ประวัติมหาวิทยาลัย ของ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

หลังการการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 หรือเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง พ.ศ. 2475 มีการเปลี่ยนแปลงการศึกษาเข้าสู่ยุคการศึกษาสมัยปกครองตามระบอบรัฐธรรมนูญ ในช่วงนั้นรัฐบาลมีการจัดตั้งโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยเฉพาะทางขึ้นมามากมายให้ประชาชนได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงตามสิทธิของตนในระบอบรัฐธรรมนูญ นำความรู้นั้นพัฒนาชาติต่อไป โดยมีการนำวัง พระราชวัง ที่พัก และพื้นที่ที่รัฐบาลยึดจากเชื้อพระวงศ์และบุคคลสำคัญบางแห่งใช้มาเป็นสถานที่ราชการและสถานศึกษาจำนวนมาก เช่น วังหน้า ใช้เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, บ้านนรสิงห์ ใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลไทย เป็นต้น ภายหลังทรัพย์สินเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 และนี่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆของโรงเรียนการเรือน-มหาวิทยาลัยสวนดุสิต

การจัดการศึกษาเพื่อจะให้พลเมืองได้มีการศึกษาโดยแพร่หลาย ก็จะต้องอนุโลมตามระเบียบการปกครองที่ให้เข้าลักษณะเกี่ยวกับแผนเศรษฐกิจแห่งชาติ หลักสูตรของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยจะต้องขยายให้สูงขึ้นเท่าเทียมอารยประเทศ ในการนี้จะต้องเทียบหลักสูตรของนานาประเทศ หลักสูตรใดสูงถือตามหลักสูตรนั้น

– มโนปกรณ์นิติธาดา,พระยา

โรงเรียนมัธยมวิสามัญการเรือน (พ.ศ. ๒๔๗๗-๒๔๘๐)

โรงเรียนมัธยมวิสามัญการเรือน สังกัดกองอาชีวศึกษา กรมวิชาการ กระทรวงธรรมการ(กระทรวงศึกษาธิการ) โดย เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๕–พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นผู้วางโครงการก่อตั้งโรงเรียนการเรือน และ พระสารสาสน์ประพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๗๗ - พ.ศ. ๒๔๗๘ ผู้ดำเนินการก่อตั้งโรงเรียนมัธยมวิสามัญการเรือน โดยโรงเรียนฯ เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 ที่วังกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร พณิชยการพระนคร) โดยมี คุณหญิงเพชรดา ณ ป้อมเพชร์ (นามเดิม ม.ล.จิตรจุล กุญชร) เป็นครูใหญ่คนแรก โรงเรียนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกอบรมการบ้านการเรือนสำหรับสตรี หลักสูตร 4 ปี และได้เริ่มเปิดสอนหลักสูตรอบรมครูการเรือนขึ้นเป็นครั้งแรกมีความมุ่งหมายเพื่อเตรียมผู้ที่จะออกไปมีอาชีพครูในสาขานี้

โรงเรียนการเรือน (วังจันทรเกษม) (พ.ศ. ๒๔๘๐-๒๔๘๔)

พ.ศ. 2480 ได้ย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่วังจันทรเกษม (กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) และเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนมัธยมวิสามัญการเรือนมาเป็น “โรงเรียนการเรือน” (จากเอกสารพบว่าใช้ชื่อโรงเรียนการเรือนเท่านั้น ส่วนวังจันทรเกษมนักเรียนและผู้ปกครองมีการใช้เรียกต่อท้ายเอง) สังกัดกองและกรมเดิม โดยเปิดสอนหลักสูตรมัธยมการเรือน (หลักสูตร 3 ปี) และหลักสูตรการเรือนชั้นสูง (หลักสูตร 3 ปี) โดยโรงเรียนการเรือนนี้เป็นโรงเรียนแบบ Finishing school เหมือนทางยุโรป คือ มีสอนงานบ้าน งานเรือนสำหรับกุลสตรี การจัดดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง งานศิลปะ การประกอบอาหาร มารยาท และการเข้าสังคม เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากโรงเรียนการช่างสตรีอื่นในยุคสมัยเดียวกัน นักเรียนเสียค่าเล่าเรียนภาคการศึกษาละ 150 บาทซึ่งถือว่าเป็นค่าเล่าเรียนที่สูงพอสมควรในยุคสมัยนั้น

