณฑ์ การค้าเกิดขึ้นระหว่างภูมิภาค เพราะแต่ละภูมิภาคมีข้อได้เปรียบในการผลิตโภคภัณฑ์ที่สามารถค้าขายได้บางอย่าง หรือเพราะขนาดที่แตกต่างกันของภูมิภาคทำให้ได้ประโยชน์จากการผลิตเป็นจำนวนมาก

เศรษฐศาสตร์เป็นสังคมศาสตร์ซึ่งศึกษาการผลิต การแจกจ่าย การค้าและการบริโภคสินค้าและบริการ เศรษฐศาสตร์เน้นศึกษาตัวแปรที่วัดได้ และแบ่งเป็นสองสาขาหลัก คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค ซึ่งเกี่ยวข้องกับตัวกระทำปัจเจก เช่น ครัวเรือนและธุรกิจ กับเศรษฐศาสตร์มหภาค ซึ่งพิจารณาเศรษฐกิจทั้งหมด ซึ่งพิจารณาอุปทานและอุปสงค์มวลรวมกับเงิน ทุนและโภคภัณฑ์ มุมของเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ คือ การจัดสรรทรัพยากร การผลิต การแจกจ่าย การค้าและการแข่งขัน ตรรกะเศรษฐกิจถูกนำไปประยุกต์ใช้กับปัญหาใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางเลือกภายใต้ความขาดแคลนหรือการกำหนดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

วัฒนธรรมวัตถุและเทคโนโลยี

"ว่าที่มนุษย์" ใช้เครื่องมือหินมาอย่างน้อย 2.5 ล้านปีมาแล้ว[118] การใช้ไฟในการควบคุมอาจเริ่มตั้งแต่ราว 1.7 ล้านปีก่อน[119] นับแต่นั้น มนุษย์ได้มีความก้าวหน้าใหญ่หลายครั้ง โดยพัฒนาเทคโนโลยีที่ซับซ้อนเพื่อสร้างเครื่องมือที่จะช่วยในการดำเนินชีวิตและเปิดให้มีพัฒนาการอย่างอื่นในทางวัฒนธรรม การก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีที่สำคัญรวมถึงการค้นพบเกษตรกรรม ซึ่งรู้จักกันในชื่อ การปฏิวัติยุคหินใหม่ และการคิดค้นเครื่องจักรอัตโนมัติในการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ศาสนาและจิตวิญญาณ

ดูบทความหลักที่: ศาสนา

โดยทั่วไป ศาสนานิยามว่าเป็นระบบความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ความศักดิ์สิทธิ์หรือความเป็นพระเจ้า ตลอดจนหลัก ค่านิยม สถาบันและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อนั้น บางศาสนายังมีหลักศีลธรรม ในพัฒนาการของศาสนานับแต่ศาสนาแรก ศาสนามีหลายรูปแบบแล้วแต่วัฒนธรรมและมิติปัจเจก บางคำถามและประเด็นหลักที่ศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึง ชีวิตหลังความตาย กำเนิดชีวิต ธรรมชาติของเอกภพ (จักรวาลวิทยาศาสนา) และชะตาสุดท้ายของเอกภพ และสิ่งใดคือศีลธรรมหรือผิดศีลธรรม แหล่งที่มาของคำตอบสามัญต่อคำถามเหล่านี้ คือ ความเชื่อในพระเจ้า เช่น เทวภาพหรือพระเจ้าองค์เดียว แม้ไม่ใช่ทุกศาสนาจะเชื่อในพระเจ้าก็ตาม จิตวิญญาณ ความเชื่อหรือความเกี่ยวข้องในเรื่องของวิญญาณหรือสปิริต เป็นหนึ่งในหลายแนวทางที่มนุษย์ใช้พยายามตอบคำถามพืนฐานเกี่ยวกับที่ของมนุษยชาติในเอกภพ ความหมายของชีวิต และวิถีอุดมคติในการมีชีวิตอยู่ แม้หัวข้อเหล่านี้ยังกล่าวถึงในวิชาปรัชญาด้วยเช่นกัน และวิทยาศาสตร์กล่าวถึงบ้างในบางขอบเขต แต่จิตวิญญาณมีเอกลักษณ์ในการมุ่งสนใจมโนทัศน์รหัสยะหรือเหนือธรรมชาติ เช่น เรื่องกรรมและพระเจ้า

แม้ระดับความเลื่อมใสในศาสนายากที่จะวัดให้แน่ชัด แต่มนุษย์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาหรือความเชื่อทางจิตวิญญาณ แม้บางคนจะไม่นับถือศาสนา มนุษย์บางกลุ่มไม่มีความเชื่อทางศาสนาหรือถืออเทวนิยม กังขาคติวิทยาศาสตร์ หรืออไญยนิยม ศาสนาและความเชื่อทางจิตวิญญาณส่วนใหญ่แตกต่างชัดเจนจากวิทยาศาสตร์ทั้งในระดับปรัชญาและระเบียบวิธี มนุษย์ส่วนใหญ่ถือทั้งมุมมองวิทยาศาสตร์และศาสนาด้วยกัน

วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

การพัฒนาวิธีที่ซับซ้อนเพื่อให้ได้ความรู้มาผ่านการสังเกตและการวัดปริมาณเป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมและความคิดมนุษย์ ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้ความรู้ของโลกทางกายภาพ ตลอดจนกฎเกณฑ์ กระบวนการและหลักของธรรมชาติ ซึ่งเมื่อรวมกับคณิตศาสตร์แล้ว ทำให้สามารถทำนายแบบรูปปัจจัยภาพและผลสืบเนื่องที่ซับซ้อน สัตว์อื่นบางชนิดสามารถรับรู้ความแตกต่างในปริมาณเล็กน้อยได้ แต่มนุษย์สามารถเข้าใจและรับรู้ปริมาณที่มากกว่า หรือแม้กระทั่งเชิงนามธรรมได้ และยังรับรู้เข้าใจแบบรูปอัลกอริทึมซึ่งเปิดทางการนับประจำอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและพีชคณิต ซึ่งไม่พบในสปีชีส์อื่น

ใกล้เคียง

มนุษย์ มนุษย์ที่มีกายวิภาคปัจจุบัน มนุษย์เลื่อยยนต์ มนุษย์หมาป่า มนุษย์พรุพีต มนุษย์หินฟลิ้นท์สโตนส์ มนุษย์โบราณ มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง มนุษย์มดมหากาฬ มนุษย์ฟลอริดา

แหล่งที่มา

WikiPedia: มนุษย์ http://www.answers.com/topic/pygmy http://www.archaeologyinfo.com/homosapiens.htm http://www.bbc.com/thai/international-40202638?STh... http://www.breitbart.com/article.php?id=0708241216... http://books.google.com/books?id=9WemAAAAIAAJ&pg=P... http://books.google.com/books?id=ITp_RnsPfzQC&pg=P... http://books.google.com/books?id=Rbq0j5ZjhGgC&pg=P... http://books.google.com/books?id=vafgWfgxUK8C&pg=P... http://books.google.com/books?id=yP6TrXRpPdMC&pg=P... http://books.google.com/books?id=zvbV4M0-YdEC&pg=P...