มะเร็งท่อน้ำดี หรือ
โคแลงจิโอคาร์ซิโนมา (
อังกฤษ: cholangiocarcinoma) เป็น
มะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดกับ
ท่อน้ำดีซึ่งเป็นอวัยวะที่นำ
น้ำดีจาก
ตับมายัง
ลำไส้เล็ก มะเร็งอื่นๆ ในทางเดินน้ำดีมีเช่น
มะเร็งตับอ่อน มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งของ
กระเปาะของวาเตอร์เป็นต้น มะเร็งท่อน้ำดีถือเป็น
มะเร็งชนิดต่อมอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างพบน้อยโดยมีอุบัติการณ์ต่อปีประมาณ 1-2 รายต่อ 100,000 คนในโลกตะวันตก
[1] แต่อุบัติการณ์ของมะเร็งท่อน้ำดีในไทยกลับมีสูงมากที่สุดในโลก
[2] และในช่วงหลายสิบปีมานี้อัตราอุบัติการณ์ของมะเร็งท่อนำดีทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้น
[3]อาการเด่นของมะเร็งท่อน้ำดีคือการมีผล
การตรวจการทำงานของตับผิดปกติ
ปวดท้อง ดีซ่าน น้ำหนักลด และอาจมีอาการ
คันทั่วไป มี
ไข้ สีของ
อุจจาระและ
ปัสสาวะเปลี่ยนไป โรคนี้วินิจฉัยโดยอาศัยผลตรวจเลือด ผลตรวจภาพรังสี ผลการส่องกล้อง และบางครั้งอาจต้องอาศัยการผ่าตัดเปิดสำรวจ มะเร็งท่อน้ำดีมักปรากฏอาการในระยะท้ายๆ ของโรคซึ่งทำให้เป็นการจำกัดทางเลือกในการรักษา ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งท่อน้ำดี เช่น โรค
ท่อน้ำดีอักเสบแข็งปฐมภูมิ ความผิดปกติแต่กำเนิดของตับ การติดเชื้อพยาธิในตับอย่างเช่น พยาธิใบไม้ในตับ
Opisthorchis viverrini หรือ
Clonorchis sinensis การสัมผัส
สารทึบรังสีบางชนิดเช่น Thorotrast เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีส่วนใหญ่ไม่ปรากฏปัจจัยเสี่ยงชัดเจนมะเร็งท่อน้ำดีเป็นโรคที่สามารถมีอันตรายถึงตายได้อย่างรวดเร็วและไม่มีทางรักษาหากไม่สามารถตัดเนื้อมะเร็งออกให้หมดได้ ยังไม่มีการรักษาใดๆ ที่มีโอกาสรักษาโรคให้หายได้นอกจาก
การผ่าตัด ในขณะที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าจะได้รับการวินิจฉัยก็เป็นระยะที่โรคลุกลามไปมากและไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว ผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีมักได้รับการดูแลรักษาด้วยการให้
เคมีบำบัดหรือ
รังสีรักษาเป็น
การรักษาแบบประคับประคอง การรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ยังใช้ร่วมกับการผ่าตัดหลังการผ่าตัดสำเร็จด้วย
งานวิจัยทางการแพทย์บางสายพยายามใช้วิธีการใหม่ๆ ในการรักษามะเร็งท่อน้ำดี วิธีการเหล่านี้เช่น การรักษาด้วยยาแบบ
targeted therapy (เช่น ยา
erlotinib) หรือ
photodynamic therapy รวมทั้งมีการวิจัยหาทางวินิจฉัยโรคโดยใช้การตรวจวัดระดับของผลผลิตจากเซลล์สโตรมัลของมะเร็ง