โรงเรียนการเรือนพระนคร (พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๕๐๔)

พ.ศ. 2484 โรงเรียนได้ย้ายจากวังจันทรเกษม (ที่ตั้งกระทรวงศึกษาธิการปัจจุบัน) มาตั้งอยู่ในบริเวณวังสวนสุนันทา บนพื้นที่ประมาณ 37 ไร่ (รวมพื้นที่โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ) บนกรรมสิทธิ์ที่ดินของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของมหาวิทยาลัยในปัจจุบันและเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนการเรือนพระนคร” ย้ายสังกัดจากกองอาชีวศึกษาไปสังกัดกองฝึกหัดครู กรมสามัญศึกษา เปิดสอนหลักสูตร ป.กศ., ป.กศ. ชั้นสูง

  • วังสวนสุนันทา พระราชวังดุสิต เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จมาประทับที่พระราชวังสวนดุสิตเป็นการถาวรหลังจากการเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่สองแล้ว ทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างพระราชอุทยานขึ้นทางด้านหลังของพระที่นั่งอัมพรสถาน โดยให้มีลักษณะแบบสวนป่าแต่อยู่ในวังเพื่อเป็นที่ประทับของพระมเหสี พระราชธิดา และข้าบาทบริจาริกาของพระองค์ภายในสวนนี้ด้วย และพระราชทานนามสวนนี้ว่า “สวนสุนันทา” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สวนนี้เป็นหนึ่งในสี่สวนสร้างล้อมรอบพระราชวังดุสิตตามความเชื่อเรื่องสวนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งมีอุทยานสวรรค์ 4 แห่งประกอบด้วย สวนนันทวัน หรือ นันทวนุทยาน หรือ สวนสุนันทา(ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยในปัจจุบัน รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกองการสื่อสาร กรมการปกครอง ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย) สวนจิตลดาวันหรือ สวนจิตรลดา (ที่ตั้งพระตำหนักสวนจิตรลดาปัจจุบัน) สวนปารุสวัน(ที่ตั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาลปัจจุบัน) และสวนมิสกวัน (ที่ตั้งกองบัญชาการกองทัพภาค1ปัจจุบัน) ที่ตั้งสวนสุนันทาแต่เดิมคงจะเป็นที่ว่างระหว่างถนน 4 สาย คือ ถนนตะพานทอง (ถนนสามเสนใน) ถนนดวงดาวใน (ถนนนครราชสีมา) ถนนใบพร (ถนนอู่ทองนอก) และ ถนนซังอี้ (ถนนราชวิถี) จึงโปรดให้ขยายเขตพระราชฐานออกไปถึงถนนตะพานทอง และขยายถนนให้ใหญ่ขึ้นเท่าถนนซังอี้และถนนใบพร เอาถนนดวงดาวในมาเป็นถนนภายในพระราชวัง พร้อมทรงคาดการณ์ว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะโปรดฯ ให้รื้อกำแพงพระราชฐานด้านหลังออก รวมบริเวณสวนสุนันทาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพระราชฐาน แต่ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อนการรื้อกำแพงด้านหลังจึงระงับไป มีเพียงทางติดต่อจากเขตพระราชฐานทางด้านถนนบ๊วยเพียงประตูเดียวรัชกาลที่ 6 จึงได้พระราชทานนามประตูนี้ว่า “สุนันทาทวาร”

