บทความนี้มีการอ้างถึงคำสั่งศาล คำพิพากษา หรือคำวินิจฉัยของศาลในระบบซีวิลลอว์
ยืม (
อังกฤษ: loan;
ฝรั่งเศส: prêt, /เปร/) หมายความว่า "ขอสิ่งของมาใช้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วคืนให้หรือใช้คืน"
[1] ในทางกฎหมายเป็น
สัญญาประเภท
สัญญามีชื่อ ซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า "ผู้ให้ยืม" (
อังกฤษ: lender) ส่งมอบ
ทรัพย์สินของตนให้แก่บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า "ผู้ยืม" (
อังกฤษ: borrower) เพื่อให้ผู้ยืมใช้สอย และผู้ยืมจะได้คืนทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ให้ยืมเมื่อเขาใช้สอยเสร็จแล้ว
[2] แบ่งเป็นสองประเภท ได้แก่
ยืมใช้คงรูป (
อังกฤษ: loan for use;
ฝรั่งเศส: prêt à usage) คือ สัญญายืมที่ผู้ให้ยืมให้ผู้ยืมใช้สอยทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่า และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว
[3] กับ
ยืมใช้สิ้นเปลือง (
อังกฤษ: loan for consumption;
ฝรั่งเศส: prêt de consommation) คือ สัญญายืมซึ่งผู้ให้ยืมโอน
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้ไปสิ้นไปนั้นเป็นปริมาณมีกำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น
[4] โดยการยืมอันมี
วัตถุแห่งสัญญาเป็น
เงินนั้น เรียก
"กู้ยืม" (
อังกฤษ: loan of money;
ฝรั่งเศส: emprunt)
[1] และจัดเป็นลักษณะหนึ่งของยืมใช้สิ้นเปลือง
[5]การยืมทั้งหลายเหล่านี้ นับเป็นพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่เคยยืมหรือถูกยืม ไม่ว่าจะเป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ดินสอ ปากกา ยางลบ ไปจนถึงของสำคัญต่าง ๆ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่งก็เนื่องจากสมาชิกในสังคมมิได้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน กับทั้งความจำเป็นหลาย ๆ ด้าน อาทิ ในการประกอบธุรกิจที่ต้องการทุนสูงหรือทุนหมุนเวียน และอาจรวมถึงกิเลสตัณหาอยากได้อยากมีจนเกิดสำนวนไทยว่า "กู้หนี้ยืมสิน" การยืมจึงก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ให้ยืมกับผู้ยืม ซึ่งบางทีนำไปสู่ความวิวาทบาดทะเลาะในสังคม ดังนั้น เพื่อความสงบเรียบร้อยของส่วนรวม กฎหมายจึงเข้ามาควบคุมพฤติกรรมในการยืม
[6]