ในสวนสุนันทานี้มีตำหนักรวมทั้งสิ้นจำนวน 32 ตำหนัก (อยู่ในฝั่งโรงเรียนการเรือนพระนคร 15 ตำหนัก) พระตำหนักที่สำคัญในพื้นที่โรงเรียนการเรือนพระนคร เช่น พระตำหนักพระราชชายา เจ้าดารารัศมี(ปัจจุบันรื้อถอนไปแล้วตั้งอยู่บริเวณทางเชื่อมอาคาร 2 และ 3), พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า(แต่ไม่ได้เสด็จมาประทับ) ปัจจุบันคืออาคารศิลปวัฒนธรรม, สมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์(ปัจจุบันรื้อถอนไปแล้วตั้งอยู่บริเวณสระว่ายน้ำสวนดุสิต) เป็นต้น และรัชกาลที่ 6 โปรดฯ ให้สร้างท้องพระโรง (พระที่นั่งนงคราญสโมสร) ในปี พ.ศ. 2465

  • สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นระยะเวลาที่จังหวัดพระนคร (กรุงเทพฯ) ถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ทำให้ต้องอพยพนักเรียนฝึกหัดครูอนุบาลไปเรียนที่โรงเรียนดัดดรุณี จังหวัดฉะเชิงเทรา และอพยพนักเรียนการเรือนชั้นสูงไปเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดแจ้ง อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา บางส่วนไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา หลังจากสงครามสงบอาคารหลายหลังของโรงเรียนฯถูกทำลายและเสียหายจากการโจมตีทางอากาศ จนปี 2490 จึงมีการย้ายนักเรียนโรงเรียนการเรือนพระนครกลับมาเรียนยังสถานที่เดิม
  • โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ พ.ศ. 2498 โอนแผนกฝึกหัดครูอนุบาล จากโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ มาสังกัด โรงเรียนการเรือนพระนคร
  • งานชุมนุมแม่บ้าน งานชุมนุมแม่บ้านซึ่งจัดโดยวิทยาลัยครูสวนดุสิตและสมาคมคหเศรษศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยการริเริ่มของ คุณหญิงกระจ่างศรี รักตะกนิษฐ์ ช่วงปี พ.ศ. 2501 จนถึง พ.ศ. 2518 โดยงานชุมนุมแม่บ้านทุกปีจะจัดในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายน และต้นเดือนธันวาคม นับว่าเป็นงานประจำปีซึ่งเป็นแหล่งที่รวมของผู้สนใจและรักงานคหกรรมศาสตร์โดยแท้จริง สำหรับงานชุมนุมแม่บ้านจัดขึ้นเพื่อศูนย์กลางให้แม่บ้านผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีชื่อเสียงในงานบ้านแขนงต่าง ๆ เป็นการส่งเสริมงานด้านคหกรรมศาสตร์และการเรือน โดยในงานมีการแสดงสาธิตและประกวดการทำอาหาร งานศิลปะประดิษฐ์ แกะสลัก ร้อยมาลัย จัดดอกไม้ งานตัดเย็บเสื้อผ้า ฯลฯ

วิทยาลัยครูสวนดุสิต (พ.ศ. ๒๕๐๔-๒๕๑๘)

ยกฐานะโรงเรียนฝึกหัดครู (โรงเรียนการเรือนคือโรงเรียนฝึกหัดครูด้านการเรือน) เป็นวิทยาลัยครูในนาม “วิทยาลัยครูสวนดุสิต” นับเป็นครั้งแรกที่ใช้นาม “สวนดุสิต” ซึ่งเป็นชื่อของสถานที่ตั้งของวิทยาลัยฯ เป็นชื่อสถานศึกษานับแต่นั้น

โอ้อาลัยไม่อยากจะจากมิตรสวนดุสิตที่สุขสนุกสนาน
เคยสุขใจใกล้มิตรชิดอาจารย์จากสถานศึกษาแสนอาลัย
แม้จากไปไกลแสนสุดแผ่นดินจะลืมถิ่นดุสิตผิดวิสัย
เราจะพบสังสรรค์กันทางใจเหมือนอยู่ในสวนดุสิตเป็นนิตย์เอย
โชคของเราดีเหลือเมื่อคิดว่าได้โอกาสศึกษาสมประสงค์
โชคของเราดีแน่และมั่นคงเมื่อถูกส่งเข้าวิทยาลัย
โชคของเราที่เข้าสวนดุสิตได้มีมิตรมีครูอยู่ใกล้ใกล้
โชคของเราที่เข้าแต่เยาว์วัยคุณครูได้สอนสั่งหลั่งเมตตา
โชคของเราเหลือดีที่คุณครูคอยเผ้าดูปกปักอารักขา
โชคของเราเหลือดีที่ได้มาเป็นศิษย์ฝึกศึกษาวิชาครู
โชคของเราดีเลิศเกิดเป็นไทยมีประเทศกว้างใหญ่เป็นที่อยู่
โชคของเราแสนดีที่คุณครูให้ความรู้กว้างใหญ่อย่างเลิศเอย

ปิ่น มาลากุล,ม.ล.,16 ม.ค.2515

วิทยาลัยครูสวนดุสิต (พ.ศ. ๒๕๑๘-๒๕๓๕)

ก่อนปีพ.ศ. 2518 วิทยาลัยครูหลายแห่งยังเปิดเปิดสอนได้เพียงระดับ ป.กศ. และ ป.กศ.(ชั้นสูง) เรื่อยมาจนถึง พ.ศ. 2518 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยครูขึ้นเพื่อให้วิทยาลัยครูทั้งหมดสามารถเปิดสอนระดับปริญญาได้ โดยให้สังกัดกองการฝึกหัดครู กรมการฝึกหัดครู โดยให้มี 3 คณะวิชาได้แก่ คณะวิชาครุศาสตร์ คณะวิชาวิทยาศาสตร์ คณะวิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

  • วิทยาลัยครู ปี พ.ศ. 2518 โรงเรียนฝึกหัดครูได้เปลี่ยนสถานะเป็น วิทยาลัยครู ตามพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ. 2518 รวมทั้งสิ้น 17 แห่ง เพื่อให้วิทยาลัยเหล่านี้เปิดสอนในระดับปริญญาได้
  • โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ ปี พ.ศ. 2518 โรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ ถูกโอนไปสังกัดวิทยาลัยครูสวนดุสิต ในชื่อ “โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโรงเรียนสาธิตละอออุทิศในปี พ.ศ. 2550-ปัจจุบัน
  • คหกรรมศาสตร์ ถือเป็นยุคของคหกรรมศาสตร์ของวิทยาลัยครูสวนดุสิต มีการรวบรวมองค์ความรู้ บุคลากรเพื่อใช้ในการถ่ายทอดงานวิชาด้านคหกรรมศาสตร์และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางโดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ท่านหนึ่งคือ คุณหญิงกระจ่างศรี รักตะกนิษฐ อธิการวิทยาลัยครูสวนดุสิตในขณะนั้น
  • โฮมเบเกอรี่(Home Bakery) ปี พ.ศ. 2528 ทางวิทยาลัยฯได้เปิดสอนระดับอนุปริญญา สาขาคหกรรมศาสตร์ โดยมีการจัดสอนการทำขนมเค้กขึ้นและด้วยที่ขณะนั้นทางวิทยาลัยฯ ขาดแคลนอุปกรณ์ในการสอน ทำให้นักศึกษาต้องช่วยกันลงขันเป็นเงินจำนวน 1,692.25 บาท เพื่อทำขนมส่งอาจารย์ หลังจากส่งอาจารย์แล้วก็นำไปแจกจ่ายให้กับบุคคลที่รู้จักทั่วไป ภายหลังมีการนำไปจำหน่ายเพื่อหาเป็นทุนในการทำเค้กครั้งต่อไป จากรสชาติที่อร่อยจึงกลายเป็นการพูดแบบปากต่อปากจนทำให้ขนมเริ่มมีคนซื้อจำนวนมากขึ้น ทางวิทยาลัยฯ จึงจัดสรรพื้นที่โรงจอดรถของอธิการ(ที่ตั้งโฮมเบเกอรี่ปัจจุบัน) เป็นสถานที่ฝึกประสบการณ์และแหล่งเรียนรู้ของนักศึกษาคหกรรมศาสตร์ โดยใช้ชื่อโครงการว่า “โครงการอาหารกลางวัน 2” (โครงการอาหารกลางวัน 1 คือ ครัวสวนดุสิต) ขนมเค้กที่รู้จักกันดีนับแต่นั้นคือ ”ท๊อฟฟี่เค้ก” โดยผู้คิดค้นสูตรนี้และอีกหลายร้อยชนิดคือ อาจารย์(ศาสตราจารย์)วันเพ็ญ จงสวัสดิ์ และทางมหาวิทยาลัยก็ได้พัฒนารูปแบบโฮมเบเกอรี่มาจนถึงทุกวันนี้
  • โบราณสถานอาคารพระที่นั่งนงคราญสโมสรและวังสวนสุนันทา ปี พ.ศ. 2522 บริเวณวังสวนสุนันทาเดิมทั้งหมด 121 ไร่ 3 งาน 90 ตารางวา ปัจจุบันคือที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมการบรรเทาสาธารณภัย และมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ถูกจัดให้เป็นเขตโบราณสถานเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2522 โดยการดูแลจากกรมศิลปากรในฐานะผู้ดูแลโบราณสถานของชาติ และสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน
  • คณะวิทยาการจัดการ ถือเป็นคณะใหม่ของสถาบันฯ จัดตั้งเพื่อรองรับสาขาที่จะเปิดสอนขึ้นใหม่ในขณะนั้นได้แก่ บริหารธุรกิจ บัญชี เศรษฐศาสตร์ นิเทศศาสตร์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
  • คณะศิลปกรรมศาสตร์ จัดตั้งเป็นคณะฯหลังการเปลี่ยนสถานะเป็นสถาบันราชภัฏ โดยโอนย้ายสาขาที่เกี่ยวข้องจากคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์มาได้แก่ ออกแบบนิเทศศิลป์,ออกแบบประยุกต์ศิลป์,ออกแบบอุตสาหกรรมศิลป์ แต่เนื่องจากสถานที่จัดการเรียนการสอนในขณะนั้นคับแคบ การจราจรหนาแน่นไม่เอื้อต่อการเรียนด้านการออกแบบ ทางสถาบันมีแนวคิดที่จะย้ายสถานที่และจัดตั้งคณะใหม่ในชื่อ คณะการออกแบบ ที่โครงการวิทยาเขตสุพรรณบุรี จึงมีการย้ายการเรียนการสอนจาก ที่ตั้งคณะฯ อาคาร 1 และ อาคาร 13 ไปที่ศูนย์ธนาลงกรณ์(ธนาลงกรณ์ทาวเวอร์) เป็นการชั่วคราว และยุบคณะศิลปกรรมศาสตร์โดยโอนสาขาทั้งหมดกลับไปยังคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ดูแล หลังจากนั้นมีการทดลองเปิดสาขาออกแบบแฟชั่น,ออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ ที่อาคารแฟชั่นและอาคารกลางน้ำ โครงการวิทยาเขตสุพรรณบุรีในเวลาต่อมา และมีการพัฒนาสาขาขึ้นมาใหม่คือ สาขาออกแบบนิทรรศการและงานแสดง ปัจจุบันสาขาทั้งหมดและโครงการจัดตั้งคณะยุบไปหมดแล้วคงเหลือเพียงสาขาเดียวคือ ออกแบบนิทรรศการและงานแสดง ซึ่งปัจจุบันโอนสังกัดจากคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์มายังโรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ วิทยาเขตสุพรรณบุรีแทน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552

สถาบันราชภัฏสวนดุสิต (พ.ศ. ๒๕๓๕-๒๕๔๗)

ปี พ.ศ. 2535 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคธุรกิจต่างๆ ของประเทศ ภารกิจของสถาบันราชภัฏที่เพิ่มขึ้นในขณะนั้นก็เพื่อการสร้างบุคลากรให้เพียงพอและตรงกับความต้องการด้านแรงงานของประเทศ ส่งผลให้วิทยาลัยครูสวนดุสิตเปลี่ยนสถานะและชื่อ เป็น “สถาบันราชภัฏสวนดุสิต” และสังกัดสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ กระทรวงศึกษาธิการ

  • สวนดุสิตโพล ปี พ.ศ. 2534 วิทยาลัยฯ ได้เปิดสอนวิชาเอกบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ เพื่อสร้างนักสารนิเทศขึ้นรองรับตลาดงานในช่วงนั้น และมีการจัดตั้งสวนดุสิตโพลขึ้นในปี พ.ศ. 2535 เพื่อที่นักศึกษาวิชาเอกบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ ใช้เป็นแหล่งสร้างเสริมทักษะและประสบการณ์
  • ศูนย์การศึกษานอกสถาบัน ช่วงปีพ.ศ. 2538-พ.ศ. 2552 มีความต้องการของผู้เรียนที่ต้องการเข้าศึกษาในสถาบันฯ จำนวนมาก สถาบันฯ จึงมีการจัดตั้งศูนย์การศึกษานอกสถาบันขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด เปิดสอนในระบบปกติทั้งภาคปกติและภาคสมทบ ปริญญาตรี และปริญญาโทในบางศูนย์ฯ เพื่อรองรับรองความต้องการของผู้เรียน โดยผู้เรียนภาคปกติเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ ในช่วง 2 ปีแรกจะเรียนที่ศูนย์การศึกษา และเข้ามาศึกษาอีก 2 ปีในสถาบันฯ กรุงเทพฯและปริมณฑลได้แก่ ศูนย์ซุปเปอร์เซฟ ศูนย์องค์การเภสัชกรรม ศูนย์อรรถวิทย์ ศูนย์ดุสิตพณิชยการ ศูนย์จรัลสนิทวงษ์ ศูนย์สุโขทัย ศูนย์สันติราษฏร์ ศูนย์ธนาลงกรณ์ ศูนย์บุษยมาส ศูนย์เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ศูนย์อิมพีเรียลบางนา ศูนย์ระนอง2 ศูนย์ลุมพินี ศูนย์พณิชยการสยาม(ภายหลังยุบและย้ายไปศูนย์รางน้ำ) ศูนย์พงษ์สวัสดิ์ ต่างจังหวัดได้แก่ ศูนย์นครนายก ศูนย์ปราจีนบุรี ศูนย์นครปฐม ศูนย์ชลบุรี ศูนย์พัทยา ศูนย์สระบุรี ศูนย์พะเยา ศูนย์ลำปาง ศูนย์พิษณุโลก ศูนย์ตรัง ศูนย์หนองคาย วิทยาเขตสุพรรณบุรี และศูนย์หัวหิน ทำให้ช่วงนั้นสถาบันฯ มีนักศึกษารวมมากกว่า 4.5 หมื่นคน อาจารย์และบุคลากรกว่า 2,000 คน ในช่วงดังกล่าวนี้มีการนำเทคโนโลยีช่วยสอนและจัดการมาใช้เป็นครั้งแรก เช่น Video Conference, Video on demand, E-learning, Visual library, ระบบบริหารการศึกษา, E-asm Kiosk, ระบบ Intranet เป็นต้น ภายใต้นโยบาย “เทคโนโลยีก้าวไกล อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน”

ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนศูนย์การศึกษาเพื่อบริการท้องถิ่นและชุมชนคงเหลือเพียง 5 แห่งบนพื้นที่ของตนเอง ได้แก่ ศูนย์นครนายก ศูนย์ตรัง ศูนย์ลำปาง ศูนย์หัวหิน วิทยาเขตสุพรรณบุรี และเปลี่ยนเป็นศูนย์การเรียนรู้ 2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์รางน้ำ ศูนย์ระนอง2

  • โครงการจัดตั้งวิทยาเขตสุพรรณบุรี ปี พ.ศ. 2538 พื้นที่ของสถาบันฯขณะนั้นมีความคับแคบ สถาบันฯจึงเล็งเห็นความสำคัญในการขยายพื้นที่เพื่อรองรับคณะใหม่ในตอนนั้นคือ คณะการออกแบบและคณะวิทยาศาสตร์การอาหาร จึงมีการจัดหาพื้นที่และได้ประสานงานไปยังจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อขอใช้พื้นที่สาธารณะลาดชะโด พื้นที่ 197 ไร่เศษ เพื่อจัดสร้างวิทยาเขตของสถาบันฯ ในช่วงแรกสถาบันได้จัดสร้างอาคารที่ทำการ และอาคารกลางน้ำ และอาคารหอพักนักศึกษา 3 อาคาร และสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ ปัจจุบันมีการจัดตั้งเป็นวิทยาเขตสุพรรณบุรีแล้วในปี พ.ศ. 2559 บนพื้นที่ 207 ไร่
  • โครงการจัดตั้งคณะนิเทศศาสตร์ หากกล่าวถึงนิเทศศาสตร์ช่วงปี พ.ศ. 2538-พ.ศ. 2549 สวนดุสิตถือเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงทางด้านนิเทศศาสตร์สถาบันหนึ่งของประเทศโดยเฉพาะสาขาวิทยุและโทรทัศน์ซึ่งขณะนั้นมีนักศึกษาที่ทำการศึกษาในระบบทุกชั้นปีในสาขานี้รวมมากกว่า 5 พันคน สาขานี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านสื่อสารมวลชนซึ่งตลาดแรงงานมีความต้องการมากในขณะนั้น และพัฒนาศิลปิน นักแสดง นักสื่อสารมวลชนมีชื่อเสียงมากมาย โดยจัดการเรียนการสอนที่ศูนย์ระนอง 2 และศูนย์ลุมพินี(ปัจจุบันศูนย์การศึกษานี้ยุบแล้ว)
  • ธุรกิจการโรงแรม สาขาที่มีชื่อเสียงอีกสาขาหนึ่งของสถาบันฯ คือ โปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แขนงธุรกิจการโรงแรม เพื่อสร้างบุคลากรด้านการโรงแรม สอดคล้องกับความต้องการแรงงานของประเทศในยุคนั้นที่รัฐบาลมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยทำเปิดสอนที่ ศูนย์พนิชยการสันติราษฎร์และในสถาบันฯ
  • โรงแรมเดอะสวนดุสิตพาเลซ(สวนดุสิตเพลส) ปี พ.ศ. 2536 มีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนด้านการโรงแรมใช้ขื่อโครงการว่า “โครงการอาคารอเนกประสงค์ปฏิบัติวิชาชีพธุรกิจ” หรือ โรงแรมเดอะสวนดุสิตพาเลซ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น โรงแรมสวนดุสิตเพลสในปัจจุบัน
  • บัณฑิตวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2540 จัดตั้งบัณฑิตวิทยาลัยขึ้น เริ่มเปิดสอนระดับปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (Master of Business Administration) โดยร่วมมือกับ Victoria University ประเทศแคนาดา ในช่วงแรกจัดการเรียนการสอนที่ อาคาร 11 ชั้น 2,5,6,7 ปัจจุบันจัดการเรียนการสอนที่อาคารบัณฑิตวิทยาลัย แยกสวนรื่น เขตดุสิต
  • สวนดุสิตเกมส์ ปี พ.ศ. 2545 สถาบันราชภัฏสวนดุสิตในขณะนั้นได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาสถาบันราชภัฏถือว่าเป็นการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนผู้ร่วมงานพิธีเปิดกว่า 4 หมื่นคน โดยใช้งบประมาณในการจัดการแข่งขันขณะนั้นมากกว่า 40 ล้านบาท จัดขึ้น ณ สนามกีฬา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ปัจจุบันกีฬาสถาบันราชภัฏได้ถูกผนวกเข้ากับกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยในปัจจุบันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548
  • ธุรกิจการบิน ปี พ.ศ. 2545 จากการริเริ่มของ ดร.สุรพล ศิริเศรษฐ ที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาแรงงานด้านธุรกิจการบินเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจนี้หลังจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิและการส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินของรัฐบาล จึงมีการพัฒนาสาขานี้ขึ้นเป็นแห่งแรก โดยจัดการเรียนการสอนที่ ศูนย์หัวหิน
  • สถาบันการอาหารสวนดุสิต ปี พ.ศ. 2546 มีการจัดตั้งหน่วยการเพื่อพัฒนาการเรียนการสอนด้านการอาหารและรองรับภารกิจด้านการอาหารในอนาคตของสถาบันในชื่อ สถาบันการอาหารสวนดุสิต ก่อนจะใช้ชื่อเป็นโรงเรียนการอาหารนานาชาติสวนดุสิต และศูนย์ฝึกปฏิบัติการอาหารนานาชาติสวนดุสิต สังกัดโรงเรียนการเรือน ตามลำดับ

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (พ.ศ. ๒๕๔๗-๒๕๕๘)

สถาบันราชภัฎสวนดุสิตได้ปรับเปลี่ยนสถานภาพจาก “สถาบันราชภัฏ” เป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏ” ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 โดยใช้ชื่อว่า “มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต” สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

  • ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ (ศูนย์พัฒนาทรัพยากรมนุษย์เดิม) ปี พ.ศ. 2548 มีการจัดสร้างอาคารใหม่ตรงข้ามมหาวิทยาลัย บนที่ดินกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ภายหลังอาคารแล้วเสร็จใช้ชื่ออาคาร ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน เพื่อเป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์และใช้เป็นสถานที่อบรมต่างๆ ของทั้งหน่วยงานภายนอกและภายในมหาวิทยาลัย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ปี พ.ศ. 2550 มหาวิทยาลัยได้ทำการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ แห่งใหม่ขึ้นบนถนนสิรินธร และปี พ.ศ. 2553 หลังจากอาคารแล้วเสร็จจึงย้ายห้องปฏิบัติการด้านวิทยาศาสตร์ทั้งหมดจากอาคาร 11 ชั้น 3-5 และสำนักงานคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ฯเดิม(ปัจจุบันรื้อถอนและจัดสร้างเป็นอาคารสำนักงานมหาวิทยาลัย) ไปยังศูนย์วิทยาศาสตร์ฯ ในปัจจุบันเพื่อรองรับการเรียนการสอนหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพของมหาวิทยาลัย
  • คณะพยาบาลศาสตร์ ปี พ.ศ. 2550 มีการจัดตั้งคณะใหม่คือคณะพยาบาลศาสตร์ขึ้นใหม่ และรับนักศึกษารุ่นแรกจำนวน 60 คน
  • โรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ ปี พ.ศ. 2552 ด้วยอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่เป็นที่ยอมรับในชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมการบริการ ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยฯ จึงมีมติรวม สาขาธุรกิจการโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจการบิน จากคณะวิทยาการจัดการ และออกแบบนิทรรศการและงานแสดง จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เข้าเป็นคณะใหม่ในชื่อ โรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ
  • โรงเรียนการเรือน ปี พ.ศ. 2552 มีการรวมสาขาที่เกี่ยวข้องด้านอาหารและคหกรรมศาสตร์ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและการบริการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คหกรรมศาสตร์ จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคาร จากคณะวิทยาการจัดการ เข้าเป็นคณะใหม่ในชื่อ โรงเรียนการเรือน

มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (พ.ศ. ๒๕๕๘- ปัจจุบัน)

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 เปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสวนดุสิต พ.ศ. 2558 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 มีฐานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ภายในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยไม่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

ใกล้เคียง

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม